'รอมฎอน' ซัด รบ.ลังเลแก้ปัญหาชายแดนใต้ เรียกร้องเจรจา BRN ระบุ 'นายกฯ อิ๊งค์' ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้าพูดคุย แนะขีดเส้นการมีร่วมมาเลเซีย เหตุเป็นเรื่องภายในของไทย
07 พ.ค.2568 - นายรอมฎอน ปันจอร์ สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ ว่า ถ้าพิจารณาเฉพาะรายเหตุการณ์ช่วง 2 -3 สัปดาห์นี้ ภาพรวมของการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คนในพื้นที่และคนที่ติดตามสถานการณ์ก็ชัดเจนว่ารัฐบาลดูเหมือนจะยังลังเล และไม่ชัดเจนมากนักในการกำหนดทิศทาง ข้อสังเกตง่ายๆ คือ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายยกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ได้ย้ำว่าจะมีการทบทวนยุทธศาสตร์ หรือนักวิชาการหลายคนทักท้วงว่ารัฐบาลต้องมีความชัดเจนเรื่องนี้ หากดูเนื้อข่าวที่ผ่านมามีการเสนอข้อสั่งการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) ให้กลับไปทบทวนยุทธศาสตร์เมื่อตอนต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุงานนี้ต้องเสร็จภายในเดือน ม.ค. แต่กลับทอดยาวมาจนถึงปัจจุบัน และสัปดาห์ที่แล้วนายภูมิธรรม ได้ขีดเส้น 7 วัน หลังสถานการณ์รุนแรงขึ้น ซึ่งตอนนี้ครบระยะเวลาแล้ว
“ภาพใหญ่ในเวลานี้รัฐบาลดูเหมือนยังไม่ชัดเจน แต่ผมเชื่อว่าโดยสถานการณ์ที่บีบคั้นในเวลานี้ และเสียงเรียกร้องของสังคมไทย รวมถึงคนในพื้นที่ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยพุทธหรือชาวมุสลิม หลังเหตุการณ์ที่บานปลายขยายตัวในขณะนี้ รัฐบาลจึงเริ่มมีความจำเป็นต้องทำให้ชัดเจนมากขึ้น ผมมองว่าสาเหตุบริบทแวดล้อมที่สำคัญที่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้”นายรอมฎอน กล่าว
นายรอมฎอน กล่าวต่อว่า หากอธิบายแบบเฉพาะในช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา บางคนบอกว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือน มี.ค.หรือเดือนรอมฎอน ซึ่งมีการเสนอจากฝั่งทางการไทย ส่งผ่านผู้อำนวยความสะดวก ไปยัง BRN ให้มีการหยุดยิงหรือหยุดการใช้กำลัง เพื่อพิสูจน์ความสามารถในการบังคับบัญชา หรือพิสูจน์ความเป็นตัวจริงก่อนหน้าที่รัฐบาลจะตัดสินใจตามคณะพูดคุยสันติภาพ แต่พบว่าในเดือน มี.ค. มีความล้มเหลวหรืออาจเรียกได้ว่าการเรียกร้องให้มีการปฏิบัติไม่มีความคืบหน้า
นายรอมฎอน กล่าวด้วยว่า คิดว่าชนวนที่สำคัญที่สุดที่สำคัญที่เกิดขึ้นในเดือนเม.ย. คือการรอบสังหารอุสตาช อับดุลรองนิง ที่ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส หลังจากนั้นตามมาด้วยเหตุการณ์กราดยิงทำให้สามเณรเสียชีวิต หลายเหตุการณ์โจมตีพลเรือน ซึ่งคนในพื้นที่ทั้งชาวไทยพุทธและชาวไทยมุสลิม รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยไต่ระดับเพิ่มขึ้น และการเผชิญหน้าเพิ่มสูงขึ้น ถ้าสังเกต คือ ความรุนแรงกำลังทำงานของมันเอง