นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง ส.ว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ
7 ธันวาคม 2568 - สืบเนื่องมีพระราชกฤษฎีกาเปิดประชุมวิสามัญ ระหว่างวันที่ 10 และ 11 ธันวาคม 2568โดยมีระเบียบ วาระแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในมาตรา 256 ในวาระที่ 2 นั้น
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะและกล่าวว่า กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ เมื่อนำเข้าสู่การประชุมรัฐสภา วาระที่ 2 มีเงื่อนไขกฎหมายผ่านหรือไม่ เพียงองค์ประกอบ “เสียงข้างมาก”ของสมาชิกรัฐสภา หากพิจารณาในแง่ผลประโยชน์ทางการเมืองและเงื่อนไขข้อตกลง MOA ระหว่างพรรคประชาชนกับพรรคภูมิใจไทย การพิจารณาในวาระที่ 2 เกมนี้ ผ่านไปไม่ยาก แต่จะเจอกับดักในวาระที่ 3
ในการแก้รัฐธรรมนูญ จะพิจารณาต่อเนื่องในวาระที่ 3 ทันทีไม่ได้ ต้อง รอ ไว้ “15 วัน” นับแต่วันที่ผ่านร่างในวาระที่ 2 หมายความว่า หากผ่านร่างในวาระที่ 2 วันที่ 11 ธันวาคม 2568 นับไป 15 วัน จะครบกำหนดในวันที่ 26 ธันวาคม 2568
พูดภาษาชาวบ้าน คือ รัฐธรรมนูญกำหนดให้ต้องรอไว้ 15 วัน เพื่อให้ประชาชนหรือสมาชิกรัฐสภา ตรวจสอบ ทบทวนร่าง ต้องแช่แข็งร่างฯไว้ก่อน 15 วัน เพื่อให้ประชาชนหรือสมาชิกรัฐสภาหรือ สส.ที่สังกัดพรรคการเมืองที่เห็นต่าง เพื่อตรวจสอบร่างฯ มิให้รวบรวด ตัดตอน เร่งรัด เร่งรีบไปพิจารณาในวาระที่ 3 ทันที จึงต้องรอไว้ก่อน
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ต้องเว้นช่วงระยะเวลา 15 วัน โดยได้บัญญัติไว้ใน รัฐธรรมนูญ มาตรา 256 วรรคห้า มีเจตนารมณ์ป้องกันการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แบบฉบับพลัน รวบรัด ฉาบฉวย เพื่อต้องการให้ประชาชนได้ตรวจสอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งนี้ เพื่อให้แต่ละพรรคการเมืองที่มี สส.ในสภา กลับไปขอความเห็นจากมติพรรคหรือปรับฉันทามติครั้งสุดท้ายว่า จะผ่านหรือคว่ำในวาระที่ 3
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ว่าในเหลี่ยมการเมือง เกมแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นเกมวัดอายุรัฐบาลว่าจะอยู่ครบ 4 เดือนตามที่รัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้คำมั่นสัญญาประชาคมหรือไม่
หากพรรคเพื่อไทยไม่ใช้เกมแก้รัฐธรรมนูญและจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในการรณรงค์หาเสียง ปี 2569 จะต้องผู้สนับสนุนไม่ได้ว่าเป็นรัฐบาลมา 2 ปี แก้รัฐธรรมนูญไม่ได้ ครั้นอยู่ในการพิจารณาวาระที่ 3 กลับยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ถูกตราหน้าว่า “ล้มแก้รัฐธรรมนูญ” ทำให้พรรคเพื่อไทยไม่ยื่นร่างญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 วันเปิดประชุมสมัยประชุมสภาวันแรก เพราะ “ได้ไม่คุ้มเสีย” เป็นเพียงเกม “ข่มขู่” “เล่นเกมสองหน้า” เท่านั้น โอกาสที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะชิงยุบสภาคืนอำนาจให้แก่ประชาชน จึงไม่เกิดและเป็นหมันทันที
“หากอ่าน เกมเพื่อไทยโดยใช้เล่นเกมสองหน้านิ่งรอ ให้พ้นจากการพิจารณา ผ่านวาระ 3 แล้ว อาจไม่ยื่นเพราะระยะเวลาที่ให้คำมั่นสัญญาไว้เหลือเพียง 1เดือน 3 วัน รอให้รัฐบาลยุบสภาที่ได้แถลงวันล่วงหน้าไว้วันที่ 31 มกราคม 2569” นักกฎหมายมหาชนระบุ
นักกฎหมายมหาชน วิเคราะห์ต่อว่า แต่ในเกมแก้รัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 3 ยังมีหมากซ่อนไว้ในเกมการแก้รัฐธรรมนูญ ตัวแปรหลักที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ องค์ประกอบ “สมาชิกวุฒิสภา” จะต้องใช้เสียงสนับสนุน 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกวุฒิสภาที่มีอยู่ หรือ “จำนวน สว. 67 คน”
