
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้นาย Young Tae Kim เลขาธิการเวทีการขนส่งระหว่างประเทศ (International Transport Forum: ITF) เข้าเยี่ยมคารวะและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านการคมนาคมขนส่ง เพื่อนำไปสู่การกำหนดขอบเขตความร่วมมือที่เป็นไปได้ และการขอรับความร่วมมือทางวิชาการ ในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนในเอเชีย (Sustainable Infrastructure Programme in Asia: SIPA) ระหว่างกระทรวงคมนาคมและ ITF โดยมี นายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายปัญญา ชูพานิช ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ผู้อำนวยการกองการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้แทนสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เข้าร่วมหารือ
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า การเข้าเยี่ยมคารวะและหารือเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม และ ITF ในวันนี้ เป็นการประสานความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและนานาชาติตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ตามนโยบายของรัฐบาลภายใต้การนำของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กระทรวงฯ จึงได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561 - 2580)
เพื่อเป็นกรอบแนวทางการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทยในอนาคตให้สามารถตอบสนองผู้ใช้บริการ และรองรับการเจริญเติบโตของประเทศ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศให้มีประสิทธิภาพ (Transport Efficiency) ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green and Safe Transport) และประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างเสมอภาคและเท่าเทียม (Inclusivity) พร้อมเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทั้ง 4 มิติ (ทางบก ราง น้ำ และอากาศ) รวมถึงการสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียกลาง
ในการกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในโครงการด้านโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนซึ่งทั้งสองหน่วยงานได้ร่วมกันหารือในประเด็นต่าง ๆ ดังนี้
1. กรอบการดำเนินงานของ ITF ซึ่งเป็นเวทีหารือด้านนโยบายการขนส่งเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้คน และส่งเสริมความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทของการขนส่งในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม และการเข้าถึงการขนส่งอย่างเท่าเทียม
2. โครงการโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของรัฐบาลไทย ได้แก่

1) การจัดทำแผนการพัฒนาโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองคู่ขนานไปกับโครงข่ายรถไฟทางคู่ (MR-MAP) ซึ่งเป็นระบบคมนาคมในอนาคตเพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างภูมิภาคที่มีประสิทธิภาพ กระจายความเจริญไปสู่ท้องถิ่น 2) การพัฒนาถนนภายในประเทศที่สำคัญซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเดินทางในอนาคต อาทิ การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6) การก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง สายบางใหญ่ - กาญจนบุรี (M81) และโครงการทางพิเศษ พระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร 3) การพัฒนาระบบรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล
4) การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองภูมิภาค 8 จังหวัด ประกอบด้วย ภูเก็ต เชียงใหม่ นครราชสีมา ขอนแก่น พิษณุโลก อุดรธานี หาดใหญ่ และพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางของประชาชนในราคาที่เป็นธรรม และเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า
5) การพัฒนารถไฟความเร็วสูงระหว่างไทย - สปป.ลาว ในการพัฒนาท่าเรือเพื่อรองรับการเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจและเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับตู้สินค้า