กำลังเรียกร้องให้มีการใช้ความรุนแรงให้สยบ แต่ยิ่งทำอย่างนั้นจะทำให้สังคมไทยและคนในจังหวัดชายแดนภาคใต้แบกความเสี่ยงต่อไป เพราะความรุนแรงที่ถาโถมเข้าไป จะยิ่งมีผลกระทบ จึงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดจึงมีเสียงเรียกร้องให้มีการสานต่อกระบวนการสันติภาพ ในการพูดคุยสันติภาพหลายภาคส่วนเพื่อถ่วงดุลกับความรุนแรง เพื่อมีพื้นที่ทางการเมืองให้สามารถพูดคุยกันได้ และทำให้ประชาชนมีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนนำในการเจรจาเองหรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า ตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา กระบวนการสันติภาพที่เราเห็น เริ่มในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ดังนั้นจึงไม่จำเป็นที่น.ส.แพทองธาร ต้องเป็นหัวหน้าคณะพูดคุย แต่นายกฯต้องมีส่วนในการกำกับทิศทาง เช่น ในช่วงรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ มีความชัดเจนมาก มีการวางโครงสร้างว่าระดับบนมีคณะกรรมการกับทิศทางการพูดคุยที่มีนายกฯเป็นประธาน ในชั้นที่สองจะเป็นคณะพูดคุยสันติสุข และชั้นที่สามจะเป็นคณะประสานงานในพื้นที่ แต่เมื่อมาเป็นรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ และน.ส.แพทองธาร โครงสร้างนี้ไม่มีอยู่ แต่มีการจัดตั้งภายในของ สมช.ซึ่งปัญหาคือต้องมีอำนาจหน้าที่ที่แน่นอนได้รับมอบหมายจากนายกฯ ซึ่งสถานการณ์ไม่ต่างกับ BRN ซึ่งรัฐบาลไทยมีข้อกังขาว่าคณะพูดคุยของ BRN ที่มาพูดคุยก่อนหน้าหยุดชะงักในเดือน ส.ค.2567 เป็นตัวจริงหรือไม่ ซึ่งความเป็นจริงตัวปลอมเป็นข้อถกเถียงตั้งแต่ปี 2556 ว่ามีการส่งคนที่มีอำนาจของ 2 ฝ่ายมาพูดคุยกันแล้วจะมีน้ำหนักขนาดไหน เรื่องนี้เราแก้ปัญหาจากประสบการณ์ในอดีต ด้วยการค่อยๆ เติมองค์ประกอบที่มีส่วนสำคัญ คือเงื่อนไขแรกต้องได้รับอาณัติจากฝ่ายผู้มีอำนาจของแต่ละฝ่าย และระหว่างทางมีการเปลี่ยนองค์ประกอบ ท้ายสุดเรื่องที่ 2 ฝ่ายต้องคุยคือการร่วมกันยุติสภาวะที่เป็นปรปักษ์ หรือร่วมกันเรื่องหยุดความรุนแรงและการเผชิญหน้ากัน ซึ่งกระบวนการสันติภาพต้องทำร่วมกันต้องมีองค์ประกอบทำร่วมกัน
นายรอมฎอน กล่าวว่าส่วนสถานการณ์ล่าสุดในการพูดคุยเมื่อ ส.ค. 2567 นั้น 2 ฝ่ายยังไม่ได้มีการตกลงในรายละเอียดว่ากติกาในการทำงานร่วมกันจะทำแค่ไหนอย่างไร มีแค่ร่างเอกสารแผนสันติภาพเท่านั้น ยังไม่ได้มีการลงลึกไปและค้างมาถึงปัจจุบัน ดังนั้นข้อเรียกร้องของรัฐบาลไทยให้หยุดความรุนแรง ดูสมเหตุสมผล ที่ต้องหยุดยุทธศาสตร์การพูดคุยไปฆ่าไป แต่อีกด้านก็ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง เพราะต้องยอมรับว่า BRN ใช้กำลัง เพราะเป็นอำนาจดารต่อรองที่เขาพอจะมี และรู้อยู่ว่ามีการละเมิดกฎหมายและเสี่ยงต่อการถูกทำลายความชอบธรรมในทางการเมือง ถ้าเขาเลือกใช้ทางนี้ เราจะต้องคิดคือต้องเผชิญหน้ากับคนที่ใช้กำลังแบบนี้ ตนจึงคิดว่าวิธีการนี้รัฐบาลยังสามารถกำหนดกลยุทธ์ได้หลากหลายกว่าเพราะมีความชอบธรรมทางการเมืองมากกว่า ดังนั้นการริเริ่มในฝ่ายรัฐบาลจะเป็นประโยชน์ต่อสถานการณ์โดยภาพรวม
