สอน. โชว์ผลสำเร็จใช้โดรน - AI ในไร่อ้อยต้นแบบ พร้อมสร้างเครือข่ายเฝ้าระวังเผาอ้อยทั่วประเทศ

นายสามารถ น้อยวัน รองเลขาธิการคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย เปิดเผยหลังเป็นประธานแถลงข่าวผลสำเร็จ “การเฝ้าระวังและป้อมปรามการลักลอบเผาอ้อย เพื่อลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5
ฤดูการผลิตปี 2567/2568” ว่า ตามนโยบาย “ปฏิรูปอุตสาหกรรรม” ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) ในการยกระดับภาคการผลิตอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายของไทยสู่อุตสาหกรรมเศรษฐกิจใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 อย่างยั่งยืน โดยเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2567 สำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) ได้มีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOA) กับ 10 โรงงานน้ำตาล โดยนำร่องมีการใช้ AI และโดรนในไร่อ้อยกว่า 100,000 ไร่ เพื่อผลักดันการใช้เทคโนโลยีในไร่อ้อย เพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผนการเก็บเกี่ยวผลผลิตอ้อยในช่วงที่อ้อยมีคุณภาพสูงสุด ทดแทนปัญหาการขาดแคลนแรงงาน รวมไปถึงการเก็บเกี่ยวอ้อยสดของเกษตรกรชาวไร่อ้อย

จากการลงพื้นที่โรงงานน้ำตาลในจังหวัดเพชรบูรณ์ สุพรรณบุรี และอุดรธานี เพื่อติดตามความก้าวหน้าของการใช้ AI และโดรน พบว่า สามารถใช้โดรนบินสำรวจในพื้นที่ปลูกอ้อยกว่า 357,000 ไร่ ซึ่งข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศและข้อมูลการวิเคราะห์ผลผลิตที่ได้จากการบินโดรนสำรวจ ได้ถูกรวบรวมและส่งต่อให้กับโรงงานน้ำตาล เพื่อใช้ในการวิเคราะห์ วางแผนการตัดอ้อย และบริหารจัดการไร่อ้อยในฤดูกาลถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาการลักลอบเผาอ้อยในพื้นที่ซ้ำซาก ลดผลกระทบต่อประชาชน ชุมชนใกล้เคียง และสิ่งแวดล้อม การใช้ AI และโดรนมีการบูรณาการการทำงานของ 4 ระบบหลัก ได้แก่ ระบบเฝ้าระวังผ่านดาวเทียม ระบบวิเคราะห์ผลผลิตอ้อยในแปลงและระบบประเมินความหวานอ้อยก่อนการเก็บเกี่ยวผ่านโดรน และระบบ AI CCTV

นายสามารถฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับระบบ AI CCTV 44 โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศได้ให้ความร่วมมือกับ สอน. ในการติดตั้ง ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีจากภาคเอกชนในการตื่นตัวและพร้อมให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาการเผาอ้อยฤดูเก็บเกี่ยว อย่างไรก็ตาม สอน. จะเร่งผลักดันให้มีการติดตั้ง AI CCTV ครบทั้ง 58 โรงงานน้ำตาล เพื่อให้มีเครือข่ายการเฝ้าระวังและป้อมปรามการลักลอบเผาที่ครอบคลุมในพื้นที่ปลูกอ้อยทั่วประเทศ
“สอน. ได้ทดสอบการทำงานของระบบ AI CCTV พบว่า ระบบมีความแม่นยำในการคัดแยกคุณลักษณะอ้อยสดและอ้อยเผาสูงถึง 92.29% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 85% แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของระบบที่มีความแม่นยำ เที่ยงตรง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับเกษตรกรชาวไร่อ้อยที่ส่งอ้อยเข้าหีบได้ และผลสำเร็จนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจากภาคประชาชน คือ เกษตรกรชาวไร่อ้อย และภาคเอกชน คือ โรงงานน้ำตาล และคาดว่าจะสามารถขยายผลไปสู่การส่งเสริมรณรงค์ให้เกิดการผลิตอ้อยที่มีคุณภาพและตัดอ้อยสดเข้าสู่โรงงาน ลดปัญหาฝุ่น PM 2.5 และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต สอดรับเทรนด์การค้าโลกยุคปัจจุบันที่เน้นการผลิต และผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” นายสามารถฯ กล่าวทิ้งท้าย