ดุสิตโพลชี้ ดัชนีการเมืองตกต่ำสุดในรอบ 18 เดือน ประชาชนไม่ไว้วางใจรัฐบาล

29 มิ.ย. 2568 – สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนมิถุนายน 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,114 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนมิถุนายน 2568 เฉลี่ย 4.13 คะแนน ลดลงจากเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ได้ 4.70 คะแนน

ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนสูงสุด คือ ผลงานของฝ่ายค้าน เฉลี่ย 5.15 คะแนน ตัวชี้วัดที่ได้คะแนนต่ำสุด คือ การแก้ปัญหาความยากจนและราคาสินค้า เท่ากัน 3.92 คะแนน นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ แพทองธาร  ชินวัตร ร้อยละ 23.04 ด้านนักการเมืองฝ่ายค้านที่มีบทบาทโดดเด่นประจำเดือน คือ ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ร้อยละ 48.72 ผลงานฝ่ายรัฐบาลที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ร้อยละ 41.12 ผลงานฝ่ายค้านที่ชื่นชอบประจำเดือน คือ ตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐบาล ร้อยละ 44.84

นางสาวพรพรรณ บัวทอง ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า การเมืองไทยเดือนมิถุนายน 2568 ร้อนแรงจากความขัดแย้งภายในรัฐบาล โดยเฉพาะกรณีปรับ ครม. การแย่งชิงเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย และความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของประชาชน ทำให้คะแนนดัชนีการเมืองลดเหลือเพียง 4.13 คะแนน ต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือนขณะที่ผลงานนายกรัฐมนตรีตกไปอยู่อันดับที่ 20 รัฐบาลจึงต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์เพื่อรักษาความเชื่อมั่นจากประชาชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ศิริมา บุญมาเลิศ  อาจารย์ประจำโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต กล่าวว่า จากผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าความไว้วางใจของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลลดลงอย่างเห็นได้ชัด อันเนื่องมาจากปมปัญหาที่สะสมมาอย่างต่อเนื่องและยังไม่ชัดเจนในบทสรุปของคดีชั้น 14 มาตรการของรัฐบาลในการแก้ปัญหาการตอบโต้ภาษีศุลกากร (Reciprocal Tariff) ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ การที่พรรคเพื่อไทยขอเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยจากพรรคภูมิใจไทยมาบริหารเองจนส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ที่ยังไม่ผ่านการลงมติจากรัฐสภา ส่งผลต่อเม็ดเงินที่จะนำไปใช้ในนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และปัญหาความขัดแย้งชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ประชาชนยังคลางแคลงใจในการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลว่าจะรักษาผลประโยชน์ของชาติได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ปัญหาภายนอกที่ซ้ำเติมปัญหาภายในส่งผลต่อความสามารถของรัฐบาลในการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม ให้บรรลุเป้าหมายของนโยบายรัฐบาล และยิ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในการบริหารประเทศลดลงอย่างต่อเนื่องจนสุ่มเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเมืองของรัฐบาล

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สองปีเพื่อไทย พายุทิพย์ คำสัญญาและหัวใจคือสโลแกน

สองปีในมือเพื่อไทย พายุหมื่นบาท เหลือเพียงไอร้อน รถไฟฟ้า 20 บาท ยังติดคาสถานี และ ศักดิ์ศรี ที่เคยชูสูงกลับก้มต่ำด้วยคำพูดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นฐานเสียงที่เคยแน่นก็ถูกเจาะ ศรัทธาที่เคยล้นก็ลดลง จนวันนี้ “เพื่อไทยจะกลับมา”

เป็นไงมีกินมีใช้! เพื่อไทย ประกาศจะกลับมาใหม่ แจกแจงผลงานใหญ่ 2 ปี แต่ไม่พูดถึงปัญหาชายแดนสักคำ

เพจพรรคเพื่อไทย ประกาศเป้าหมายว่า เพื่อไทยจะกลับมา พร้อมเผยแพร่ 2 ปี กับผลงานใหญ่ เพื่อคนไทย

'อดิศร' จี้ 'อนุทิน' กล้าหาญ ฟันที่ดินเขากระโดง ต้องตีความเหมือนกันแม้เปลี่ยนรัฐบาล

"อดิศร" จี้ "อนุทิน" กล้าหาญ ฟันที่เขากระโดงเป็นที่สาธารณะหรือไม่ ย้ำ กม.ต้องตีความเหมือนกันแม้เปลี่ยนรัฐบาล

'ลุงสุทิน' ปลุกคนไทยขับไล่รัฐบาลเบี้ยล่างทรราชเขมร ความเลวร้ายเกิดขึ้นเพราะสองคนนี้

"สุทิน วรรณบวร" อดีตผู้สื่อข่าวอาวุโส โพสต์เฟซบุ๊ก ปลุกคนไทยต้องไล่รัฐบาลลูกไล่ทรราชเขมรออกไป ชี้ความเลวร้ายเกิดขึ้นเพราะมันสองคน บอกทหารไทยไม่ต้องสนใจคำขู่ศาลโลก ขนาดสหรัฐ จีน รัสเซีย ยังไม่ยอมรับศาลโลก

'สุทิน' ยอมรับรัฐบาลเปราะบางแต่ไม่ควรเกิด 'สุญญากาศ'

'สุทิน' ยอมรับรัฐบาลเปราะบาง แต่ไม่ใช่เวลาเกิดสุญญากาศ ต้องให้กำลังใจ 'รัฐบาลแพทองธาร' ฝ่าฟันปัญหาในบ้าน-เพื่อนบ้าน ปัดไม่รู้รองประธานสภาฯ คนที่ 2 เป็นโควตา สส.อีสาน บอก แล้วแต่พรรคพิจารณา

'ทักษิณ' ร่ายยาวไม่ยอมให้ประเทศถึงทางตัน หาก 'อิ๊งค์' ไม่รอดเสนอ 'ชัยเกษม' มี สทร.อยู่ทั้งคน

"ทักษิณ" ลั่นเมืองไทยไม่มีทางตัน มั่นใจความบริสุทธิ์ลูกสาว หวังศาลรับฟัง สวดยับพวกสุมหัวตั้งรัฐบาล