สปส.มอบสุข ลงพื้นที่สร้างกำลังใจให้ผู้ประกันตนทุพพลภาพ จ.สุราษฎร์ธานี

เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2567 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม ลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมี นายสมเกียรติ สิริชูทรัพย์ ประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี นางสมมาตร ทิตย์สีแสง ผู้อำนวยการศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพคนงานภาค 5 คณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม นักกายภาพบำบัด และเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจเยี่ยม ติดตามคุณภาพชีวิตผู้ประกันตนที่ประสบอันตรายจนเป็นเหตุให้ทุพพลภาพในโครงการ “สปส.มอบสุข”

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวว่า นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ฝากความห่วงใยถึงผู้ประกันตนที่เจ็บป่วยและทุพพลภาพ พร้อมกำชับให้ผมและเจ้าหน้าที่สำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่เพื่อเข้าดูแลคุณภาพชีวิตของผู้ประกันตนอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ โครงการ “สปส.มอบสุข” เป็นอีกหนึ่งโครงการของสำนักงานประกันสังคม ที่คอยให้ความช่วยเหลือ ดูแล ผู้ประกันตนที่ทุพพลภาพ ให้เข้าถึงสิทธิที่ตนพึงมี อย่างเท่าเทียมกับผู้ประกันตนทุก ๆ คน โดยในวันนี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยม รวมถึงพูดคุยให้กำลังใจ พร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์จากกองทุนประกันสังคม เพื่อดูแลฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจ อีกทั้ง ได้นำสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค ตลอดจนเครื่องใช้ที่จำเป็น มามอบให้กับผู้ประกันตนทุพพลภาพซึ่งอยู่ในความดูแลของสำนักงานประกันสังคมจังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 3 ราย

รายที่ 1 คือ นายสมเกียรติ น้ำเงิน อายุ 66 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 39 อาศัยอยู่กับภรรยา อยู่ในอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2558 จากอาการเส้นเลือดฝอยในสมองตีบ เป็นเหตุให้แขนและขาข้างขวาอ่อนแรง ดวงตาข้างขวามองเห็นไม่ชัดเจน เดินได้โดยใช้ไม้เท้า สูญเสียสมรรถภาพการทำงานของร่างกายร้อยละ 62 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400 บาท ตลอดชีวิต

รายที่ 2 คือ นางสาวฐานิดา จันทรพิมล อายุ 55 ปี เป็นผู้ประกันตนมาตรา 39 อาศัยอยู่กับพี่สาวในอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทุพพลภาพจากโรควัณโรคเยื่อหุ้มสมอง และวัณโรคปอด เป็นเหตุให้ตาทั้ง 2 ข้างมองไม่เห็น สูญเสียสมรรถภาพการทำงานของร่างกายร้อยละ 95 ได้รับสิทธิเป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน 2547 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 2,400 บาท ตลอดชีวิต

รายที่ 3 คือ นายนายพิศาล ชาติรักษา อายุ 67 ปี ผู้ประกันตนมาตรา 33 อาศัยอยู่กับครอบครัว อยู่ในอำเภอท่าฉาง จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ทุพพลภาพตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม 2558 จากการประสบเหตุถูกยิง กระสุนทะลุเข้ากระดูกสันหลัง เป็นเหตุให้ ร่างกายท่อนล่างตั้งแต่ต้นขาลงไป ใช้การไม่ได้ เดินทางโดยการนั่งรถเข็น สูญเสียสมรรถภาพการทำงานของร่างกายร้อยละ 80 ได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้เดือนละ 6,564 บาท ตลอดชีวิต

นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ กล่าวเสริมว่า การลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ของสำนักงานประกันสังคม ในวันนี้ เพื่อเป็นการสร้างขวัญกำลังใจที่ดีให้กับผู้ประกันตนในระบบประกันสังคม และขอให้ทุกคนมั่นใจว่า สำนักงานประกันสังคมพร้อมให้การดูแลผู้ประกันตนทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ในมาตราใดก็ตาม

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงานในไซต์ก่อสร้างจังหวัดสมุทรปราการ

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. เกิดอุบัติเหตุโครงนั่งร้านบริเวณชั้น 3 ภายในไซต์งานก่อสร้างของบริษัท ไทย-ฮอง เทคโนโลยี จำกัด ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ

“สปส.” ห่วงแรงงานพลาดสิทธิคุ้มครอง “กองทุนเงินทดแทน”ภัยที่ทำงาน เตือนนายจ้างป้องสิทธิรักษาพยาบาลลูกจ้างหลังเกิดภัยภายใน 15วัน

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ในทุกสถานประกอบการอาจซ่อนความเสี่ยงที่ไม่มีใครคาดคิดไว้เสมอและเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยชีวิตและการใช้สิทธิอย่างถูกต้องและทันเวลา

“ สปส.” แนะช่องทางนายจ้างชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสร้างหลักประกันให้แรงงานไทย

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการยกระดับคุณภาพกลไกลการทำงานของ “กองทุนเงินทดแทน” ให้มีมาตรฐานมายิ่งขึ้น

“สปส.” เดินหน้ายกระดับกลไกคุ้มครองแรงงาน“กองทุนเงินทดแทน”

นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ความคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึงตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561

“สปส.” เร่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย กระทุ้งนายจ้างต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน30วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน

กระทุ้งนายจ้าง ต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างเริ่มทำงานวันแรกในสถานประกอบการ ขู่ฟอดนายจ้างไม่ปฏิบัติจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท