กปร. – มหาวิทยาลัยมาเลเซีย ลงนาม MOU แลกเปลี่ยนด้านเกษตรกรรม

แลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านเกษตรกรรม สร้างสะพานเชื่อมระหว่างสาขาวิชาและพรมแดน เผย เป็นเวทีสำคัญในด้านวิชาการและขยายผล เพื่อประโยชน์สุขของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ

นางสุพร ตรีนรินทร์ เลขาธิการคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ (สำนักงาน กปร.) เปิดเผยภายหลังพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ระหว่าง สำนักงาน กปร. กับ มหาวิทยาลัยมาเลเซียแห่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย (UMK) ณ ห้องประชุมหนุมาน 1 อาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาว่า การจัดทำบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร ครั้งนี้เกิดจากผู้นำชุมชนไทยสยามในรัฐกลันตัน และผู้บริหารจากมหาวิทยาลัยมาเลเซียแห่งรัฐกลันตัน ได้เดินทางมาศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาพัฒนาด้านการเกษตรจนประสบผลสำเร็จ และคณะผู้บริหารของ UMK มีความประทับใจ ต้องการต่อยอดความรู้สานต่อความร่วมมือด้านการเกษตรร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จึงได้จัดทำร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการเกษตร กับศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ขึ้นมา

“กรอบความร่วมมือของทั้ง 2 ฝ่ายนั้น ทาง UMK จะส่งนักศึกษามาฝึกอบรมด้านเกษตรกรรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ก็จะส่งบุคลากรไปศึกษาเรียนรู้ด้านการจัดการธุรกิจการเกษตรที่ UMK อาทิ การบรรจุหีบห่อ การตลาด เป็นต้น” นางสุพร ตรีนรินทร์ กล่าว

ด้าน PROF. TS. Dr. ARHAM BIN ABDULLAH (ศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์ อาร์ฮัม บิน อับดุลลาห์) รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมาเลเซียแห่งรัฐกลันตัน กล่าวว่าโครงการนี้เป็นการสร้างความสัมพันธ์เชิงความร่วมมือ โดยมีเป้าหมายเพื่อความก้าวหน้า และการเติบโตร่วมกันในด้านวิชาชีพที่หลากหลาย บันทึกความเข้าใจนี้จะส่งเสริมและสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความรู้ในการศึกษาดูงานเพื่ออำนวยความสะดวกในความร่วมมือด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เกิดการแลกเปลี่ยนบุคลากรทางวิชาการ อาจารย์ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญ และผู้ดูแล ตลอดถึงความร่วมมือในการทำวิจัยและการฝึกอบรม การประชุมเชิงปฏิบัติการ สัมมนา การประชุมเชิงวิชาการ การอภิปรายในหัวข้อที่มีความสนใจร่วมกัน และความร่วมมือในด้านผลิตภัณฑ์ทางการเกษตร การแปรรูปผลิตภัณฑ์ การประมง กิจกรรมทางการตลาด รวมถึงด้านสิ่งแวดล้อม

“เราได้บรรลุเป้าหมายสำคัญนี้จากความมุ่งมั่น และการสนับสนุนที่ต่อเนื่องของทั้ง 2 ฝ่าย บันทึกความเข้าใจเป็นประจักษ์พยานถึงคำมั่นสัญญาว่าเราจะทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ ในการแลกเปลี่ยนความคิด และสร้างสะพานเชื่อมระหว่างสาขาวิชา พรมแดน และมุมมองต่าง ๆ ต่อไป” รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยมาเลเซียแห่งรัฐกลันตัน กล่าว

