มท.1 เรียกว่าที่อธิบดีกรมการปกครอง-อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น เข้าพบ มอบหมายเร่งรัดดูแลเยียวยา ประชาชน 7 จังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้หากล่าช้าถือว่าปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง พร้อมระดมนักศึกษาอาชีวะ-ทหาร เร่งซ่อมแซมบ้านเรือนเสียหาย ใน 1 เดือน หลังหยุดยิง
31 กรกฎาคม 2568 - เวลา 14.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าในวันนี้ ได้เชิญนายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร ว่าที่อธิบดีกรมการปกครอง (ปค.)และ ร้อยตำรวจโท ภพชนก ชลานุเคราะห์ ว่าที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) มาพบเพื่อที่จะสามารถต่องานได้ทันที เมื่อเข้ามารับหน้าที่ โดยเฉพาะงานที่จะดูแลเยียวยาประชาชน ซึ่งอยู่ในอำนาจของอธิบดีกรมการปกครองและกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น จะได้ให้ช่วยกันดูแล
โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ 2 ว่าที่อธิบดี ดูแลประชาชนที่อยู่ในศูนย์อพยพในพื้นที่ 7 จังหวัด ซึ่งมีอยู่ 733 แห่ง มีประชาชนทั้งสิ้น 187,974 คน โดยขอให้ดูแลให้ครบถ้วนในเรื่องปัจจัย 4 ส่วนเรื่องที่ประสบปัญหาอยู่ก็ให้เร่งแก้ไข
ขณะที่บ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย ขอให้กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ตรวจสอบประมาณค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมบ้านเรือน ว่าเป็นการเสียหายทั้งหลังหรือบางส่วน โดยจะให้ใช้จ่ายจากเงินบริจาคที่ประชาชนบริจาคให้ ผ่านกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบภัย ของทำเนียบรัฐบาล ที่สามารถดำเนินการได้เร็ว รวมถึงให้ประสานงานระดมนักเรียนอาชีวะ ในเขตจังหวัดเข้าไปซ่อมแซมดูแล และจัดเจ้าหน้าที่ทหารส่วนหนึ่งไปช่วยดูแล โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 1 เดือน หลังจากที่มีการหยุดยิงเรียบร้อย แม้ว่าขณะนี้จะหยุดยิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ต้องดูให้มีความแน่นอนและชัดเจนก่อน
ส่วนการให้ความช่วยเหลือในระยะต่อไป มีงบรายการ ที่ต้องจ่ายในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งขณะนี้มีงบตั้งจ่ายอยู่ที่จังหวัดละ 50 ล้านบาท แต่ได้มีการขยายเป็นจังหวัดละ 100 ล้านบาทแล้ว และจะเร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ประเมินความเสียหาย หากไม่เร่งรัดจะถือว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง โดยทั้ง 7 จังหวัดจะต้องดำเนินการทันที พร้อมกับกล่าวย้ำว่า การใช้งบประมาณในส่วนนี้ สามารถเบิกจ่ายได้ดีกว่าเงินในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ส่วนงบประมาณ 100 ล้านบาทที่เพิ่มให้ ก็สามารถดำเนินการได้เลย
นายภูมิธรรมย้ำว่า รัฐบาลห่วงใยประชาชน และอยากให้ผ่อนคลาย ในเรื่องราวต่างๆจึงอยากให้ประชาชนคลายความกังวล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปิดด่าน 5 เดือน การค้าชายแดนคลองใหญ่เสียหาย 5 พันล้าน สินค้าเถื่อนทะลัก วอนรัฐบาลเยียวยา
เศรษฐกิจการค้าชายแดนคลองใหญ่ทรุดหนัก เสียหาย 5 พันล้าน ท่องเที่ยววูบปิดท่าเรือหนี ผู้ประกอบการจี้รัฐเยียวยา หลังปิดด่าน 5 เดือน ขณะสินค้าเถื่อนทะลักเข้า-ออก
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่
นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล
นายกฯ สั่งผู้ว่าฯ 7 จว.ชายแดนไทย-กัมพูชา ต้องมีความพร้อมเต็มที่ ดูแล-อพยพประชาชน
นายกฯ มอบนโยบายชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน สั่งผู้ว่าฯ 7 จังหวัดเตรียมแผนดูแลประชาชน เผย ยืมสตาร์ลิงค์ทหารไว้สื่อสารแล้วเปรียบ ”ชรบ.“ เป็นกำแพงมหึมาดูแลแนวหลังให้ปลอดภัย - สร้างความสบายใจให้ทหารไม่ต้องพะวงหลังห่วงครอบครัว ชี้ ใครคิดรบกับไทยคงประสาทไม่ดี
โถ! ทภ.2 เรียกร้องกัมพูชาหยุดวางทุ่นระเบิด ย้ำธำรงความสัมพันธ์ฉันมิตรเพื่อนบ้าน
รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากการรวบรวมหลักฐานเชิงประจักษ์ในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ที่พื้นที่เกิดเหตุเมื่อปี พ.ศ. 2568
หวิดเสียขาที่ 8! ทภ.2 แจงทุ่นระเบิดที่ห้วยตามาเรีย เป็นของเก่ากัมพูชาวางไว้
กองทัพภาคที่ 2 ชี้แจงเหตุการณ์เสียงระเบิดในพื้นที่ห้วยตามาเรีย มีรายละเอียดดังนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2568 เวลา 14.20 น. หน่วย ร้อย.ร.1622 ซึ่งปฏิบัติภารกิจในพื้นที่


