ดร.ณัฏฐ์ อัดเพื่อไทยสับขาหลอกเล่นสองหน้า ปมยื่นฟันจริยธรรมอนุทิน-รมต.สีเทา

นักกฎหมายมหาชนชี้ การยื่นสอยนายกฯ-รมต.สีเทา เป็นเกมสับขาหลอก เหล้าเก่าในขวดใหม่ เพื่อปั่นราคาและกดดันการเมือง มากกว่าตรวจสอบจริงจัง

8 ธันวาคม 2568 - สืบเนื่องจากนายสุทิน คลังแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงก่อนการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ พรรคเพื่อไทยจะยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดจริยธรรมกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคลเกี่ยวกับคุณสมบัตินั้น 

ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน  ได้ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์และกล่าวว่า กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรีหรือนายกรัฐมนตรี โดยกลไกรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้ฝ่ายนิติบัญญัติตรวจสอบสมาชิกภาพฝ่ายบริหารในระบบรัฐสภาของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีว่า มีคุณสมบัติครบถ้วนหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) (5)โดยช่องทางตรวจสอบของ สส.หรือ สว.สามารถกระทำได้ โดยอาศัยกลไกรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 170 วรรคสาม  

โดยมี สส.หรือ สว.จำนวนไม่น้อยกว่าจำนวน 1 ใน 10 ของจำนวน สส.หรือ สว.ที่มีอยู่ในสภา เข้าชื่อแสนอต่อประธานสภาแห่งนั้น กรณีเห็นว่า สมาชิกภาพของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีรายใดสิ้นสุดลง ประธานสภาแห่งนั้นเมื่อตรวจสอบรายชื่อและเนื้อหาคำร้องแล้ว ประธานสภาฯมีหน้าที่ส่งคำร้องไปยังให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคหนึ่ง

แต่รัฐธรรมนูญยกระดับปราบโกง ได้บัญญัติมาตรา 82 วรรคสอง วิธีการชั่วคราวก่อนวินิจฉัย เป็นเครื่องมือให้ศาลรัฐธรรมนูญใช้อำนาจ เมื่อได้รับคำร้องแล้ว หากมีเหตุปรากฏอันควรสงสัยว่า สมาชิกภาพของผู้ถูกร้องมีกรณ๊ตามที่ถูกร้อง  ศาลรัฐธรรมนูญ อาจมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้อง หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาดก็ได้

เหตุที่เป็นเช่นนี้  การขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา มีเจตนารมณ์เพื่อหยุดยั้งความเสียหาย อันมีผลกระทบต่อการใช้อำนาจ และความเสียหายต่อบ้านเมือง จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายผู้ร้อง ต้องมีคำขอให้ใช้วิธีการชั่วคราวก่อนตัดสิน   โดยให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาจากข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและพยานหลักฐานที่ปรากฏ โดยใช้เกณฑ์ชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน “เหตุอันควรสงสัย”

พูดภาษาชาวบ้าน คือ กลไกรัฐธรรมนูญใช้สำหรับตรวจสอบสมาชิกภาพ สส. สว.และคณะรัฐมนตรี แต่ปัจจุบันกลับถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทำลายล้างพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้าม ไม่ต่างจาก ปอ.มาตรา 112

ดร.ณัฏฐ์ ชี้ว่าเกมของพรรคเพื่อไทยจะยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญเอาผิดจริยธรรมร้ายแรงกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีรายบุคคลเกี่ยวกับคุณสมบัติ “ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่” แต่ถือเป็น “เหล้าเก่าในขวดใหม่” เพราะเคยตั้งท่ายื่นตรวจสอบคุณสมบัติ เมื่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี มาแล้วแต่พรรคเพื่อไทยกลับเล่นเกมถ่วงโดยถอนคำร้องที่ยื่นต่อนายมูหะมัด นอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร มาปรับแก้ รวมถึงขู่ว่าจะยื่นถอดถอนรองนายกรัฐมนตรีและ รมว.บางคนภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าแล้ว แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายค้านแล้ว หาได้ตรวจสอบอย่าง “ราคาคุยโว” หาได้ไม่

แต่เป็นเกมสับขาหลอก พรรคเพื่อไทยกลับ “เล่นเกมสองหน้า” แถมตีปลาหน้าไซ เพื่อปั่นราคาให้แก่พรรคเพื่อไทยที่ยังอยู่ระหว่างฟื้นฟูพรรคยังไม่แล้วเสร็จ หากนับแต่วันที่ถอนร่างมาปรับแก้เป็นระยะเวลา 2 เดือนเศษ หากเพื่อไทยทำหน้าที่ฝ่ายค้านจริง ตรวจสอบจริงจัง ประชาชนจะได้ไม่ต้องค้างคาใจว่า  นายอนะทินฯถูกกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.และคดีอยู่ในชั้น กกต.ขาดคุณสมบัติหรือไม่ ทั้งพรรคเพื่อไทย สามารถยื่นตรวจสอบคุณสมบัติได้ทันทีหลังปรับแก้ร่างคำร้อง โดยไม่จำต้องรอเงื่อนไขเวลาใกล้ยุบสภา เพราะไม่มีกฎหมายใดบัญญัติห้ามไว้ ทั้งคุณสมบัติรัฐมนตรี หากขาดคุณสมบัติจริง ย่อมไม่สามารถดำรงแหน่งฝ่ายบริหารได้แต่แรกเพราะขาดคุณสมบัติ แต่เทคนิควิธีการขู่ฟ่อ เป็นการเมืองแบบเก่า เป้าหมายบีบทางอ้อมเพื่อให้พรรคภูมิใจไทยมีคุมสภาสูงเพื่อให้ สว.สีน้ำเงินเพิ่มจำนวนครบ 67 คนเป้าหมายแก้รัฐธรรมนูญ ผ่านวาระ 3 เท่านั้น.