ทั้งนี้ สำนักงาน กปร. ในฐานะหน่วยงานกลางในการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ได้ประสานกับ UMK และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเอเชียตะวันออก กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กรมวิชาการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ ร่วมกันพิจารณากำหนดกรอบความร่วมมือดังกล่าว ในการพัฒนาบุคลากรของทั้งสองฝ่าย รวมถึงนำไปใช้ส่งเสริมและขยายผลให้เป็นรูปธรรม โดยในเบื้องต้นได้กำหนดกรอบความร่วมมือฯ เป็นระยะเวลา 3 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าว สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงทราบฝ่าละอองพระบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการ กปร. เห็นชอบอนุมัติให้ดำเนินโครงการเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เป็นที่คาดหวังว่าความร่วมมือครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญในการเผยแพร่แนวคิดการพัฒนาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชทหาราช บรมนาถบพิตร รวมทั้งเกิดการแลกเปลี่ยนถ่ายทอดองค์ความรู้ระหว่างกัน โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองฯ จะจัดทำหลักสูตรการศึกษาดูงานและฝึกทักษะในการถ่ายทอดองค์ความรู้สู่เกษตรกรในพื้นที่ให้แก่นักศึกษาและเจ้าหน้าที่ของ UMK ที่เข้ามาฝึกอบรมภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาฯ ระยะเวลา 4 เดือน โดยมีนักวิชาการฝ่ายไทย เป็นพี่เลี้ยงในแต่ละกิจกรรมของการฝึกอบรม ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทักษะการปฏิบัติงานและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ ที่สามารถนำมาเป็นแนวทางในการพัฒนาการเกษตรและขยายผลสู่ราษฎรทั้ง 2 ประเทศต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กปร. – มหาดไทย จับมือขับเคลื่อน “One Plan” บูรณาการโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน

สำนักงาน กปร. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริด้วยระบบ “One Plan” มุ่งเน้นการวางแผนแบบจากล่างขึ้นบน Bottom-Up รับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยตรง ลดการใช้งบประมาณที่ซ้ำซ้อน และเชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าด้วยกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน

กปร. เปิดคู่มือ One Plan ยกระดับโครงการพระราชดำริ 17 จังหวัดเหนือ

สำนักงาน กปร. เดินหน้ายกระดับการบริหารและขับเคลื่อนโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเชิงพื้นที่ เปิดตัว“คู่มือ One Plan” นำร่อง 3 จังหวัดภาคเหนือ น่าน พิษณุโลก และเชียงใหม่ มุ่งสร้างกลไกการทำงานแบบบูรณาการจากระดับพื้นที่ ลดความซ้ำซ้อน

พลิกดินแล้งเป็นสวนผลไม้ ต่อยอดการใช้ประโยชน์ โครงการฝายห้วยน้ำพร้าฯ ตำบลนางพญา อำเภอท่าปลา จังหวัดอุตรดิตถ์

สำนักงาน กปร.ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้าต่อยอดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ส่งเสริมการปลูกที่เหมาะสมกับพื้นที่ สนับสนุนการรวมกลุ่มวิสาหกิจชุมชน กลุ่มแปลงใหญ่ ควบคู่ไปกับการ

จากพื้นที่แห้งแล้งสู่แหล่งเกษตรมั่นคง “ห้วยต่อน้อย” ต้นแบบความร่วมมือของราษฎร

ราษฎรตำบลไม้ฝาด อำเภอสิเกา จังหวัดตรัง ร่วมกันเสียสละพื้นที่สวนยางพารา เพื่อก่อสร้าง “อ่างเก็บน้ำบ้านห้วยต่อน้อยพร้อมระบบส่งน้ำ” ตามที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ รับเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ

“ฝายคลองใหญ่” เสริมชีวิต สร้างน้ำเปลี่ยนผืนดิน สู่สวนผสมผสานยั่งยืน

จากนาร้างไร้น้ำ สู่สวนผลไม้เขียวขจีตลอดปี ราษฎรบ้านยูงงาม และบ้านโหล๊ะคล้า ตำบลโพรงจระเข้ อำเภอย่านตาขาว จังหวัดตรัง พลิกฟื้นผืนนาแห้งแล้งกว่า 2,000 ไร่ ให้กลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง

เดินหน้าสร้างเครือข่ายขยายผลการพัฒนา “คน กปร ตัวคูณ “ ขยายผลนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) รุ่นที่ 12 ปี 2568

บุคลากร ภาครัฐ เอกชน ร่วมภารกิจ คน กปร.ตัวคูณ ในโครงการนักพัฒนาตามแนวพระราชดำริ (พพร.) เรียนรู้ประยุกต์ใช้ ขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดําริกับบริบทการพัฒนาประเทศที่ท้าทายในปัจจุบัน สานต่อพระราชปณิธานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สืบสาน รักษา