ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละศึก ‘แดง-น้ำเงิน’ ใช้กลไก ‘องค์กรอิสระ-ศาลรธน.-ระบบรัฐสภา’ ห้ำหั่นกัน!

ดร.ณัฏฐ์ นักกฎหมายมหาชน ชี้เกมแห่งอำนาจ “เกลือจิ้มเกลือ“ แดง-น้ำเงิน แก้เกมต่างฝ่ายต่างยืมมือ  “องค์กรอิสระ-ศาลรัฐธรรมนูญ-ระบบรัฐสภา” ทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง

1 กรกฎาคม 2568 - รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต้องเผชิญทั้งศึกภายนอกและแรงกดดันภายในประเทศ จนส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาล ขณะเดียวกันมีการเคลื่อนไหวเรียกร้องชุมนุมจากภาคประชาชนต่อเนื่อง

ล่าสุดวันนี้ ประเด็นร้อนที่ต้องจับตา คือการประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาคำร้องกรณี นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา นำคำร้องของ ส.ว.กลุ่มน้ำเงิน โดยมี พล.อ.สวัสดิ์ ทัศนา ประธานกรรมาธิการทหารและความมั่นคงแห่งรัฐ วุฒิสภา เป็นแกนหลัก ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อให้วินิจฉัย

โดยวันนี้จะต้องติดตามว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะมีมติรับคำร้องหรือไม่ และจะมีคำสั่งให้นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่ระหว่างพิจารณาคดีหรือไม่ ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่ร้อนแรงในเดือนกรกฎาคม 2568

ด้าน ดร.ณัฏฐ์ หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน แสดงความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า กลเกมแห่งอำนาจต่างใช้ช่องทางรัฐธรรมนูญแก้เกมและทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง เพื่อแย่งชิงอำนาจ จะเห็นได้จากใช้องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และใช้ระบบรัฐสภาในการตรวจสอบ

เป้าหมายหลักเพื่อแย่งชิงอำนาจในการปกครองเป็นรัฐบาลในการใช้อำนาจรัฐในการปกครองประเทศ  เป็นเกมแห่งอำนาจชัดแจ้ง ระหว่างค่ายเพื่อไทย สีแดง กับค่ายภูมิใจไทย สีน้ำเงิน

เริ่มจากฝ่ายรัฐบาล พรรคเพื่อไทย ชูธงต้องการขับเคลื่อนนโยบายออกแบบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สว.น้ำเงิน ยับยั้งที่ ร่างแก้ไข พรบ.ประชามติ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การออกแบบ สสร.และยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับพรรคเพื่อไทยที่อ้างว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 มาจากทหารไม่เป็นประชาธิปไตย  รวมทั้งตีรวนของพรรคภูมิใจไทยในขณะนั้น เป็นรัฐบาลผสมเพื่อมิให้ร่าง พรบ.สถานบันเทิงฯหรือกาสิโน บรรลุเป้าหมาย เพื่อชูธงผลงานหลักของพรรคเพื่อไทยเพื่อสร้างคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

แต่พรรคแกนนำอย่างเพื่อไทย เป็นฝ่ายรัฐบาลมีอำนาจและเครื่องมืออยู่ในมือจึงใช้อำนาจรัฐกรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเครื่องมือในการทำลายล้าง สว.สีน้ำเงิน เสียงข้างมากในสภาสูง ที่มาจากการเลือกกันเอง 20 กลุ่ม ในวันที่ 26 มิถุนายน 2567 โดย กกต.ประกาศรับรองรายชื่อ สว.ชุดใหม่ 200 คน ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2567

วิธีการทำลายล้าง โดยยกข้อกล่าวหาฮั้ว สว.กลุ่ม สว.138 คน และบัญชีสำรอง 2 คน เป็นขบวนการได้มาซึ่งอำนาจนิติบัญญัติโดยมิชอบ อั้งยี่ ฟอกเงิน และกระทำฝ่าฝืน พรป.การได้มาซึ่ง สว.พ.ศ.2561  เชื่อมโยงกับพรรคภูมิใจไทย

หากผิดจริง ย่อมถูกเพิกถอนสิทธิ สว.ที่ถูกกล่าวหา -ถูกจำคุกและปรับ -เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง ตัดสิทธิ์ทางการเมือง -ยุบพรรคภูมิใจไทย และถูกยึดทรัพย์ฐานสมคบกันฟอกเงินและฟอกเงิน

โดยนำคดีฮั้ว สว.เข้าอนุมัติคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ส่วน สว.สีน้ำเงินสู้เรื่องอำนาจตรวจสอบ เป็นอำนาจของ “กกต.”มิใช่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สุดท้าย คณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษใช้ช่องทางมาตรา 21 แห่ง พรบ.สอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 มติรับเป็นคดีฟอกเงิน อ้างว่า เส้นเงินเกิน 300 ล้าน ต่อมารับข้อหาอั้งยี่ ปอ.มาตรา 209 เพิ่มเติม อยู่ในขั้นตอนง้างดาบรอเชือดคดีฟอกเงินในการแจ้งข้อหา

แต่ในระหว่างงัดข้อ ระหว่างรัฐบาลกับสว.น้ำเงิน และต่างโต้แย้งในอำนาจ โดย สว.น้ำเงินเห็นว่า นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน และนายทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม รองประธานคณะกรรมการสอบสวนคดีพิเศษ ฟิตเกินเหตุ มีพิรุธใช้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่ตนกำกับควบคุมในฐานะเจ้ากระทรวง มีพฤติกรรมแอคชั่นเกินเหตุ เพื่อโชว์ผลงานให้เข้าตานายใหญ่แห่งเพื่อไทย ใช้เทคนิคช่องว่างกฎหมาย แทรกแซงการทำหน้าที่ของ กกต.องค์กรอิสระ ส่งผลให้ สว.สีน้ำเงินจึงสวนหมัดใช้ช่องรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่งประกอบมาตรา 170 วรรคสาม  ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อถอดถอนและขอให้หยุดปฎิบัติหน้าที่

ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายทวี สอดส่องหยุดปฏิบัติหน้าที่บางส่วน เฉพาะกำกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ-ในฐานะรองประธานกรรมการคดีพิเศษ  จึงเป็นที่มา“เกลือจิ้มเกลือ”ในยกแรก

ในส่วนฟากฝั่งองค์กรอิสระ อย่าง ”กกต.“ ถูกบี้หนัก นำไปสู่มติรับเป็นคดีการทุจริตเลือก สว.  ล่าสุด คดีอยู่ในชั้น คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน ชุด 26 เรียกสอบและแจ้งข้อหา 7 ล๊อต ประกอบด้วย สว.สีน้ำเงิน 117 คน และเครือข่ายแกนนำพรรคภูมิใจไทย รวมทั้งนายเนวิน ชิดชอบและนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย รวม 162 คน ซึ่งจะครบ 1 ปีนับแต่ประกาศรับรอง สว.ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 หากพ้นกำหนดระยะเวลา กกต.ใช้ช่องขยาย แต่คดีอาญาอาจตามมาจากผู้ร้อง  แต่ในส่วนคดี ทุจริตการเลือก สว. แม้พ้น 1 ปี หาก กกต.วินิจฉัยชี้ขาดว่ามีความผิด ย่อมมีอำนาจฟ้องเพิกถอน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 226 ประกอบ พรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.พ.ศ.2561 มาตรา 62 วรรคหนึ่ง มีผล ให้ สว.น้ำเงินที่ถูกแจ้งข้อหาต้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลจะตัดสิน  ในทางกลับกัน หาก กกต.ยกคำร้อง คำวินิจฉัยชี้ขาด เป็นที่สุด

ดร.ณัฏฐ์ วิเคราะห์ต่อว่า เกมยกที่ 2 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พลาดท่า ถูก นายฮุน เซน อดีตผู้นำกัมพูชาและประธานพฤฒิสภา บันทึกเสียงสนทนาและนำมาปล่อยผ่านโซเชี่ยล ทำให้ประชาชนสับสน แตกแยก ลุกฮือเป็นไฟ เพราะพาดพิงฝ่ายผู้นำทหาร ภาค 2 ทำเป็นพูดแบบเก๋ เท่ห์และเป็นคนของคนละฝ่าย นำมาสู่การรวมตัวชุมนุมภาคประชาชน เรียกร้องให้นางสาวแพทองธาร ฯ นายกรัฐมนตรีลาออก โดยหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศ โดยใช้แผนรวมพลัง“เน้นจำนวน”ประชาชนเข้าร่วมมากกว่าที่ชุมนุมประชาชนกัมพูชาใจกลางเมืองพนมเปญ  เพื่อนำไปสู่ข้ออ้างความชอบธรรมในการยกกำลังขับไล่นายกรัฐมนตรีออกจากตำแหน่งเป้าหมายหลัก เพื่อควักมือทหารให้เข้ามายึดอำนาจเหมือนในปี 2549 และ ปี 2557

“ขณะเดียวกัน กลเกมแห่งอำนาจ พรรคภูมิใจไทยถอนตัวเป็นฝ่ายค้าน เพื่อสร้างคะแนนนิยมฝ่ายอนุรักษ์นิยม รีบชูธงนำใช้“ระบบรัฐสภา”ในการรีบตรวจสอบฝ่ายรัฐบาลทันทีเมื่อเปิดสมัยประชุม ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151  ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภา และเสียงไม่ถึงหนึ่งในห้าของจำนวน สส.ที่มีอยู่ในสภา”

