'พิพัฒน์' ย้ำสิทธิประโยชน์อาชีพอิสระ มอบทุนซื้อบ้าน เงินทดแทนเจ็บป่วย เงินทุพพลภาพตลอดชีวิต บำเหน็จชราภาพ ด้วยประกันสังคมมาตรา 40

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นรุ่นแรก เป็นจังหวัดซึ่งมีประชากรจำนวนมากที่สุดในภาคใต้ ประกอบอาชีพอิสระกว่า 500,000 คน เช่น การเกษตรสวนยางพารา สวนปาล์มน้ำมัน สวนมะพร้าว ทำนา ทำไร่ การประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งและการเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ผมเชื่อมั่นว่าโครงการนี้จะสามารถสร้างการรับรู้ให้เห็นถึงความสำคัญเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ประกันสังคมมาตรา 40 ที่เหมาะสมกับอาชีพได้ อาทิ เมื่อไม่สามารถทำงานได้ กรณีประสบอันตรายหรือเจ็บป่วย จะได้รับเงินทดแทนการขาดรายได้สูงสุดถึง 90 วัน กรณีทุพพลภาพรับเงินทดแทนการขาดรายได้ 500 – 1,000 บาทต่อเดือนได้รับสูงสุดตลอดชีวิต กรณีเสียชีวิต ได้รับเงินค่าทำศพสูงสุด 50,000 บาท กรณีชราภาพ ได้เงินบำเหน็จ และกรณีสงเคราะห์บุตร ได้รับเงินรายเดือนตั้งแต่บุตรแรกเกิด จนถึงอายุครบ 6 ปีบริบูรณ์ พร้อมทั้งวันนี้สำนักงานประกันสังคม/ มีกองทุนให้ผู้ประกันตนทุกคน/ ที่อยากมีบ้านเป็นของตัวเอง/ มีสิทธิ์ได้วงเงินกู้ซื้อบ้าน/ หรือซื้อที่ดินปลูกบ้านได้สูงสุด 2 ล้านบาทต่อคน เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่มั่งคงและเป็นกำลังสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศต่อไป

ด้าน นางมารศรี ใจรังษี ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานประกันสังคมให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กิจกรรมในโครงการฯ ครั้งนี้ประกอบด้วย การให้บริการรับสมัครผู้ประกันตนมาตรา 40 การจัดเวทีอภิปรายแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการประกันสังคมมาตรา 40 การออกร้านจำหน่ายสินค้าของเครือข่าย การจัดนิทรรศการของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงแรงงาน รวมทั้งกิจกรรมอื่น ๆ ของภาคีเครือข่าย กระทรวงแรงงาน โดยสำนักงานประกันสังคมพร้อมขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมการสร้างหลักประกันทางสังคมให้แรงงานอิสระของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่ว่า “ทักษะดี มีงานทำ หลักประกันทางสังคมเด่น เน้นการขับเคลื่อนการสร้างรากฐานเศรษฐกิจ” ควบคู่กับนโยบายของนายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ที่ “เน้นการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องแรงงานทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นแรงงานในระบบหรือแรงงานนอกระบบ ให้ได้รับสิทธิประโยชน์ที่เป็นธรรม ครอบคลุมและทั่วถึง” สุดท้ายนี้ นางมารศรี หวังเป็นอย่างยิ่งว่า “โครงการในวันนี้จะเป็นกลไกสำคัญในการประชาสัมพันธ์และสร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชนทุกระดับ ให้มีความรู้ ความเข้าใจและเชื่อมั่นในหลักการประกันสังคม ที่พร้อมให้ความคุ้มครอง ครอบคลุม ผู้ประกันตนทั่วประเทศ”.