8 กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นรับรางวัล ‘ป๋วย อึ๊งภากรณ์’ ตามแนวคิดสวัสดิการสังคม ‘จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ในงาน ‘ธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2567’

ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชนฯ 8 กองทุนทั่วประเทศรับรางวัลจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  ประธานสถาบันป๋วย

ธนาคารแห่งประเทศไทย O แบงก์ชาติร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดงาน ‘ธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2567’  มอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการ SME  และ 8 กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นจากทั่วประเทศที่ได้รับรางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม ‘จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ของ ดร.ป๋วย  อึ๊งภากรณ์” ปูชนียบุคคลของสังคมไทย

ศ.ดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์

ดร.ป๋วย  อึ๊งภากรณ์  (เกิดปี 2459 เสียชีวิต 2542) เป็นอดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย  อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  เป็นผู้บุกเบิกงานพัฒนาชนบท  ฯลฯ ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์  สมถะ   ได้รับรางวัลแมกไซไซ สาขาบริการสาธารณะในปี 2508 และองค์การยูเนสโกยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลกในปี 2558

นอกจากนี้ ดร.ป๋วยยังเคยเสนอแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคมให้แก่ประชาชนตั้งแต่เกิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิตตามแนวคิด ‘จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน’ ในเดือนตุลาคม 2516 จนเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นต่อมาได้นำมาเป็นแบบอย่างในการทำงานเพื่อสร้างสรรค์สังคม   และเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของดร.ป๋วย (9 มีนาคม 2459) หน่วยงานต่างๆ  จึงถือเอาวันนี้จัดกิจกรรมต่างๆ ขึ้นมา  เพื่อสืบสานปณิธานของ ดร.ป๋วย

งาน ‘ธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2567

โดยวันนี้ (9 มีนาคม)  ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย  บางขุนพรหม  กรุงเทพฯ  มีการจัดงาน ‘ธรรมาภิบาลดีเด่นแห่งปี 2567’  เพื่อมอบรางวัลให้แก่ผู้ประกอบการ SME ที่มีธรรมาภิบาลดีเด่น  และกองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีผลงานดีเด่น  โดยมี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร  เทวกุล  ประธานสถาบันป๋วย  อึ๊งภากรณ์  เป็นประธานในงาน  มีผู้ประกอบการ SME ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน   ดร.กอบศักดิ์  ภูตระกูล  ประธานบอร์ด พอช.  นายกฤษดา  สมประสงค์  ผอ.พอช.  และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมงานประมาณ 300 คน

พิธีมอบรางวัล กองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นแห่งปี 2567

8 กองทุนสวัสดิการชุมชนรับรางวัล ‘ป๋วย อึ๊งภากรณ์’

การจัดงานธรรมาภิบาลดีเด่นประจำปี 2567    มีการมอบรางวัลให้แก่กองทุนสวัสดิการชุมชนที่มีผลงานดีเด่น  รางวัล “ผู้สรรค์สร้างความมั่นคงของมนุษย์ระดับชาติ” ตามแนวคิดการจัดสวัสดิการสังคม “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ของดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์  ปูชนียบุคคลของสังคมไทย  เพื่อยกย่อง เชิดชู องค์กรหรือกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ดำเนินงานช่วยเหลือ ดูแลคุณภาพชีวิตคนในชุมชนอย่างโดดเด่นในด้านต่างๆ  โดยจัดประกวดครั้งแรกในปี 2559

ในปี 2568 นี้  เป็นการจัดประกวดรางวัลกองทุนสวัสดิการชุมชนดีเด่นปีที่ 9  เริ่มกระบวนการคัดเลือกกองทุนสวัสดิการที่มีความโดดเด่นในด้านต่างๆ ทั่วประเทศตั้งแต่ช่วงปลายปีที่ผ่านมา   มีกองทุนฯ ที่ส่งผลงานเข้าร่วมประกวดจากทั่วประเทศ จำนวน 58 กองทุน  และผ่านกระบวนการพิจารณากลั่นกรองในระดับภาคสู่ระดับประเทศ  จนได้กองทุนดีเด่น 8 กองทุนใน 8 ประเภท  จากรางวัลทั้งหมด 10 ประเภท  คือ

กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองงูเหลือม อ.เมือง จ.นครปฐม ประเภทที่2 ด้านการพัฒนาสุขภาพ ความมั่นคงทางอาหาร

2 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลนรสิงห์ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง  ประเภทที่3 ด้านการพัฒนาสังคมสูงวัย

กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี ประเภทที่ 4 ด้านการพัฒนาการศึกษา การเรียนรู้ ทักษะการดำรงชีวิต

4 กองทุนสวัสดิการชุมชนเขตภาษีเจริญ  จ.กรุงเทพมหานคร ประเภทที่ 5 ด้านการดูแลสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ

5 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลแก้งคร้อ อ.แก้งคร้อ จ.ชัยภูมิ ประเภทที่ 6 ด้านการพัฒนาสัมมาชีพในชุมชน

6 องค์กรสวัสดิการชุมชนตำบลหนองแวง(โคกสูง) อ.โคกสูง  จ.สระแก้ว ประเภทที่ 8 ด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ดินทำกิน

7 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองเหล็ก อ.โกสุมพิสัย  จ.มหาสารคาม ประเภทที่ 9 ด้านการสร้างสังคมที่เป็นธรรม

8 กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลโชคชัย อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ประเภทที่ 10 ด้านการฟื้นฟูวิถีวัฒนธรรมและสุนทรียะ  

ทั้งนี้รางวัล ประเภทที่ 1 ด้านการพัฒนาครอบครัว แม่และเด็ก  ประเภทที่ 7 ด้านการสร้างความมั่นคง ความปลอดภัยไม่มีกองทุนส่งเข้าประกวด ( ดูรายละเอียดกองทุนที่ได้รับรางวัลที่ www.codi.or.th )

ดร.กอบศักดิ์ “สวัสดิการชุมชนเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่”

ดร.กอบศักดิ์  ภูตระกูล

ดร.กอบศักดิ์  ภูตระกูล  ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน กล่าวแสดงความยินดีกับกองทุนที่ได้รับรางวัลมีใจความว่า  แนวคิดการพัฒนาโดยชุมชนเพื่อชุมชน ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของความเข้มแข็งและยั่งยืน   อาจารย์ ป๋วย อึ๊งภากรณ์ และอาจารย์ ไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม เป็นบุคคลที่มีคุณูปการสำคัญด้านเศรษฐศาสตร์และสังคมของประเทศ อ.ป๋วย เคยพาพนักงานธนาคารแห่งประเทศไทยลงพื้นที่เรียนรู้จากชุมชน ตั้งสภาพัฒน์ฯ เพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศ และเสนอแนวคิด “จากครรภ์มารดาถึงเชิงตะกอน” ที่เป็นหัวใจของงานสวัสดิการชุมชน ขณะที่ อ.ไพบูลย์ ได้ผลักดันให้เกิด พอช. และมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม

“หลายครั้งเราถูกบอกให้รอ แต่เราทำเองได้ เพียงวันละบาท ถ้าทุกคนร่วมกันออม ก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้” ดร.กอบศักดิ์ กล่าว

