
วันนี้ (วันที่ 31 ตุลาคม 2566) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดบ้านกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (สส.) ต้อนรับกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หารือการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนะนำศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ร่วมเดินหน้าเสริมพลังร่วม หนุนกลุ่มเปราะบางรับมือผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ณ กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กรุงเทพมหานคร
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เผยว่า จากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระทรวงฯ จึงได้ทบทวนและปรับปรุงบทบาท ภารกิจและโครงสร้างหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อรองรับผลกระทบที่จะมาถึงในอนาคต กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม จึงได้จัดตั้งขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาเปลี่ยนชื่อกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อมเป็นกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2566 มีหน้าที่รับผิดชอบภารกิจด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของประเทศโดยตรง และจะทำให้การดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของประเทศไทยนับจากนี้ไปจะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น ซึ่งกระทรวงฯ มีความมุ่งมั่นในการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และผลักดันให้เกิดการดำเนินงานภายในประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ผนวกประเด็นสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเข้าสู่แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พ.ศ. 2558 - 2593 โดยให้ความสำคัญกับการปรับตัวต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเติบโตที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ และการสร้างขีดความสามารถด้านการบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงการสร้างเครือข่ายการทำงานร่วมกัน โดยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2566 ให้ทุกส่วนราชการให้ความสำคัญในการดำเนินงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอย่างพร้อมเพรียงกัน แต่งตั้งคณะทำงานหรือเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในการกำกับดูแล รวมทั้งประสานการดำเนินการกับกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม นับได้ว่ากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นหน่วยงานที่เห็นถึงความสำคัญของภารกิจดังกล่าว จึงได้มาเยี่ยมชมกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะในการพัฒนานโยบายเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ได้ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานด้านการการบูรณาการมิติเพศและสังคมในนโยบายและแผนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญในระดับสากล โดยร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ที่เป็นหน่วยประสานงานกลางด้านเพศภาวะและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (National Gender and Climate Change Focal point) ภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (UNFCCC) เพื่อประสานและขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านดังกล่าวของประเทศ โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้ให้ความสำคัญในการดำเนินการเพื่อร่วมขับเคลื่อนการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะมีการดำเนินงานร่วมกัน อาทิ จัดทำสื่อให้ความรู้และสร้างความตระหนักให้เหมาะสมสำหรับกลุ่มเปราะบาง ทั้ง เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ส่งเสริมกลุ่มสตรีและผู้สูงอายุให้มีบทบาทในการเป็นผู้นำ รวมถึงสนับสนุนให้มีการเข้าถึงกองทุนสิ่งแวดล้อม และทั้ง 2 กระทรวง ได้มอบหมายให้มีการจัดตั้งคณะทำงานในการดำเนินการร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมต่อไป

ทั้งนี้ ในการเยี่ยมชม ได้มีการบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อประชาชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบาง แนวทางการขับเคลื่อนการดำเนินงานในการปรับตัว รวมถึงข้อเสนอแนะในการพัฒนานโยบายและการดำเนินงานของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พร้อมแนะนำศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม หรือ CCE Center ตั้งอยู่ชั้น 2 อาคารกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 มีภารกิจและหน้าที่ในการบูรณาการข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกับหน่วยงานภายในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพัฒนาฐานข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูลด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแบบ Real-Time โดยเชื่อมโยงกับศูนย์ประสานงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทุกจังหวัด ซึ่งประกอบด้วย 4 ศูนย์ ได้แก่ ได้แก่ ศูนย์เรียนรู้และคลังข้อมูลสำหรับประชาชน ศูนย์ข้อมูล วิเคราะห์ แปลผลและพัฒนาฐานข้อมูลกลาง ศูนย์พยากรณ์ พัฒนาเครื่องมือและระบบพยากรณ์คาดการณ์ความเสี่ยงและภัยธรรมชาติ ศูนย์ประสานและสื่อสาร ประสานความร่วมมือเชื่อมโยงทุกจังหวัดและทุกภาคส่วน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“รองนายกฯ สุชาติ สั่ง คพ. จับตาลักลอบทิ้งสารเคมี 24 ชม. รุกสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังสิ่งแวดล้อมฉะเชิงเทรา ตรวจพบต้องสอบทันที”
นายสุรินทร์ วรกิจธำรง อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การลักลอบทิ้งกากของเสียและสารอันตรายในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยเฉพาะจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งมีแนวโน้มทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากขึ้น
ปชน. เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส. 5 เขตจังหวัดพิษณุโลก ส่ง 'ณฐชนน' แก้มือเขต 1 อีกรอบ
พรรคประชาชนจังหวัดพิษณุโลกจัดการประชุมไพรมารีโหวต (Primary Vote) เพื่อรับรองว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค
รองนายกฯ สุชาติ เรียกประชุมนัดแรก คกก.อำนวยการฯ เร่งเครื่องแก้ปัญหาหมอกควัน-ฝุ่น PM2.5 ปี 2569
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอำนวยการเพื่อการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศ ครั้งที่ 1/2569 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2568
“รองนายกฯ สุชาติ” เป็นประธาน กก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบ EIA โครงการสำคัญ แก้ปัญหาอุทกภัย–เสริมบริหารจัดการน้ำ
นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 6/2568 เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล
รองนายกฯ สุชาติ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการมรดกโลก เดินหน้าผลักดันแหล่งวัฒนธรรมไทยสู่เวทีโลก
วันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม 1001 ชั้น 10 สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อาคารทิปโก้ และผ่านระบบประชุมทางไกล นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี
รองนายกฯ “สุชาติ” สั่งการ กรมอุทยานฯ ผนึก DSI–กรมป่าไม้ ทลายโกดังไม้เถื่อนหนองคาย รวบ 4 ผู้ต้องหา ยึดไม้หวงห้ามกว่า 275 ลบ.ม.
เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2568 นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้สั่งการให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช บูรณาการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และกรมป่าไม้ เร่งปราบปรามขบวนการลักลอบตัดและค้าไม้ผิดกฎหมายอย่างเข้มข้น หลังพบพฤติการณ์เชื่อมโยงขบวนการค้าไม้ข้ามชาติ