6) โครงการพัฒนาท่าอากาศยานอู่ตะเภา เพื่อขยายขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร
7) การพัฒนาการคมนาคมขนส่งทางทะเลในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจเชื่อมอ่าวไทยและอันดามัน ที่จังหวัดชุมพรและระนอง
(Land Bridge) เพื่อเชื่อมโครงข่ายการขนส่งของประเทศและระหว่างประเทศทั้งทางถนน ทางราง และทางน้ำ ซึ่งจะช่วยให้เกิดแนวเส้นทางที่ตรง ลดระยะเวลาการเดินทางและลดต้นทุนค่าขนส่ง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจากการคมนาคมขนส่ง รวมถึงจะช่วยลดปัญหาโลกร้อนในปัจจุบัน นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังสนับสนุนมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งขณะนี้หน่วยงานในสังกัดกระทรวงฯ ได้มีนโยบายในการนำรถ เรือ และรถไฟพลังงานไฟฟ้าแทนการใช้พลังงานรูปแบบอื่น ๆ เพื่อให้คุณภาพอากาศในระบบการคมนาคมขนส่งของไทยดีขึ้น และช่วยแก้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ด้วย
3. ขอบเขตความร่วมมือที่เป็นไปได้ระหว่างกระทรวงคมนาคม และ ITF อาทิ โครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืนในเอเชีย (Sustainable Infrastructure Programme in Asia: SIPA) การพัฒนาแลกเปลี่ยนความรู้
ทางวิชาการ แนวทางปฏิบัติที่ดีด้านการขนส่งที่ดี รวมไปถึงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้การพัฒนานโยบายด้านการคมนาคมขนส่งที่ยั่งยืน ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้มอบหมายให้ สนข. หารือร่วมกับผู้ประสานงานโครงการ SIPA ในการพิจารณาความพร้อมและความเป็นไปได้เพื่อสนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการในโครงการ SIPA ต่อไป
ในโอกาสนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้กล่าวขอบคุณเลขาธิการ ITF สำหรับคำเชิญให้ประเทศไทยเข้าร่วมเป็นสมาชิก ITF ทั้งนี้ ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก ITF กระทรวงคมนาคมจะต้องขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ซึ่งมีลำดับขั้นตอนในการพิจารณาถึงเหตุผลความจำเป็นรวมถึงงบประมาณที่เกี่ยวข้อง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.สติธร ประเมินเลือกตั้ง “น้ำเงิน-ส้ม” สู้กันเดือด ก่อน ภูมิใจไทย โกย 150 ที่นั่ง นั่งแกนนำตั้งรัฐบาล สดใส
ดร.สติธร ธนานิธิโชติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประเมินภาพรวมสนามเลือกตั้งครั้งใหม่ว่า แม้จะเห็นภาพ 3 สี 3 ขั้ว แต่ในทางปฏิบัติ คู่ชิงตัวจริงมีเพียง 2 พรรค คือ พรรคประชาชน และพรรคภูมิใจไทย
ภูมิใจไทยปลุกพลังผู้สมัครสส. ชูสโลแกน 'พูดแล้วทำพลัส' ตั้งเป้าเกิน 200 ที่นั่ง!
แกนนำภูมิใจไทยกำชับว่าที่ผู้สมัคร สส.เดินเกมเลือกตั้งตามกติกา กกต. ชูผลงานรัฐบาลเป็นจุดขาย พร้อมปลุกใจหากทุ่มเทเต็มที่ มีลุ้นกวาดเกิน 200 ที่นั่ง มองสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชามีแนวโน้มคลี่คลายก่อนปีใหม่
ไม่ได้มาชั่วคราว! 'วราวุธ' นำอดีต สส.ชทพ. 10 คน สมัครสมาชิกภูมิใจไทย มั่นใจ ภท.เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแน่
‘วราวุธ’ พร้อมอดีต สส.ชทพ. 10 คน ตบเท้าสมัครสมาชิกภูมิใจไทย มั่นใจ ภท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแน่ ปัดไม่ได้มาแค่ชั่วคราว จะทุ่มเทให้เต็มที่ ลั่น ใครคิดจะปักธงสุพรรณบุรีก็ลองดูสักตั้ง
ได้ฤกษ์‘บ้านใหญ่’แห่ซบ‘ภท.’
“ภูมิใจไทย” หัวกระไดไม่แห้ง บ้านใหญ่แห่สมัครสมาชิกพรรคเป็นทางการ
ได้ฤกษ์! 'ขิง' ยกชุดใหญ่ 'รทสช.' สมัคร ภท.
“เอกนัฏ” เตรียมยกก๊วนอดีต รทสช. สมัคร ภท.พรุ่งนี้ บ้านใหญ่ชุมพร-สุราษฎร์ธานี-พิษณุโลก-แพร่-ทีมกทม. มากันพรึ่บ
เร่งเกม'เลือกตั้ง-จบศึกชายแดน' เมื่อทุกแนวรบกำลังได้เปรียบ
เรียกได้ว่าเกือบจะเป็นฉันทามติของสังคมที่ต้องการให้กองทัพดำเนินกลยุทธ์ในการนำพื้นที่ตามเส้นปฏิบัติการของไทยคืนจากกัมพูชาให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาดในการสู้รบระลอกที่ 2