ที่ผ่านมา ชุมชนได้พิสูจน์แล้วว่าพลังของประชาชนสามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้จริง โครงการป่าชุมชน การจัดการขยะ การแก้ไขปัญหาหนี้สิน กองทุนออมทรัพย์ บ้านมั่นคง หรือแม้แต่ ธนาคารปูม้า ที่ชุมชนร่วมกันอนุรักษ์และบริหารทรัพยากรของตนเอง ล้วนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจน  พอช. เตรียมจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ได้รับรางวัล ไม่ว่าจะเป็นการสานต่อโครงการเดิม หรือพัฒนาโครงการใหม่ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม   นอกจากนี้ ยังมีแผนผลักดันให้เรื่องราวของชุมชนต้นแบบเผยแพร่สู่สาธารณะ ผ่านสื่อต่าง ๆ รวมถึงการดึงภาคเอกชนเข้ามาช่วยยกระดับผลิตภัณฑ์ชุมชน ตั้งแต่การพัฒนามาตรฐานสินค้า บรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการขยายตลาด เช่น ขนมปั้นขลิบที่วางขายในร้านอะเมซอน   “เราทำได้ เรามีพลัง” คือแนวคิดที่ทุกคนต้องตระหนัก ชุมชนที่เข้มแข็งเกิดขึ้นจากการลงมือทำ ไม่ใช่การรอให้ใครมาช่วย และรางวัลที่ได้รับในวันนี้คือหลักฐานของความสำเร็จ

สุดท้าย ดร.กอบศักดิ์ ได้กล่าวแสดงความยินดีกับ 8 กองทุนสวัสดิการชุมชนต้นแบบ ประจำปี 2567 และย้ำว่าความสำเร็จครั้งนี้ไม่ใช่แค่ของกองทุน แต่เป็นก้าวสำคัญของชุมชนไทยทุกแห่งในการพัฒนาตนเองอย่างยั่งยืน

กองทุนสวัสดิการชุมชน พลังประชาชนสู่คุณภาพชีวิตที่ดี

นายกฤษดา  สมประสงค์  ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน)   กล่าวว่า   พอช. มุ่งส่งเสริมให้ชุมชนมีศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเอง กองทุนสวัสดิการชุมชน จึงเป็นกลไกสำคัญที่ประชาชนร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อดูแลกันเองตั้งแต่ “ครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน” เสริมเติมเต็มระบบสวัสดิการของภาครัฐ ผ่านการสมทบร่วมกันระหว่างประชาชน รัฐบาล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นตามศักยภาพของแต่ละพื้นที่  การคัดเลือกกองทุนที่มีการบริหารจัดการตามหลักธรรมาภิบาลในปีนี้ จาก 58 กองทุนทั่วประเทศ คัดเลือกจนเหลือ 8 กองทุนที่โดดเด่น ถือเป็นรางวัลที่สะท้อนถึงความสำเร็จของชุมชนที่สามารถบริหารจัดการกองทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

นายกฤษดา  สมประสงค์

นายกฤษดา  กล่าวต่อ พอช. คาดหวังว่าในปีต่อไปจะมี กองทุนสวัสดิการชุมชนที่พัฒนาและยกระดับเพิ่มขึ้น เพื่อดูแลประชาชนในมิติต่าง ๆ ได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามปณิธานของ อ.ป๋วย อึ๊งภากรณ์ ที่มุ่งให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเอง และมีระบบสวัสดิการที่เข้มแข็งจากชุมชนสู่ระดับประเทศ  พลังของชุมชนคือพลังของประเทศ หากเราร่วมมือกัน ระบบสวัสดิการที่เข้มแข็งจากฐานรากจะเป็นรากฐานสำคัญของสังคมไทยในอนาค

