"ภูมิธรรม“ ประณามเขมร ใช้อาวุธหนักยิงไร้เป้าหมาย แจง ยังเป็นแค่เหตุปะทะ ลั่น จริงใจก่อนค่อยคุย ยัน ป้องกันชายแดนเต็มที่ กร้าว ไม่คุย เผย “มาริษ” แจงยูเอ็นตั้งแค่คืน 23 ก.ค.แล้ว
24 กรกฎาคม 2568 - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ต.อ.ทวี สองส่อง รมว.ยุติธรรม พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสนาธิการทหารบก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดยใช้เวลาประชุมประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง
จากนั้นเวลา 16.30 น. นายภูมิธรรม แถลงว่า วันนี้เป็นการประชุม สมช.นัดพิเศษ อันเนื่องมาจากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อช่วงเช้าวันเดียวกันนี้ ที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา และเนื่องจากมีเรื่องสำคัญหลายเรื่อง จึงได้มีการเสนอให้เป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดพิเศษด้วย โดยเชิญเลขา ครม. มาร่วมประชุม ซึ่งเป็นไปตามมาตรา 8 วรรคสอง ของพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการเสนอเรื่องและการประชุมคณะรัฐมนตรี พ.ศ. 2548 เนื่องจากหลายเรื่องต้องใช้มติ ครม.
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นแรกคือ การที่มีสถานการณ์ปะทะกันเกิดขึ้น ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานจากหน่วยทหารที่เกี่ยวข้อง เป็นการยิงเข้ามาจากทางกัมพูชาก่อน และได้เกิดเหตุประปราย จนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยมีการใช้อาวุธในระดับต่างๆกัน สิ่งสำคัญคือการยิงของกัมพูชาใช้อาวุธหนัก ยิงเข้ามาในเขตแดนของประเทศไทย โดยไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งยิงเข้ามาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพลเรือน จนทำให้มีพลเรือนของเราเสียชีวิต
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ในส่วนตัวเลขทั้งหมดขณะนี้ ล่าสุดคือมีผู้เสียชีวิต 11 ราย เป็นพลเรือน 10 ราย และทหาร 1 นาย มีผู้บาดเจ็บทั้งหมด 28 ราย เป็นพลเรือน 24 ราย เป็นทหาร 4 นาย ดังนั้นจึงขอประณามว่ากัมพูชามีการใช้อาวุธหนักที่รุนแรง และไม่มีเป้าหมาย และไม่ได้จำกัดเฉพาะการต่อสู้ โดยการยิงเข้ามานั้น มีบางลูกมาลงที่ปั๊มน้ำมัน และร้านสะดวกซื้อ บางส่วนยิงลงมาที่กลางโรงพยาบาล บางส่วนห่างจากโรงพยาบาลเพียง 3 กิโลเมตร เราจึงขอประณาม เพราะเป็นการใช้กำลังที่ไม่ได้ยึดในเรื่องกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งต้องคำนึงและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่การประกาศสงคราม เป็นเพียงการปะทะกัน เรายังยืนยันในหลักการว่า ต้องใช้สันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ต้องพยายามพูดคุยกันเพื่อแก้ปัญหา แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นลักษณะของการยั่วยุจากทางฝ่ายกัมพูชาตลอด และเราป้องกันตัวเอง รวมถึงป้องกันอธิปไตยของประเทศ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญ และเรายอมไม่ได้ที่จะมีลักษณะการเข้ามาบุกรุก และละเมิดอธิปไตยของเรา วันนี้เราทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ในการปกป้องตัวเอง และดูแลอธิปไตยของประเทศ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำที่เกิดขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งติดต่อกัน ในเขตพื้นที่ที่มีการเดินลาดตระเวน ซึ่งเคยมีการเดินลาดตระเวนระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชาตามข้อตกลงเดิม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เกิดปัญหา เมื่อก่อนเราเดินกันตลอดเวลา ไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ตอนนี้กลับมีปัญหาเกิดขึ้น และครั้งล่าสุดทำให้เจ้าหน้าที่ทหารขาขาดทั้ง 2 นาย เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และเราจำเป็นต้องแสดงความชัดเจนเรื่องนี้
