สำนักงานประกันสังคม ประกาศผลสำเร็จงาน SSO MARKET 2024 ระหว่างวันที่ 28 – 30 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้มหกรรมหางาน JOB EXPO THAILAND 2024 โดย นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มุ่งส่งเสริมให้ความสำคัญกับการสร้างโอกาสและสร้างความเสมอภาคทางสังคม กระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ สนับสนุนความต้องการมีงานทำของประชาชน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตอย่างมั่นคงและยั่งยืน
นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เผยว่า ในปีนี้สำนักงานประกันสังคมได้มีการจัดงาน SSO MARKET 2024 ภายในงานมีกิจกรรมมากมาย เช่น กิจกรรมส่งเสริมอาชีพอิสระของผู้ประกันตนมาตรา 40 ร้านขายสินค้าเครือข่ายพันธมิตรกว่า 229 ร้านค้า ประกอบไปด้วย ร้านขายสินค้าปลีก อุปโภคบริโภค ร้านขายอาหารและเครื่องดื่ม กิจกรรมเครือข่ายสำนักงานประกันสังคม ให้บริการรับชำระเงินสมทบ กิจกรรมตรวจสุขภาพเบื้องต้น พร้อมให้บริการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ ฟรี จากกลุ่มโรงพยาบาลศิครินทร์ กลุ่มโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล โรงพยาบาลบางปะกอก 8 โรงพยาบาลจุฬารัตน์ กิจกรรมตอบคำถามชิงรางวัล กิจกรรมร่วมสนุกกับ LINE OFFICIAL ACCOUNT กิจกรรมสาธิตส่งเสริมอาชีพ เช่น สาธิตการชงกาแฟหรือเครื่องดื่ม การตกแต่งทรงผม และการผลิตพวงกุญแจ
ตลอดระยะเวลา 3 วัน มีผู้เข้าร่วมงานอย่างคึกคักกว่า 60,000 ราย กิจกรรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุด คือ การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งมีผู้เข้ารับบริการเป็นจำนวนมาก โดยประกันสังคมได้กระจายการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ใน 4 หน่วยพยาบาล สูงถึง 1,200 โดส ซึ่งคิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม อีกทั้ง ยังมีผู้สนใจเข้ารับการตรวจสุขภาพเบื้องต้นร่วม 2,000 ราย พร้อมกันนี้มีเจ้าหน้าที่คอยให้คำปรึกษาแก่ผู้ประกันตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การตรวจสอบสิทธิประโยชน์ การสมัครเป็นผู้ประกันตนมาตรา 40 รวมถึงชำระเงินสมทบ โดยมีผู้สนใจเข้ารับคำปรึกษา จำนวนกว่า 2,100 ราย และภายในงานได้มีการเปิดตัวแอปพลิเคชั่น SSO Plus ให้ผู้ประกันตนได้ใช้อีกด้วย ทั้งนี้ ยังมีกิจกรรมชิงรางวัลบนเวทีที่มีผู้ร่วมสนุกและได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก
“จากความสำเร็จในการจัดงาน SSO MARKET 2024 ในครั้งนี้ ผมขอขอบคุณโรงพยาบาล บริษัท ร้านค้า พันธมิตร ผู้ประกันตน และประชาชนทั่วไปที่เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ทำให้งานมีสีสัน มีความสนุก และเป็นการสร้างการรับรู้เกี่ยวกับสำนักงานประกันสังคมมากยิ่งขึ้น” เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กล่าวในตอนท้าย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานประกันสังคมแจ้งเตือนนายจ้าง ชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทนปี 2569 และรายงานค่าจ้างปี 2568 ภายในกำหนด
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยว่า สำนักงานประกันสังคม ขอแจ้งเตือนนายจ้างทุกแห่งให้ดำเนินการ ชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ประจำปี 2569 ภายในวันที่ 31 มกราคม 2569 เพื่อประโยชน์สูงสุดแก่ลูกจ้างในการได้รับสิทธิประโยชน์จากกองทุนเงินทดแทน
สำนักงานประกันสังคมลงพื้นที่ช่วยเหลือลูกจ้างประสบอันตรายจากการทำงานในไซต์ก่อสร้างจังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 10.30 น. เกิดอุบัติเหตุโครงนั่งร้านบริเวณชั้น 3 ภายในไซต์งานก่อสร้างของบริษัท ไทย-ฮอง เทคโนโลยี จำกัด ตำบลแพรกษา อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ
“สปส.” ห่วงแรงงานพลาดสิทธิคุ้มครอง “กองทุนเงินทดแทน”ภัยที่ทำงาน เตือนนายจ้างป้องสิทธิรักษาพยาบาลลูกจ้างหลังเกิดภัยภายใน 15วัน
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ในทุกสถานประกอบการอาจซ่อนความเสี่ยงที่ไม่มีใครคาดคิดไว้เสมอและเมื่อเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการช่วยชีวิตและการใช้สิทธิอย่างถูกต้องและทันเวลา
“ สปส.” แนะช่องทางนายจ้างชำระเงินสมทบกองทุนเงินทดแทน ส่งเสริมคุณภาพชีวิตสร้างหลักประกันให้แรงงานไทย
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า ปัจจุบันสำนักงานประกันสังคม(สปส.)ได้ให้ความสำคัญอย่างมากในการยกระดับคุณภาพกลไกลการทำงานของ “กองทุนเงินทดแทน” ให้มีมาตรฐานมายิ่งขึ้น
“สปส.” เดินหน้ายกระดับกลไกคุ้มครองแรงงาน“กองทุนเงินทดแทน”
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ความคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึงตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561
“สปส.” เร่งยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงานไทย กระทุ้งนายจ้างต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายใน30วันที่รับลูกจ้างเข้าทำงาน
กระทุ้งนายจ้าง ต้องยื่นแบบขึ้นทะเบียนลูกจ้างภายในระยะเวลา 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ลูกจ้างเริ่มทำงานวันแรกในสถานประกอบการ ขู่ฟอดนายจ้างไม่ปฏิบัติจะมีความผิดต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท