'เท้ง' ถามจุดยืน รมว.กต.เรื่องเอ็มโอยู 'สีหศักดิ์' บอกเตรียมให้ความเห็นใน ครม.ก่อน

'ผู้นำฝ่ายค้าน' จี้ 'รมว.กต.' ถามจุดยืนเลิกเอ็มโอยู 43-44 ด้าน 'สีหศักดิ์' บอกสัปดาห์หน้า 'บวรศักดิ์' นัดหารือกรอบและแนวทางทำประชามติ ยันพร้อมให้ความเห็นในวงประชุมรัฐบาลก่อนกลับมาแจง

09 ต.ค.2568 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา ของนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ถามนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องการจัดทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู 2543 และเอ็มโอยู 2544

โดยนายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ช่วงปลายเดือนที่ผ่านมาที่นายสีหศักดิ์เคยให้สัมภาษณ์ว่า นโยบายของรัฐบาลชุดนี้ในการจัดการเรื่องต่างประเทศทั้งกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานความมั่นคง และทหาร จะเน้นหลักในเรื่องเอกภาพในการดำเนินนโยบาย ดังนั้น วันนี้ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาตอบกระทู้ถามสด ตนอยากเน้นย้ำว่าท่านกำลังจะตอบกระทู้ถามสด ในฐานะตัวแทนของรัฐบาล ไม่ใช่ความคิดเห็นส่วนตัวของท่านหรือความคิดเห็นในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งผลสำรวจนิด้าโพล ที่มีการจัดทำสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,300 กว่าคน พบว่าผู้ตอบแบบสำรวจประมาณ 69 เปอร์เซ็น ยังมีความไม่มีความเข้าใจในเรื่องรายละเอียดในเอ็มโอยู 43 และ 44 แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ตอบแบบสำรวจในกลุ่มเดียวกันประมาณ 60 เปอร์เซ็นตอบแบบสำรวจว่าก็อยากจะให้มีการจัดทำประชามติสอบถามความคิดเห็นประชาชนในเรื่องนี้ว่าตกลงจะยกเลิกหรือไม่อย่างไร

นายณัฐพงษ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งสาเหตุที่มาที่ไปเนื่องจากการแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันที่ 29 ก.ย. ที่ผ่านมา นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีการพูดชัดเจนในที่ประชุมรัฐสภาว่าจะมีบัตรทั้งหมด 4 ใบ บัตรใบที่ 1 คือเลือกสส.เขต บัตรที่ 2 คือเลือกบัญชีรายชื่อ บัตรใบที่ 3 คือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และใบที่ 4 เรื่องการสอบถามประชาชนเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ ถึงแม้การจัดทำประชามตินั้น เป็นกลไกที่สำคัญในระบอบประชาธิปไตยที่ตนเชื่อว่าเป็นหัวใจที่สำคัญในการเปิดโอกาสให้กับประชาชนได้ใช้อำนาจทางตรงในการตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ของประเทศ อย่างไรก็ตาม การจัดทำประชามติจะสะท้อนเจตนารมณ์และสะท้อนเจตจำนงของประชาชนได้นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดเป็นอย่างยิ่งคือเรื่องของกระบวนการในการจัดทำประชามติ ที่ต้องมีการรณรงค์อย่างเปิดกว้าง ให้ข้อมูลอย่างรอบด้านให้ประชาชนเข้าใจอย่างถี่ถ้วน ก่อนที่จะไปออกเสียงในคูหาในการออกเสียงประชามติ ซึ่งในกรณีนี้คือทำให้ประชาชนเห็นข้อมูลอย่างชัดเจนว่า หากยกเลิกเอ็มโอยูแต่ละฉบับแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อการจัดการข้อพิพาทระหว่างไทยและกัมพูชา ไทยจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบอย่างไรจากการยกเลิกเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ ซึ่งในมุมมองของพวกตนคือแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่เราจะรณรงค์เรื่องนี้ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลทั้งข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบจากการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 โดยที่ไม่ทำให้ฝ่ายกัมพูชาล่วงรู้ได้ ซึ่งข้อกังวลของตนที่มาถามคือเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับนั้น มีสาระสำคัญในเรื่องของการปักปันเขตแดนทางบกและเรื่องการบริหารผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเลระหว่างไทยและกัมพูชา