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้เราได้เตรียมการป้องกัน และแก้ไขปัญหาต่างๆ ทางกองทัพได้ดำเนินการที่จะปกป้องอธิปไตยในพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยมีกองทัพภาคที่สองเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งเราได้ให้อำนาจทหารในการใช้มาตรการต่างๆ ตามความจำเป็น โดยยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะเมื่อมีสถานการณ์ฉุกเฉิน จึงอาจจะไม่มีเวลามารอขออนุญาตในการตัดสินใจ ก็ขอให้ดำเนินการไปตามขอบเขต และแจ้งให้รัฐบาลทราบโดยเร็ว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ประเด็นที่ 2 ขณะนี้สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด ได้แก่ จ.อุบลราชธานี ศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ซึ่งขณะนี้ควบคุมอยู่ในพื้นที่เหล่านี้อยู่ แต่เราก็มีความระมัดระวังป้องกันชายแดนอย่างเต็มที่ โดยให้กระทรวงมหาดไทยอพยพคนออกจากพื้นที่ให้ไกลกว่า 50 กิโลเมตร อยู่ในระยะที่ปลอดภัย ทั้งนี้เราได้สั่งการอพยพประชาชนมีการดำเนินการในแต่ละพื้นที่ซึ่งมีแผนดำเนินการรออยู่แล้ว
นายภูมิธรรม กล่าวว่า โดยในการประชุม สมช. ครั้งนี้ได้มีมติและถือเป็นมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ดูแลประชาชนอย่างดีที่สุด โดยเฉพาะการเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บและครอบครัวผู้เสียชีวิต ซึ่งมีระเบียบที่เราวางไว้อยู่แล้ว โดยกระทรวงศึกษาธิการได้สั่งปิดโรงเรียนตามแนวชายแดนในพื้นที่ใกล้เคียงแล้ว เพื่อป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียน ส่วนกระทรวงสาธารณสุขได้มีการดำเนินการเปลี่ยนแปลงโรงพยาบาลอำเภอ บริเวณชายแดนให้เป็นโรงพยาบาลสนามโดยอพยพคนไข้ที่บาดเจ็บทั้งหมดกลับไปสู่แนวหลังอยู่ในจุดที่ปลอดภัย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับมาตรการต่างประเทศได้ดำเนินการตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 23 ก.ค. ด้วยการลดระดับความสัมพันธ์ เรียกทูตไทยประจำกัมพูชากลับ และส่งทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยกลับกัมพูชา ซึ่งถือว่าเป็นระดับรุนแรงที่สุดทางการทูต
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะต้องมีการพูดคุยกันระหว่างสองประเทศหรือไม่ เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายกว่านี้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้ต้องให้เรื่องยุติก่อน เพราะเราไม่ได้เป็นผู้เริ่ม ถ้าแสดงความจริงใจต่อกันก็สามารถคุยกันได้ แต่ขณะนี้เรายังรู้สึกว่าทางฝ่ายเขายั่วยุและริเริ่ม ฉะนั้น เราต้องดำเนินการตามครรลองที่มันเกิดขึ้น เมื่อถามถึงเรื่องงบฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ชายแดนที่ได้รับผลกระทบ ทางจังหวัดสามารถเบิกจ่ายได้เลยหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า มีมาตรการไว้อยู่แล้วในส่วนของกองทุนต่างๆ ที่มีอยู่
เมื่อถามว่า ในที่ประชุมได้รับรายงานเกี่ยวกับความเสียหายของฝ่ายกัมพูชาหรือไม่ว่า มีมากน้อยแค่ไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขออนุญาตไม่พูดเรื่องยุทธการ เมื่อถามอีกว่า ตอนนี้มีข่าวฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บินออกนอกประเทศกัมพูชา เราทราบแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่ได้ติดตามเรื่องตรงนั้น เราสนใจเรื่องคนในประเทศเราและสนใจเหตุการณ์ปะทะกันที่จะเกิดขึ้นและบานปลาย เพื่อคำนึงถึงชีวิตทหารหาญและชีวิตประชาชนของเรา
เมื่อถามถึงกรณีกัมพูชายื่นหนังสือถึงคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) แล้ว ทางประเทศไทยจะมีการดำเนินการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.ต่างประเทศ อยู่นครนิวยอร์ก ได้พูดคุยประสานกับเลขาธิการยูเอ็นเอสซีแล้ว เราได้พบและพูดคุยกับตัวจริง และกระทรวงต่างประเทศดำเนินมาตรการต่างๆ และเล่าสถานการณ์ต่างๆ ให้ฟังได้มีการชี้แจงเรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามย้ำว่า จะเปิดเผยรายละเอียดได้หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการเล่าถึงสถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศจะแถลงอีกครั้ง ยืนยันเราไม่ได้ปกปิดอะไร เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน เรายืนยันว่าโดยหลักการ ที่เกี่ยวข้องกับอธิปไตยของประเทศ และการบุกเข้ามาในประเทศไทย เราปกป้องตัวเราเอง เรายืนยันอย่างหนักแน่น และยืนบนหลักของกระทรวงต่างประเทศที่พูดมาและรัฐบาลได้แสดงออกไปชัดเจน แต่หลายเรื่องเราขอว่า บางอย่างเราพูดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านยุทธการ หากพูดไปจะยิ่งทำให้เขารู้ และมันจะเพลี่ยงพล้ำในยุทธการต่างๆ