เสียงจากใจกองทุนสวัสดิการชุมชน

ปาลิน ธำรงรัตนศิลป์

ปาลิน ธำรงรัตนศิลป์ คณะอนุกรรมการสวัสดิการชุมชน5ภาค  กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับกองทุนสวัสดิการชุมชนที่ได้รับ “รางวัลอาจารย์ป๋วย” ประจำปีนี้ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 8 เพื่อเชิดชูองค์กรที่มีบทบาทโดดเด่นในการสร้างความมั่นคงของมนุษย์   ปีนี้ถือเป็นปีสำคัญ วาระครบรอบ 25 ปีของ พอช. และ 20 ปีของการพัฒนางานสวัสดิการชุมชน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความก้าวหน้าของการสร้างระบบสวัสดิการที่ยั่งยืน โดยกองทุนที่ได้รับรางวัลผ่านการคัดเลือกจากระดับภาคสู่ระดับประเทศ ถือเป็นต้นแบบที่สามารถนำแนวทางไปขยายผลต่อได้  แนวคิดของ “สวัสดิการชุมชนแนวใหม่” ไม่ได้เป็นเพียงการเติมเต็มสวัสดิการพื้นฐาน แต่เป็นการพัฒนาให้ตอบสนองต่อความต้องการที่แท้จริงของคนในพื้นที่ เสริมสร้างระบบการดูแล คุ้มครอง และช่วยเหลือที่เข้มแข็ง โดยมีชุมชนเป็นศูนย์กลาง  หวังว่าในปีต่อ ๆ ไป จะมีกองทุนที่พัฒนาต่อยอดแนวทางนี้มากขึ้น เพื่อร่วมกันสร้างชุมชนที่เข้มแข็งและสังคมที่ยั่งยืน

สิบเอกณัฐกร ดอนแก้วภู่

สิบเอกณัฐกร ดอนแก้วภู่ กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลสาลี กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้รับรางวัลในปีนี้ ซึ่งสะท้อนถึงศักยภาพและความพร้อมของกองทุนในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน  กองทุนมุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ให้ครอบคลุมทุกช่วงวัย เพื่อให้สมาชิกกองทุนและประชาชนทั่วไปมีโอกาสเข้าถึงการศึกษาและพัฒนาตนเอง โดยการจัดกิจกรรมที่ตอบโจทย์ทุกช่วงวัย  นอกจากเป็นเกียรติแก่ชุมชน รางวัลนี้ยังเป็นแรงผลักดันให้กองทุนนำแนวทางการพัฒนาไปต่อยอดและเผยแพร่สู่กองทุนอื่น ๆ เพื่อเป็นต้นแบบในการส่งเสริมการเรียนรู้ และยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชนต่อไป

นางเสงี่ยม สุทธิ

นางเสงี่ยม สุทธิ กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองเหล็ก กล่าวถึงความภาคภูมิใจที่กองทุนสวัสดิการชุมชนตำบลหนองเหล็กได้รับ "รางวัลดร.ป๋วย อึ๊งภากรณ์" ซึ่งเป็นรางวัลอันทรงเกียรติที่ทุกกองทุนใฝ่ฝัน รางวัลนี้เป็นผลจากความมุ่งมั่นและพยายามของกองทุนในการสร้างสวัสดิการที่เป็นรูปธรรมให้กับชุมชน กองทุนฯให้ความสำคัญกับ ความเป็นธรรมและความเท่าเทียม โดยไม่เพียงช่วยเหลือเฉพาะสมาชิกเท่านั้น แต่ยังขยายความช่วยเหลือไปยังกลุ่มผู้ยากไร้ ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยติดเตียง เพื่อให้ทุกคนในชุมชนได้รับโอกาสและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น จากประสบการณ์กว่า 10 ปี ของกองทุน วันนี้ตำบลหนองเหล็กมีประชากรในกองทุนเกือบ 7,000 คน ครอบคลุม 20 ชุมชน ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการพัฒนาที่ยั่งยืน รางวัลที่ได้รับเป็นแรงผลักดันให้กองทุนเดินหน้าขยายโครงการสวัสดิการใหม่ ๆ และจัดสรรงบประมาณลงสู่ชุมชน เพื่อให้พี่น้องประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราภูมิใจในสิ่งที่ทำ และจะรักษาคุณค่านี้ไว้ พร้อมเดินหน้าสร้างสรรค์ชุมชนให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป

ผู้แทนกองทุนสวัสดิการชุมชน  และหน่วยงานที่ร่วมจัดประกวดรางวัลตามแนวคิด ดร.ป๋วย

************ 

เพิ่มเพื่อน