ผู้นำฝ่ายค้าน กล่าวว่า ซึ่งข้อมูลจำนวนมากเป็นข้อมูลที่บ่งชี้ได้อย่างชัดเจนว่าประเทศไทยจะได้เปรียบและเสียเปรียบในประเด็นใดบ้าง ที่สภาฯต้องประชุมลับในช่วงที่ผ่านมา เพื่อไม่ให้ฝ่ายกัมพูชารู้ข้อมูลต่างๆเหล่านี้ โดยคำถาม 1 คือ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติมีบทบัญญัติไว้ว่ามาตรา 14 วรรค 3 การออกเสียงประชามติต้องไม่เป็นการชี้นำ และมาตรา 15 (5) คือการออกเสียงประชามติรัฐบาลและคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องให้รายละเอียดอย่างรอบด้าน ซึ่งหมายถึงข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของไทยที่มีต่อกัมพูชา และตามพ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 16 รัฐบาลและกกต.ต้องมีการจัดแสดงความคิดเห็นและความเห็น ทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เวทีสาธารณะอย่างทั่วถึง ซึ่งรายละเอียดจำนวนมากที่ประชาชนจำเป็นต้องใช้ประกอบการตัดสินใจ เช่น ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของไทยที่มีต่อกัมพูชา คำถามคือรัฐบาลมีแผนในการดำเนินการจัดทำประชามติอย่างไรเพื่อไม่ให้การออกเสียงประชามติ ยกเลิกเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับนี้ขัดต่อพ.ร.บ.ประชามติ ที่ในกฎหมายได้กำหนดอย่างชัดเจน โดยที่กัมพูชาไม่สามารถที่จะรู้ข้อได้เปรียบและข้อเสียเปรียบของประเทศไทย

นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า คำถาม 2 พ.ร.บ.ประชามติ มาตรา 15 (5) มีบทบัญญัติเพิ่มเติมว่า รัฐบาลและกกต. จะต้องให้ข้อมูลในส่วนของมาตรการในการป้องกัน แก้ไข และเยียวยาความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นหากมีการดำเนินการตามผลประชามติ ความหมายคือหากมีการยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44 จริง เกิดผลประชามติออกผลมาเป็นแบบนี้จริง รัฐบาลจะต้องให้ข้อมูลแก่ประชาชนก่อนวันออกเสียงประชามติว่าหากมีการยกเลิก มีมาตรการในการป้องกันเยียวยาความเสียหายอย่างไร เช่น เอ็มโอยู 43 เรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยและกัมพูชาทางบก วันนี้รัฐบาลมีมาตรการหรือกลไกอื่นใดที่ดีกว่าเอ็มโอยู 43 ในการปักปันเขตแดนทางบกระหว่างไทยและกัมพูชาหรือไม่ เพื่อรองรับผลกระทบหากมีการยกเลิกเอ็มโอยูฉบับนี้ และเอ็มโอยู 44 รัฐบาลมีวิธีการหรือมาตรการใด ในการป้องกันไม่ให้เอกชนที่เขาได้เซ็นสัญญาลงนามสัมปทานการขุดเจาะก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อนทางระหว่างไทยและกัมพูชา ไม่ให้เอาเรื่องไปฟ้องกับอนุญาโตตุลาการเรียกค่าเสียหายกับรัฐบาลไทย หากมีการยกเลิกเอ็มโอยู 44 ดังนั้น มาตรการในการป้องกันเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบอีกด้านหนึ่งจากการยกเลิกเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ รัฐบาลเตรียมการไว้อย่างไรบ้าง

นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า คำถามที่ 3 ในทางปฏิบัติตนเชื่อว่าหากเราจะรณรงค์ในเรื่องนี้ผ่านเวทีสาธารณะ และให้ข้อมูลแบบรอบด้านจริงๆโดยที่ไม่ให้ฝ่ายกัมพูชาล่วงรู้ยากมาก แทบจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ ซึ่งตนอยากจะถามว่าหากท่านยังจะดึงดัน เดินหน้าการจัดทำประชามติด้วยกระบวนการแบบนี้ที่อาจจะสุ่มเสี่ยงว่าขัดต่อกฎหมายและอาจจะมีผู้ร้องไปร้องว่ากระบวนการจัดทำประชามติแบบนี้ ให้ข้อมูลไม่รอบด้าน ไม่ได้ให้ข้อชี้แจงในเรื่องของมาตรการ การป้องกันเยียวยาตามกฎหมาย และให้การจัดทำมติเป็นโมฆะ หรือสิ้นผลไป ท่านยังจะเดินหน้าต่อจริงหรือไม่ หรือจริงๆแล้วรัฐบาลใช้กลไกอื่นตัวแทนของรัฐบาลในสภาฯ กลไกแบบนี้หรือไม่ที่อาจเป็นทางออกที่ดีกว่าการออกเสียงประชามติซึ่งรัฐบาลได้ใช้กลไกเหล่านี้ได้ศึกษาอย่างรอบคอบ ก่อนที่จะส่งให้ฝ่ายบริหารใช้อำนาจตัดสินใจหรือไม่ ทั้งนี้ ตนขอถามความเห็นมุมมองของรัฐบาลคือในฐานะที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นตัวแทนของรัฐบาลว่าท่านเห็นด้วยหรือไม่ว่ารัฐบาลควรจะต้องยกเลิกเอ็มโอยู 43 และ 44

