“รมว.นฤมล”มอง การตั้งศูนย์ C4IR ที่ไทยเป็นโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ให้เกษตรกรรับมือกับสภาพภูมิอากาศ ช่วยเพิ่มขีดความสามารถ พร้อมยกระดับภาคเกษตรไทย

เมื่อวันที่ 23 ม.ค.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ร่วมประชุม Multilateral Meeting: Centre for the Fourth Industrial Revolution (C4IR) ในประเทศไทย ร่วมด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ CEO         ภาคเอกชนไทย และผู้แทนของ World Economic Forum  โดยมีการหารือถึงแนวทางในการจัดตั้งศูนย์ฯ ในประเทศไทยเพื่อส่งเสริมการปฏิรูประบบอาหารและภาคการเกษตรเพื่อรับมือและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการเปลี่ยนแปลงทาง เทคโนโลยี ขับเคลื่อนการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีทางการเกษตรมาใช้

โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ประเทศไทยยินดีให้การสนับสนุนการจัดตั้งศูนย์ C4IR เพราะถือเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางวิชาการสมัยใหม่ การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การปรับใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่และนวัตกรรม เพื่อส่งเสริมให้ภาคเกษตรมีภูมิคุ้มกันตลอดจนสนับสนุนให้เกิดความมั่นคงอาหาร อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งศูนย์ฯ ต้องอาศัยความร่วมมือของภาคเอกชนไทย และหารือในกระบวนการภายในประเทศต่อไป

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยได้ร่วมมือและได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการจากองค์การระหว่างประเทศต่างๆ มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็น GIZ FAO และ ADB ในเรื่องการถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้เกษตรกรไทยเกิดภูมิคุ้มกัน สามารถทำการเกษตรท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ได้ ซึ่งระยะ 5 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับความช่วยเหลือทางวิชาการที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตรจากองค์การระหว่างประเทศ เช่น โครงการการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตร เพื่อเพิ่มความยั่งยืนและการฟื้นตัวของพื้นที่สูง โดยได้รับงบประมาณกองทุนเพื่อการลดความยากจนของรัฐบาลญี่ปุ่น ดำเนินการโดยธนาคารพัฒนาเอเชีย ซึ่งมีจังหวัดน่าน เป็นพื้นที่เป้าหมาย เพราะเป็นพื้นที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเผชิญปัญหาการชะล้างพังทลายของดินและการขาดแคลนน้ำ

“การจัดตั้งศูนย์ C4IR ที่ประเทศไทย จะเป็นการเปิดโอกาสสำคัญให้หน่วยงานของไทย ทั้งภาครัฐและเอกชน ได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ แนวปฏิบัติ และบทเรียนที่ผ่านมาของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเกษตร รวมถึงการพัฒนาภาคการเกษตรสู่ความยั่งยืน ร่วมกับเครือข่าย C4IR ของประเทศอื่น แน่นอนว่า ภาคการเกษตรเป็นภาคที่สำคัญในการช่วยขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจประเทศ ดังนั้น การพัฒนาภาคเกษตรไปสู่ความยั่งยืน จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและยกระดับภาคการเกษตรไทย”   ศ.ดร.นฤมล กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“รมว.ศธ.นฤมล” เฝ้าฯ รับเสด็จ กรมสมเด็จพระเทพฯ ทรงเปิดเวทีวิชาการ Thailand-Japan Student Science Fair 2025 หนุนเยาวชนไทย-ญี่ปุ่นโชว์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์ สร้างนักวิจัยรุ่นใหม่สู่เวทีโลก

เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.68 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดงานประชุมวิชาการ Thailand-Japan Student Science Fair 2025 (TJ-SSF2025) โดยมี ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์

รัฐบาลเร่งเยียวยาสัตว์เลี้ยงใน 7 จังหวัดชายแดน

รัฐบาลเผยยอดสัตว์เลี้ยงในพื้นที่ 7 จ.ชายแดนได้รับผลกระทบจากเหตุปะทะ กว่า 6 ล้านตัว เดินหน้าให้ความช่วยเหลือ เร่งสำรวจความเสียหายเยียวยาตามระเบียบราชการ

“รมว.นฤมล”เคาะร่างประกาศ กช. หลักเกณฑ์ฯ กู้เงิน-ยืมเงิน พัฒนาคุณภาพผู้เรียน รร.ในระบบ-รร.สอนศาสนา

เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) ครั้งที่ 4/2568 โดยมีคณะกรรมการและผู้บริหารการศึกษาที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ห้องประชุมราชวัลลภ

'นฤมล' สั่งปิดสถานศึกษาชายแดนเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง

'รมว.นฤมล' สั่งปิดสถานศึกษาชายแดนเพิ่มเป็น 1,168 แห่ง เปิดโรงเรียน 102 แห่งเป็นศูนย์พักพิง พร้อมส่งเด็กอาชีวะช่วยเหลือ ปชช.ในพื้นที่ เตรียม Fix It Center หลังสถานการณ์คลี่คลาย

“รมว.นฤมล”เร่งสำรวจความเสียหายโรงเรียน หลังน้ำท่วมหาดใหญ่ เตรียมเสนอ ครม.อนุมัติงบฟื้นฟูให้กลับมาเปิดเรียนโดยเร็ว ชี้ เด็กสามารถมาเรียนได้ โดยไม่ต้องใส่ชุดนักเรียน หลังทรัพย์สินเสียหายจากน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เวลา 15.40 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจสภาพความเสียหายบริเวณวงเวียนสายสงขลา–หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา

Fix It Center เต็มกำลัง! “รมว.นฤมล”ตระเวนทั่วหาดใหญ่ตรวจความพร้อม กำชับ เร่งงาน รวดเร็ว ปลอดภัย และทั่วถึง ช่วยชาวบ้านซ่อมของเสียจากน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย นายสุเทพ แก่งสันเทียะ