เมื่อถามว่า ทางกองทัพได้มีการขีดเส้นว่า การปฏิบัติการจะยุติเมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า ให้เหตุการณ์เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็วที่สุด และมีข้อยุติที่เพียงพอ
เมื่อถามว่า ขณะนี้ได้มีการติดต่อจากทางกัมพูชา หรือคาดการณ์เหตุปะทะจะยืดเยื้อขนาดไหน นายภูมิธรรม กล่าวว่า ได้ยินทางโซเชียลมีเดีย ยังไม่ได้มีการคุยกับ ฟังแต่โซเชียลมีเดีย จริงไม่จริงไม่รู้
เมื่อถามว่า ทางกัมพูชา ยังมีการยั่วยุ หากอยากให้สถานการณ์สงบโดยเร็ว มีวิธีการอย่างไร นายภูมิธรรม กล่าวว่า วิธีการพูดไม่ได้ แต่เขาต้องยุติความรุนแรงและสิ่งที่สำคัญ ตนคิดว่าต้องระมัดระวังเรื่องข่าวลือ ข่าวไม่ชัดเจนต้องระมัดระวัง อย่าเผยแพร่ เพราะจะทำให้เกิดความรุนแรงที่รุนแรงไปกว่านี้ ยืนยันว่าทางกองทัพสามารถดูแลประเทศได้ ปกป้องประเทศได้ มีความพร้อมทุกอย่าง แต่ถ้าบานปลายไป หรือทำให้สิ่งที่เกิดขึ้นมันกระเทือนกับชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจลงไปทำหน้าที่ ในการลงไปดูแลทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนที่อพยพออกจากพื้นที่แล้ว
เมื่อถามว่า หากทางกัมพูชายังรุนแรงมา ไทยก็จะแรงกลับใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราจะดูแลตามสถานการณ์โดยไม่ให้อธิปไตยเราเสียหาย หรือประเทศเสียหาย อย่าไปพูดหรือถามที่รุนแรงไปรุนแรงมา การพูดมันไม่ดีเท่าการทำ ถ้าการทำที่ดี มันจะแก้ปัญหาได้ พูดไปมีแต่ยั่วยุ
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องดึงองค์กรระหว่างประเทศมาเป็นตัวกลางเจรจาหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังครับ ตอนนี้เราอยู่ระหว่างที่ดำเนินการ และแจ้งให้องค์การระหว่างประเทศได้ทราบ
เมื่อถามว่า การปกป้องอธิปไตยของไทย ถือเป็นการประกาศสงครามแล้วหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ยังไม่ใช่เรื่องประกาศสงคราม เป็นเรื่องของการปะทะกันที่กำลังพยายามหาข้อยุติ สิ่งสำคัญคือเรายืนบนหลักปกป้องอธิปไตยของประเทศ และป้องกันตัวเองไม่ให้ถูกรุกราน และไม่ให้ประชาชนประสบปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า อยากบอกอะไรกับประชาชนบริเวณพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องประชาชน เรายืนบนหลักคือ เราไม่ยอมสูญเสียอธิปไตยของประเทศเรา เราปกป้องตัวเราเองเต็มที่ แต่อยากให้ประชาชนมั่นใจว่า รัฐบาลจะรับผิดชอบดูแลพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และจะทำทุกอย่างเท่าที่เงื่อนไขเราทำได้ อย่างสุดความสามารถ
เมื่อถามว่า แรงงานกัมพูชา ทางการไทยจะยังผ่อนผัน ให้ทำงานในประเทศไทยเหมือนเดิมหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า “เอาเรื่องสงครามที่กำลังจะเกิดก่อน”
เมื่อถามย้ำว่า เมื่อสักครู่ไหนบอกว่าไม่ใช่สงคราม ทำให้นายภูมิธรรม ตอบกลับว่า เขาอยากจะให้เป็นอย่างนั้น แต่เราไม่อยากให้เกิด ขอเปลี่ยนจากคำว่าสงคราม เป็นไม่อยากให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น เอาเรื่องนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่
‘คนจีน’ถึงคราวซวย! เหยียบทุ่นระเบิดเขมร
กองทัพภาคที่ 1 เผยชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิดเขมรที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว หลังลักลอบเข้าเมือง ด้านสถานทูตจีนติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด ระบุชายชาวจีนอาการทรงตัว