“พวกเราทุกคนสิ่งที่ต้องการคือต้องการผลประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย แต่สิ่งที่เราไม่ต้องการคือการใช้ประเด็นเรื่องนี้เอามาเรียกกระแสต่างๆ และอาจทำให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด ที่เราไม่สามารถกลับมาแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งสิ่งที่จะนำไปสู่การตัดสินใจที่ผิดพลาดคือกัมพูชาล่วงรู้ข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบหมด สุดท้ายกัมพูชาเอาเรื่องนี้ขึ้นสู่ศาลโลกได้ ผมทราบดีว่ารัฐมนตรีรู้ว่าอะไรคือทางออกที่ถูกต้อง เพียงแต่วันนี้ท่านอยู่ในคณะรัฐมนตรี จึงทำให้ท่านอุปสรรคบางอย่างที่ท่านตอบผมไม่ได้ตรงๆ แต่สิ่งที่ผมอยากคาดหวังคือในขณะที่คนไทยกำลังคาดหวังระบบการเมืองที่ดีที่บุคคลที่ดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ เป็นนักการทูต แบบท่านที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ไม่ได้มาจากการ เจรจาต่อรองโควตาตำแหน่งทางการเมืองเพียงอย่างเดียว สิ่งที่ผมอยากได้ยินจากรัฐมนตรีตอบ อยากได้คำยืนยันจากท่าน ในฐานะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีคำพูดที่มีน้ำหนักแน่นอน ในคณะรัฐมนตรีชุดนี้ยืนยันออกมาดังๆ ได้หรือไม่ ตอบในฐานะการทูตว่าเห็นด้วยจริงๆหรือ ที่จะมีการยกเลิกเอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับ ท่านเห็นด้วยจริงๆหรือว่าการจัดทำประชามตินั้น เป็นกระบวนการที่เหมาะสมในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ หรือถ้าท่านไม่เห็นด้วยหรือถ้าท่านไม่สามารถตอบอย่างชัดเจน ขอคำยืนยันได้หรือไม่ว่าท่านจะเข้าไปนำเสนอข้อคิดเห็นของท่าน ในฐานะที่ท่านดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะเบรคฝ่ายการเมืองที่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองเพื่อใช้กระแสชาตินิยมเพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมืองหรือไม่ ผมต้องการให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยืนยันเจตจำนงเรื่องนี้ในสภาผู้แทนราษฎร” นายณัฐพงษ์ กล่าว

ด้านนายสีหศักดิ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่ตนได้มาตอบกระทู้ในสภาฯ และยินดีที่จะตอบอย่างตรงไปตรงมา เพราะเชื่อว่าการดำเนินนโยบายการต่างประเทศที่ดี เราต้องเปิดกว้างฟังความเห็นของทุกฝ่ายโดยเฉพาะจากฝ่ายค้าน สำหรับเรื่องของเอ็มโอยูเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ เนื่องจากเป็นเรื่องของอธิปไตยเขตแดน ฉะนั้น ประชาชนน่าจะได้มีส่วนร่วมในการแสดงความเห็นว่าเราจะดำเนินการ และจัดทำประชามติอย่างไร อย่างไรก็ตาม เราต้องดำเนินการและรับฟังเสียงของสังคมด้วยความรอบคอบ ทุกมิติ อีกทั้งในสภาฯ ก็มีการตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) เพื่อพิจารณาเรื่องการยกเลิกเอ็มโอยูด้วย ตนคิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่เรามีการอภิปรายเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง ย้ำว่า เรื่องของการทำประชามตินั้น เหมือนที่นายณัฐพงษ์ตั้งข้อสังเกตว่า มีอะไรที่เราต้องคำนึงถึงบ้าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ต้องนำมาเปิดเผยต่อสาธารณะ การให้ข้อมูลข่าวสาร การเยียวยา หรือภาคเอกชนก็ตาม ล้วนเป็นสิ่งที่เราต้องคำนึงถึง โดยเราจะต้องพิจารณาถึงเรื่องต่างๆ เหล่านี้ให้ดี โดยในสัปดาห์หน้านายบวรศักดิ์ จะมีการประชุมเพื่อดูว่าขั้นตอนและรูปแบบวิธีการดำเนินการเกี่ยวกับการทำประชามติ ควรทำกันอย่างไร ทั้งนี้ สิ่งที่นายณัฐพงษ์แสดงความคิดเห็น ตนมองว่าเป็นประโยชน์ และเราจะได้นำไปหารือกันในเรื่องรายละเอียดโดยพยายามคำนึงถึงประเด็นต่างๆ ซึ่งหลังจากที่ประชุมกันแล้ว ได้ผลสรุปว่าเราจะดำเนินการอย่างไร มีแผนการอย่างไร ตนจะมาชี้แจงต่อที่ประชุมอีกครั้ง

นายสีหศักดิ์ กล่าวต่อว่า การจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาทำประชามติว่าอาจจะยกเลิกหรือไม่ยกเลิก ต้องทำด้วยความรอบคอบและต้องมีความชัดเจนว่าหากไม่มีเอ็มโอยูแล้ว เรามีอะไรเป็นทางเลือก เพื่อไม่ให้ผลประโยชน์ของประเทศได้รับผลกระทบหรือได้รับความเสียหาย ไม่ใช่อยู่ดีๆ จะมีประชามติ โดยไม่มีการเตรียมการหรือแผนรองรับ โดยในส่วนนี้กระทรวงการต่างประเทศ เราเห็นความสำคัญว่าควรจะมีแผนการรองรับในเรื่องดังกล่าวว่า หากไม่มีเอ็มโอยูแล้ว อะไรคือทางเลือกของเราที่จะปกป้องรักษาผลประโยชน์ของเรา ส่วนเรื่องเยียวยา ตนคิดว่ามีรายละเอียดมาก แต่เราก็ต้องคิดว่าอะไรที่เป็นสิทธิอันชอบธรรม และเกิดจากผลกระทบหากมีการยกเลิกเอ็มโอยู เราต้องมีการเยียวยากับผู้ที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากสิทธิอันชอบธรรมของเขา

นายสีหศักดิ์ กล่าวอีกว่า ตนยืนยันว่าเรื่องการต่างประเทศเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ บางครั้งเราต้องไม่นำมาเป็นประเด็นทางการเมือง และเรื่องนี้ต้องมีการอภิปรายอย่างจริงจัง การที่ตนจะตอบอะไร ตนต้องตอบด้วยความมั่นใจ ฉะนั้น จึงอยากให้มีการพูดคุยกันถึงรายละเอียดโดยคำนึงถึงประเด็นต่างๆ เหมือนที่นายณัฐพงษ์ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเราจะเดินหน้ากันอย่างไร ความเห็นส่วนตัวตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตนจะนำไปเสนอในกระบวนการพิจารณาของรัฐบาลแน่นอน และยืนยันว่าเรื่องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และกระบวนการประชาธิปไตยที่รัฐบาลต้องมีความรับผิดชอบต่อสภาฯ นั้น ก็ถือว่าสำคัญ ย้ำอีกครั้งว่าหากท่านมีประเด็นอะไรต่างๆ หรือรัฐบาลมีแผนที่ชัดเจนแล้ว ตนพร้อมที่จะมาชี้แจงต่อสภาฯ อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจบกระทู้ถามดังกล่าว นายวันมูหะมัดนอร์ ได้ถามเชิงหยอกล้อกับนายสีหศักดิ์ว่า “เป็นอย่างไรบ้าง การตอบในสหประชาชาติ กับตอบในรัฐสภา

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.พร้อมงัดข้อ พท.ยัน ส.ส.ร.ต้องเลือกตั้ง 100%

'ปชน.' ย้ำจุดยืน ส.ส.ร. ต้องเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ 'เพื่อไทย' เตรียมรื้อตั้งใหม่ ชี้ ข้อเสนอเคยถกกันแล้วใน กมธ. พร้อมขอความจริงใจทุกฝ่ายช่วยผลักดัน

'เท้ง' สอน 'อนุทิน' บูรณาการแก้ปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่

'ณัฐพงษ์' แนะ 'รัฐบาล' ต้องบูรณาการการทำงานกับทุกหน่วยงานในพื้นที่ เร่งประสานงานศูนย์พักพิงอิสระ เพื่อสนับสนุนทรัพยากรที่จำเป็น กระจายความช่วยเหลือให้ครบถ้วนด้วย

'หัวหน้าเท้ง' จี้รัฐบาลเอาให้ชัดใครคุมแก้น้ำท่วมหาดใหญ่

'ณัฐพงษ์' ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่ ห่วงรัฐไร้หัวโต๊ะ-ศูนย์กลางข้อมูลที่ชัดเจน สร้างความสับสนหน้างาน-ช่วยเหลือได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ

'ณัฐพงษ์' ร้อง 'โอ้โห' โดนถามเลือกตั้งครั้งหน้าจับมือ 'เพื่อไทย' ได้หรือไม่

'เท้ง' แจง 'ปชน.' วางแคนดิเดต 3 คนตามลำดับ กันข้อครหา 'นายกฯ กล่องสุ่ม' ยันไปต่อได้ แม้มีคดี 44 สส. ปัดจะจับกับใคร 'เพื่อไทย' หรือ 'ภูมิใจไทย' หากต้องเป็น 'รัฐบาลผสม' ร้องโห ขออนุญาตไม่ตอบ บอกขอใช้วิธีการทูต ไม่จําเป็นต้องเลือกข้าง