เมื่อถามว่านายกฯระบุว่าให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เจรจากับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย จะแก้ปัญหาได้หรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า ประเทศมาเลเซียเป็นตัวแสดงที่มีข้อถกเถียงมากซึ่งเริ่มจากความสามารถของนายทักษิณ ปี 2555 ในช่วงที่เราไม่รู้ว่าจะมีกระบวนการสันติภาพ โดยมีการเดินทางไปใช้คอนเน็คชั่นส์ในการประสานส่งต่อรายละเอียด เพื่อปูทางไปสู่การพูดคุยสันติภาพในปีถัดมา การเห็นมาเลเซียเป็นตัวแสดงที่สำคัญ เพราะอย่างน้อยที่สุดมาเลเซียมีส่วนได้เสียในความขัดแย้งมีด้วย เนืองจากพื้นที่พิพาทอยู่ใกล้กับประเทศมาเลเซีย ประชากรประวัติศาสตร์ที่มาที่ไปมีความสัมพันธ์กัน การกันมาเลเซียจากกระบวนการแก้ไขปัญหานี้อาจจะสร้างปัญหามากกว่า แต่สถานภาพของมาเลเซียจะแค่ไหนอย่างไรต้องถกเถียงกัน
“ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดยุทธศาสตร์ของรัฐบาลปัจจุบัน คือใช้พันธมิตรอย่างมาเลเซียในการเอ็นเกจว่ามีปฏิสัมพันธ์กับ BRN และปูทางไปสู่การพูดคุยในอนาคต ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ที่ใกล้เคียงกับเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่อย่าลืมว่ามาเลเซียก็เห็นว่าเรื่องของเราเป็นประโยชน์ของชาติเขาและอาเซียน ดังนั้นต้องขีดเส้นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องภายในประเทศของเรา ซึ่งต้องมีอำนาจในการเริ่ม ไม่ใช่ให้ BRN กำหนดโดยการใช้กำลัง หรือมาเลเซียกำหนดโดยใช้การทูต แต่รัฐบาลไทยต้องทำหน้าที่บางอย่างเพื่อกำหนดสถานการณ์ ซึ่งผมแม้จะอยู่ในฝ่ายค้านและถ้วงติงในหลายเรื่อง หากทิศทางของรัฐบาลเดินไปสู่การแสวงหาทางออกอย่างสันติวิธี ให้น้ำหนักของการพูดคุยและวิธีสันติภาพ เราก็พร้อมสนับสนุน”นายรอมฎอน กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้
"เต้ ทวิวงศ์" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน
บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน
อึ้ง! คลิปผู้ช่วยสส.พท. สร้างจากเอไอ ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่ เรียกร้อง ปชน.ตรวจสอบรัฐบาล
เพจเฟซบุ๊ก Cofact โคแฟค โพสต์ข้อความ เรื่อง เนื้อหาที่ตรวจสอบ : คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน ระบุว่า
ตาสว่างกันได้หรือยัง ’รักชนก‘ ประจานเพื่อไทยโหนเสื้อแดงหากินไปวัน ๆ
นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.กรุงเทพฯ พรรค ประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ตาสว่างกันได้หรือยัง ว่าใครที่ตั้งใจอยากคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ใครแค่


