สส. เปิดบ้าน ให้องค์ความรู้ ผ่านศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (13 กันยายน 2566) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) จัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมให้แก่คณะศึกษาดูงานจากโรงเรียนวัดไผ่ตัน เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพและตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ณ ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ชั้น 2 อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม

นายปวิช เกศววงศ์ รองอธิบดีกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคน ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในลำดับต้นๆ ของโลก และเมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาในปีนี้ อุณหภูมิของพื้นผิวโลกและอุณหภูมิของมหาสมุทรอยู่ในระดับสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ เป็นสัญญาณเตือนว่า เรากำลังเริ่มต้นสิ้นสุดยุคของ “ภาวะโลกร้อน” (Global Warming) และกำลังเข้าสู่ยุค “ภาวะโลกเดือด” (Global Boiling) ซึ่งประเทศไทยได้ตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวและมีการกำหนดเป้าหมายบรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065

ด้วยเหตุนี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงได้มีนโยบายทบทวน ปรับบทบาท ภารกิจและโครงสร้างของหน่วยงาน เปลี่ยน “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” และในวันนี้ประเทศไทยได้มี “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ภายหลังจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อ “กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น “กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2566 โดยให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันในประกาศฯ เป็นต้นไป (18 สิงหาคม 2566) อีกทั้งได้ออกกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา รวมถึงมีศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาทเป็นศูนย์ประสานงานกลาง บูรณาการและเชื่อมโยงข้อมูลของทุกจังหวัด รวบรวมข้อมูลการลดและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศ เป็นศูนย์เรียนรู้และสื่อสารข้อมูลองค์ความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เป็นศูนย์ติดตาม การพยากรณ์และคาดการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ถือได้ว่าเป็นคลังข้อมูลที่ใหญ่ที่สุด โดยมีการทำงานทั้งในเชิงรุกและเชิงรับ คือ ออกให้บริการองค์ความรู้ในรูปแบบการจัดกิจกรรมการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเคลื่อนที่ พร้อมทั้งเปิดโอกาสให้มีการศึกษาดูงานและจัดกิจกรรมการเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม สำหรับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียน นักศึกษา เยาวชน ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย และประชาชนทั่วไป

กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นดำเนินการส่งเสริมให้ทุกฝ่ายร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเยาวชนที่จะเติบโตมาเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมถ่ายทอดองค์ความรู้ (ศึกษาดูงาน) ขึ้น โดยผู้ที่มาศึกษาดูงานจะได้เข้าร่วมกิจกรรม 5 สถานีการเรียนรู้ ดังนี้ 1. ถามตอบความรู้ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ 2. Green Digital Library หนังสือดิจิทัลด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรของประเทศ 3. ปังปอนด์สอนน้องลดโลกร้อน 4. รู้จักโลกร้อนด้วยตัวเรา Global Warming Game และ 5. การจัดการขยะ เพื่อสังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งจะทำให้เด็กเยาวชนได้รับองค์ความรู้ เกิดความตระหนัก และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ รวมถึงจุดประกายความเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เป็นนักสื่อสารที่ส่งสารต่อไปยังครอบครัว โรงเรียน และชุมชน นำพาทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย และกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมพร้อมเปิดบ้านต้อนรับเสมอ ซึ่งทุกท่านสามารถเข้ามาใช้บริการที่ศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมแห่งนี้ได้ นายปวิช กล่าวทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รองนายกฯ "สุชาติ ชมกลิ่น" ร่วมพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เพื่อจัดสร้างพระโกศและพระหีบ ในงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

6 ธันวาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และร่วมเป็นเกียรติในพิธีบวงสรวงตัดไม้จันทน์หอม ณ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

“สุชาติ” ลงหาดใหญ่ ให้กำลังใจ ทีม ทส.หนึ่งเดียว เร่งร่วมฟื้นฟูพื้นที่ให้ประชาชน .. รพ.หาดใหญ่ ขอบคุณชื่นชมทีม ฮ.ทส. เข้าช่วยเหลือเป็นทีมแรก

วันนี้ (5 ธันวาคม 2568) เวลา 13.30 น. นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

รองนายกฯ สุชาติ เดินหน้ามาตรการเข้ม คุมโรงงานน้ำตาล-โรงไฟฟ้าชีวมวล ลดฝุ่น PM2.5 รับมือหมอกควันปี 2569

นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มอบนโยบายสำคัญให้หน่วยงานในสังกัดเดินหน้าจัดการมลพิษเชิงรุก เพื่อรับมือสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 ในปี 2569

“สุชาติ” ประสานไก่ CP ส่งผ่าน เครื่องบิน ทส. ช่วยโรงครัวมูลนิธิเพชรเกษม ประกอบอาหารเลี้ยงผู้ประสบภัยน้ำท่วมหาดใหญ่

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า วันนี้ได้สั่งการให้เครื่องบินเล็ก ของ ทส. รับมอบไก่สดจาก CP จำนวน 1 ตัน มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ไปส่งให้มูลนิธิเพชรเกษม

รองนายกฯ สุชาติ ขอบคุณและให้กำลังใจทีม ทส. ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้​ พร้อมส่งกำลังใจพี่น้องประชาชน​ และเผยแผนกำลังพล​ ทส.​ รวม​ 910 เข้าสนับสนุนภารกิจฟื้นฟูวันนี้​

1 ธันวาคม​ 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความขอบคุณและให้กำลังใจแก่ทีมงานของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ที่ได้ลงพื้นที่ปฏิบัติการให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้

ประเดิมแจ้งเตือน 'ฝุ่นPM2.5' ผ่าน Cell Broadcast 'กทม.' โหมดส้ม

เริ่มแล้ว! แจ้งเตือน PM2.5 ผ่าน Cell Broadcast 'กรุงเทพฯ–ปริมณฑล' เข้าสู่โหมดสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ 'รมว.สุชาติ' กำชับ ทส. ติดตามใกล้ชิด หลังแนวโน้มฝุ่นสะสมต่อเนื่องถึง 2 ธ.ค.