เกมซ่อนอำนาจ กมธ.ปรับแก้ร่าง ในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ “ปรับลดอำนาจ สว.” เพื่อให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผ่านง่ายขั้น เกมหาตัวเลข สว.ให้เติมให้ครบ จำนวน 67 คน แม้พรรคภูมิใจไทย จะกุมเสียงข้างมากในสภาสูง แต่ไม่มีหลักประกันว่า จะเล่นเกมสองหน้าหรือไม่ เพราะอ้างได้ว่า ไม่สามารถสั่งการสมาชิกวุฒิสภาได้ และเป็นดุลพินิจของ สว.แต่ละคน จึงเป็นตัวแปรหมากสำคัญที่จะผ่านการพิจารณาในวาระที่ 3 หรือไม่
เหตุที่เป็นเช่นนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ฤชุพันธ์ ออกแบบให้รัฐธรรมนูญแก้ยาก ทั้งการได้มาซึ่งอำนาจตั้งรัฐบาลนายอนุทินฯ เกิดจากผลโดยตรงการออกแบบรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2560 หากจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ “โดยใช้โมเดลรัฐธรรมนูญ ฉบับ 2540” จะทำให้พรรคภูมิใจไทย เป็น “พรรคท้องถิ่น”พรรคขนาดกลาง โอกาสเป็น “รัฐบาล” เหมือนในปี 2568 โอกาสแทบ “เป็นศูนย์”
“แต่กระบวนแก้รัฐธรรมนูญด่านสุดท้ายมิใช่ สส.หรือ สว. เพราะแก้รัฐธรรมนูญ มาตรา 256(8) เป็น“บทบังคับเด็ดขาด” จะต้อง “จัดทำประชามติ”สอบถามประชาชนว่า สมควรจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ อาจพ่วงท้ายคำถามถึงวิธีการและเนื้อหาเป็นอย่างไร พร้อมในวันเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่งไป ดังนั้น เกมอำนาจชี้ขาด “ด่านสุดท้าย แก้รัฐธรรมนูญ จะ “ผ่าน” หรือไม่ผ่าน เกมตัวชี้ขาด คือ “เสียงข้างมาก”ของพี่น้องประชาชนในการจัดทำประชามติ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เอาแล้ว ‘อนุสรณ์’ ดักคอ ‘อนุทิน’ อย่าชิงยุบสภาหนีซักฟอก
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯและ รมว.มหาดไทย ออกมาระบุรัฐบาลเสียงข้างน้อย เตรียมความพร้อมที่จะยุบสภาทุกเมื่อ
'เทพไท' ชี้เป้าให้ พท. ซักฟอกอนุทิน 4 เรื่องใหญ่
นายเทพไท เสนพงศ์ นักวิจารณ์การเมือง และอดีตสส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” เรื่อง ชี้เป้า ซักฟอก อนุทิน ผมเห็นข่าวที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
รัฐสภาประชุมแก้ รธน. 10-11 ธ.ค. เชื่อผ่านวาระสาม สภาสูงไม่ตีตก
ในช่วงวันที่ 10-11 ธันวาคม จะมีการประชุมร่วมกันระหว่างสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา อันเป็นการประชุมรัฐสภาในช่วงการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ
'จุลพันธ์' กั๊กวันยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ลั่น 'ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้'
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุหากจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นช่วงเวลาใด ต่อให้รู้ก็บอกไม่ได้
'เด็จพี่' โผล่หยัน 'ปชน.' ไม่กล้าซักฟอก 'อนุทิน' กลัว 'ยุบสภา' ทำแก้รัฐธรรมนูญค้างเติ่ง
‘พร้อมพงศ์’ อัด ปชน. ตรรกกะย้อนแย้ง จี้ ‘อนุทิน’ ปลดรัฐมนตรีทุนเทา ไม่ได้ผล สอนมวย ยื่นอภิปรายใช้เสียงสภาฯ เกินครึ่งโหวตคว่ำ ปลดได้แน่ ผิดหวังห่วงเรื่องแก้รธน. มากกว่า ซักฟอกในสภาฯ ชี้ ทำแฟนคลับผิดหวัง เตรียมโดนลงโทษวันเลือกตั้ง
🛑LIVE ‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค | อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร
‘ดร.สุวิชา’ เปิดชัดๆ นิด้าโพล เลือกตั้ง’69 พลิกล็อก.!? พรรคต่อพรรค-ภาคต่อภาค อิสรภาพแห่งความคิด กับ..สำราญ รอดเพชร : วันเสาร์ที่ 06 ธันวาคม พ.ศ.2568