ส่วน สว.สีน้ำเงิน ใช้เกมเกลือจิ้มเกลือ ยืมมือองค์กรตุลาการ “ศาลรัฐธรรมนูญ”ทำลายล้างผู้นำฝ่ายบริหาร เหมือน สว.ชุด 250 คน เคยใช้และออกฤทธิ์ยาแรงจนนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีตกเก้าอี้ โดยใช้ช่องกลไกรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 วรรคหนึ่ง รวบรวมลายมือชื่อ สว.จำนวน หนึ่งในสิบของ สว. คือ 20 คน พร้อมคำร้อง ยื่นคำร้องต่อประธานแห่งสภาที่ตนสังกัด คือ ประธานวุฒิสภา และกฎหมายบัญญัติให้ ประธานวุฒิสภามีหน้าที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ในคำร้องและคำขอท้ายคำร้อง ในข้อ 1 และข้อ 2  หยิบคลิปการสนทนาระหว่างนางสาวแพทองธาร- นายฮุนเซน มาใช้เป็นหลักฐานเพื่อถอดถอนและขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง ประกอบ พรป.วิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 71 ประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2562 ข้อ 40(8)

นักกฎหมายมหาชน มองว่า แนวโน้มคดี ผลประชุมคดีของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้ หากหยิบคดีมาวินิจฉัย มีหลายแนวทาง ดังนี้  (1)รับคดีไว้พิจารณาและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ (2)รับคดีไว้พิจารณา แต่ไม่สั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่(3)ไม่รับคดีไว้พิจารณา (4)ยังไม่รับคำร้อง แต่ใช้อำนาจสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแปลเอกสาร รับรองความถูกต้อง และส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน

แต่ที่ผ่านมา ปธ.วุฒิสภาส่งนำคำร้องของสมาชิกส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ผ่านกระบวนการตรวจความชอบด้วยกฎหมายมาในเบื้องต้นมาแล้ว แนวโน้มสูงศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากสั่งรับคดีไว้พิจารณา แต่จะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ก็ได้ โดยใช้เกณฑ์ข้อกฎหมายที่ว่า ”ปรากฎเหตุอันควรสงสัยผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง” โดยศาลอาศัยพยานหลักฐาน ไม่ว่า พยานบุคคล-พยานเอกสาร-พยานวัตถุ

ตัวแปร พยานวัตถุ การปล่อยคลิปการบันทึกสนทนาผ่านล่ามในต่างประเทศ ศาลไม่อาจเรียกต้นฉบับมาสู่การพิจารณาได้ ว่า บุคคลใดเป็นผู้บันทึก และหากเป็นภาษาต่างประเทศใช้การแปลรับรองความถูกต้องผ่านโนตาลีปับลิค หรือผู้เชี่ยวชาญภาษาต่างประเทศที่เชื่อถือได้รับรองความถูกต้องแท้จริง  ประกอบนางสาวแพทองธารฯอ้างว่า  เป็นเสียงของตนจริง แต่ถูกดัดแปลงสารและตัดต่อ ตัดทอนข้อความ ทำให้เกิดความเสียหาย ย่อมเป็นความผิด พรบ.คอมฯมาตรา 14(1) ส่งผลน้ำหนักพยานหลักฐานในคดีทำให้ ทำให้มีน้ำหนักรับฟังน้อย มีผลต่อการวินิจฉัยสั่งให้นายกรัฐมนตรีหยุดปฏิบัติหน้าที่

“แนวโน้มสูง ศาลรัฐธรรมนูญให้หยุดปฏิบัติหน้าที่” ดร.ณัฏฐ์ ระบุ และว่าการนำ ครม.ใหม่ เข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฎิญาณก่อนปฎิบัติหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 161 เป็นอำนาจของรองนายกรัฐมนตรีรักษาการ กลไกรัฐธรรมนูญยังเปิดช่องให้รัฐบาลเดินต่อไปได้

หากการปรับ ครม.ใหม่ มีชื่อ นางสาวแพรทองธารฯ นั่งตำแหน่ง รมว.กระทรวงวัฒนธรรม หากศาลสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ห้ามนั่งตำแหน่ง รมว.วัฒนธรรม เพราะเกินคำขอท้ายคำร้อง ข้อ 2 ของ สว.สีน้ำเงิน

แม้ อดีต สว.สมชาย แสวงการ ยกประเด็นข้อหาแตกต่างจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน สังคมสับสน  แม้จะข้อกล่าวหาต่างกัน แต่ผลทางกฎหมายตามคำร้องช่องทางนี้ ทำให้สมาชิกภาพความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170(4) หรือดำรงตำแหน่งเกิน 8 ปี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 158 วรรคสี่ มีผลให้รัฐมนตรีทั้งคณะพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญมาตรา 167 วรรคหนึ่ง(1) ประกอบมาตรา 170 วรรคสอง มีผลเหมือนกัน ทำให้ นางสาวแพทองธารฯ มีอำนาจใช้หมวกแผนสองในการทำหน้าที่รัฐมนตรีและเข้าประชุม ครม.ปกติ แม้ศาลสั่งห้ามในฐานะนายรัฐมนตรี แต่ไม่ห้ามสถานะความเป็นรัฐมนตรี

“เกมจากนี้ นิติสงครามตัวแทน ระหว่าง ค่ายเพื่อไทย สีแดง กับค่ายภูมิใจไทย ค่ายน้ำเงิน มีความเข้มข้นขึ้นทุกระดับฝ่ายใดเพลี้ยงพล้ำ ฝ่ายตรงข้ามเหยียบซ้ำ ต่างฝ่ายต่างยืมมือ องค์กรอิสระ-ศาลรัฐธรรมนูญ-ฝ่ายนิติบัญญัติในระบบรัฐสภา ทำลายล้างคู่แข่งทางการเมือง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจทางการเมือง ทั้งประสานเสียงภาคประชาชนชุมนุมขย่มเพื่อควักมือทหารมาเป็นตัวกลางยึดอำนาจ”

ดร.ณัฏฐ์ กล่าวด้วยว่าหากตราบใด สถาบันกษัตริย์-ทหารของพระราชาและรัฐบาล เป็นไปทิศทางเดียวกัน โอกาสล้มรัฐบาลมีโอกาสน้อย แม้มีเสียงปริ่มน้ำในสภา การชุมนุมเป็นเพียงสัญลักษณ์ แม้ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า คนเข้าชุมนุมจำนวนมากจุดติด ข่มขวัญรัฐบาลและแสดงแสนยานุภาพให้ชาวกัมพูชาเห็น แต่กลไกลอำนาจ รัฐบาลจะอยู่ได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับ องค์กรอิสระ -ศาลรัฐธรรมนูญ-ฝ่ายนิติบัญญัติในระบบรัฐสภา.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทยกระอัก! 'อนุทิน' ย้อนเจ็บ มีภาพคู่ทักษิณเยอะ ไม่เห็นมีปัญหา

"อนุทิน" เหน็บ "สุริยะ-โฆษกเพื่อไทย" ไม่รู้เรื่องอะไรเพราะไม่ได้ร่วมวง การสนทนาสำหรับผมต้องระดับสูงขึ้นไป ย้อนเจ็บภาพถ่ายคู่ทักษิณก็มีตั้งเยอะ ไม่เห็นมีปัญหาอะไรเลย

โฆษกภูมิใจไทย โต้เดือด โทรโข่งเพื่อไทยแกล้งตาบอด ไม่เห็นภาพทักษิณกับเบน สมิธ

โฆษกภูมิใจไทย สวนโฆษกเพื่อไทย อย่าแกล้งตาบอด ปีนี้ใครถ่ายรูปกับ "เบน สมิธ" ยัน "อนุทิน" แค่รู้จักแต่ไม่สนิท ผลงานประจักษ์ยึดทรัพย์หมื่นล้านสแกมเมอร์รายใหญ่ บีบพ้น มท.1 เหตุไม่ให้สัญชาติใครหรือไม่ เย้ย 4 เดือนใครบริหารน้ำท่วมเหลว ขณะที่ "2 เดือน" นายกฯอนุทิน" เข้ามาแก้วิกฤติ

'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

เพื่อไทย เปิดตัว 'อดีตปลัด ก.เกษตร' ลงสนามชนบ้านใหญ่ 'ศิลปอาชา'

พท.เปิดตัว “ประยูร อินสกุล” อดีตปลัด ก.เกษตรฯ ลงสนามชนบ้านใหญ่ “ศิลปอาชา” ไม่ฟันจะปักธงเมืองสุพรรณได้หรือไม่ ชี้ขึ้นกับ ปชช. อ้อนกาเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค

เทนนิสตั้งเป้า4เหรียญทองซีเกมส์ 'ดร.ณัฏฐ์'ชื่นชมการบริหารงานสมาคมฯ

ดร.ณัฏฐ์ ธีรณัฐสุภานนท์ ประธานมูลนิธิกองทุนพัฒนาการกีฬา มอบกำลังใจทีมเทนนิสซีเกมส์ของไทย หลังชมการฝึกซ้อม ที่ทางสมาคมกีฬาลอนเทนนิสฯ ตั้งเป้าหมายไว้ 4 เหรียญทอง ชมเปาะสมาคมฯ มีการบริหารจัดการที่ยอดเยี่ยม พร้อมแนะแนวทางในการประชาสัมพันธ์ซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ควรเร่งเครื่องให้คนไทยได้ร่วมรับรู้ เพื่อมาชมและเชียร์ เป็นการให้กำลังใจนักกีฬามากกว่านี้