ผบ.กกล.บูรพาตรวจแถวกำลังพลลั่นกองทัพพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์!

ผบ.กกล.บูรพาตรวจความพร้อม – กำลังพล 3 ฝ่าย ทหาร ตำรวจ อส. เตรียมรับสถานการณ์ชายแดนสระแก้ว ย้ำกองกำลังไทยพร้อมเผชิญทุกสถานการณ์ ขณะที่ผู้ว่าฯ ระบุหลัง 10 ต.ค.ใช้กฎหมายเข้มงวดลักลอบเข้าเมือง

24 ก.ย.2568 – พล.ต.เบญจพล เดชาติวงศ์ ณ อยุธยา ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา พร้อมด้วย นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และ พล.ต.ต.ถาวร ดุลยวิทย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว นำคณะลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามสถานการณ์และตรวจความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการชายแดน และให้กำลังใจกำลังพล 3 ฝ่าย ทั้งทหาร ตำรวจ อส. โดยผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว และผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสระแก้ว ได้ร่วมพูดคุยกันเพื่อหารือแนวทางในการร่วมกันปฏิบัติหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรการป้องกันชายแดน และการดูแลความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

จากนั้นคณะฯ ได้เดินทางต่อไปยังบ้านหนองจาน เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานร่วมกัน ณ จุดตรวจ ส.40 และติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างถนนเพื่อความมั่นคง รวมถึงการสร้างบังเกอร์กันจอมพลังที่เสริมระบบป้องกันภัย เพิ่มขีดความสามารถในการดูแลพื้นที่ชายแดนอย่างมั่นคงแข็งแรง

พล.ต.เบญจพลและผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้ลงพื้นที่บ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว เพื่อติดตามการเทลูกรังกว่า 800–900 ตัน ของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา ซึ่งจะนำมาสร้างถนนเชื่อมชุมชนในพื้นที่แนวชายแดน

ทั้งนี้ ตนมาดูการดำเนินการของหน่วยบัญชาการทหารพัฒนาที่เข้ามาสร้างถนน และถือโอกาสตรวจเยี่ยมกำลังพลสามฝ่าย ที่จัดเตรียมไว้รองรับสถานการณ์หากเกิดขึ้น ซึ่งเราตอบไม่ได้ว่าจะรุนแรงเมื่อใด แต่ยืนยันว่าเรามีความพร้อมทั้งด้านกฎหมายและการปฏิบัติ ขอให้ประชาชนเชื่อมั่น

พล.ต.เบญจพล ยังกล่าวว่า ขณะนี้เป็นช่วงคุมเชิงสถานการณ์ ขอความร่วมมือจากสื่อมวลชนให้ระมัดระวังการนำเสนอข่าว เพราะฝ่ายตรงข้ามเฝ้าติดตามข้อมูลอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำว่ากองกำลังไทยมีแผนเผชิญเหตุรองรับทุกสถานการณ์ หากเกิดความรุนแรงก็พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

ขณะที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว กล่าวเสริมว่า หลังวันที่ 10 ตุลาคมนี้ ต้องติดตามท่าทีจากที่ประชุมระดับคณะกรรมการชายแดน โดยยืนยันว่าจังหวัดจะเฝ้าระวังพื้นที่อย่างเข้มงวด และจะใช้กฎหมายจัดการกับการลักลอบเข้าเมืองเป็นอันดับแรก สำหรับการประชุม RBC ที่จะถึง ต้องรอความชัดเจนจากฝ่ายทหาร เพราะแม่ทัพทั้งสองประเทศจะเป็นผู้กำหนด ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่าพื้นที่บ้านหนองหญ้าแก้วเป็นของกัมพูชา ยืนยันว่าต้องยึดสถานการณ์ปัจจุบันเป็นหลัก

ที่ผ่านมา จังหวัดสระแก้วประกาศชัดเจนแล้วว่า หากฝ่ายกัมพูชาไม่ส่งแผนอพยพ ก็จะไม่มีการพูดคุยกันในระดับจังหวัด ต้องไปหารือกันที่ GBC เท่านั้น ขณะเดียวกันยืนยันว่าฝั่งไทยยังไม่มีการก่อสร้างบ่อนกาสิโนใดๆ
ส่วนการผลักดันผู้ที่รุกล้ำ ต้องดำเนินการหลังวันที่ 10 ตุลาคม ตามกระบวนการ ไม่ใช่ใช้วิธีรุนแรง เพราะไทยอาจเสียเปรียบในเวทีโลก และขณะนี้ได้ยกระดับเรื่องขึ้นสู่รัฐบาลแล้ว ย้ำว่าฝ่ายไทยมีความพร้อมทั้งกำลังพลและกฎหมาย โดยเฉพาะการจัดการกับการเข้าเมืองผิดกฎหมาย ส่วนการเปิด–ปิดด่าน เป็นอำนาจที่ต้องให้นายกรัฐมนตรีทั้งสองประเทศหารือกัน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ร้องก็ร้องไป! ผบ.กองกำลังบูรพา เมินเขมรโวยเสียงผี ลั่น 'ทำในแผ่นดินไทยของผม'

ผู้บัญชาการกองกำลังบูรพา เมินกัมพูชาร้องเรียน IOT เรื่องเสียงผีที่ไทยเปิดบริเวณบ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว

TOA เคียงข้างคนไทย เดินหน้าโครงการ 'TOA ไม่ทิ้งกัน อาสา ทาสีฟื้นฟู' เติมสีสันใหม่ให้โรงพยาบาลและโรงเรียนชายแดนไทยขกัมพูชา

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชาที่สร้างความสูญเสียต่อชีวิต บ้านเรือน และสถานที่สำคัญตั้งแต่ปี 2554 จนถึงการปะทะครั้งรุนแรงอีกครั้งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2568 ที่ผ่านมา ทำให้โรงพยาบาลและโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดศรีสะเกษได้รับความเสียหายอย่างหนัก ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน

กยศ.ขยายเวลากู้ให้นักเรียน-นักศึกษาใน 7 จังหวัดชายแดน

รัฐบาลมอบ กยศ. ขยายเวลากู้ยืมนักเรียน รร. 7 จว. พร้อมจัดสรรงบประมาณ 8,488 ล้านบาท รองรับการกู้ยืมครั้งที่ 2 ปีการศึกษา 2568 แก่นักเรียน นักศึกษาที่ได้รับผลกระทบชายแดนไทย – กัมพูชา