เปิดยิ่งใหญ่! “โรงสีข้าวชุมชนโฮมข้าว เฮือนดี” ‘ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ’-‘ดร.กอบศักดิ์’ นำทัพดึง BOI-เอกชน ยกระดับข้าวอินทรีย์ ข้าวอินทรีย์’ พลิกโฉมเศรษฐกิจฐานราก

ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ-ดร.กอบศักดิ์ นำทัพเปิด ผนึกกำลัง บีโอไอ

ผู้ว่าฯ ชัยภูมิ-ดร.กอบศักดิ์ นำทัพเปิด ผนึกกำลัง บีโอไอ และเอกชน พร้อมเผยเบื้องหลังงบประมาณสนับสนุนกว่า 6.7 ล้านบาท เสริมทัพด้วยเครื่องจักรสุดไฮเทค หวังยกระดับ “ข้าวอินทรีย์” สู่ตลาดสากล นี่คือโมเดล "ชุมชนจัดการตนเอง" ที่เข้มแข็ง และยังเป็นความหวังสำคัญของจังหวัด ในการช่วยแก้ปัญหา PM2.5 ได้อีกด้วย จากจุดเริ่มต้นของคนไม่กี่คน วันนี้กำลังจะสร้างความมั่นคงมั่งคั่งให้ทั้งจังหวัด "ข้าวอินทรีย์" คุณภาพสูงสู่ตลาด ยกระดับรายได้เกษตรกร พลิกโฉมชุมชนให้เข้มแข็ง พึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน สานฝันชัยภูมิสู่ศูนย์กลางข้าวอินทรีย์อีสาน

พิธีเปิด “โรงสีข้าวชุมชนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาประณีตข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ”

ชัยภูมิ –  5 สิงหาคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. ร่วมกับหน่วยงานภาคีภาครัฐ ภาคเอกชน จัดพิธีเปิด “โรงสีข้าวชุมชนวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาประณีตข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “โฮมข้าว เฮือนดี สี(ศรี)สำราญ” อย่างเป็นทางการ โดยงานนี้ได้รับเกียรติจากบุคคลสำคัญจากภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา เข้าร่วมงานกว่า 200 คน ณ หมู่ 3 ต.ศรีสำราญ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ

โรงสีข้าวชุมชนตำบลศรีสำราญ

โรงสีข้าวชุมชนตำบลศรีสำราญเป็นส่วนสำคัญของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาประณีตข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ อำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ เป็นตัวอย่างของความร่วมมือและการพัฒนาที่ยั่งยืน  โรงสีแห่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ร่วมกันพัฒนาโรงสีแห่งนี้ให้มีระบบที่ทันสมัยและมีมาตรฐานระดับสูง โรงสีมีกำลังการผลิตประมาณ 15 ตันข้าวเปลือกต่อวัน ซึ่งสามารถแปรรูปข้าวอินทรีย์ของสมาชิกในชุมชนได้ แต่ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของเงินทุนหมุนเวียนในการรับซื้อข้าวเปลือก ทำให้ยังใช้ศักยภาพได้ไม่เต็มที่ โรงสีได้รับการสนับสนุนเครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย มูลค่ากว่า 6.7 ล้านบาท เช่น เครื่องยิงสี (คัดแยกพันธุ์ปน), เครื่องกำจัดมอดในข้าวสารด้วยคลื่นวิทยุ (เป็นหนึ่งในไม่กี่เครื่องที่มีในประเทศไทย) และเครื่องบรรจุข้าวที่ทันสมัย ซึ่งช่วยให้ได้ข้าวสารที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และพร้อมสำหรับการส่งออก โรงสีข้าวชุมชนเป็นกลไกสำคัญในการบริหารจัดการผลผลิตข้าวแบบครบวงจร ตั้งแต่การรับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิกในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป การแปรรูปเป็นข้าวสารที่มีคุณภาพ และการจำหน่ายให้กับคู่ค้าต่างๆ เช่น โรงพยาบาลในจังหวัดชัยภูมิ และเครือข่ายโครงการ "กิน เปลี่ยน เมือง" ที่จังหวัดภูเก็ต

‘ดร.กอบศักดิ์’ ย้ำโมเดล ‘ชุมชนจัดการตนเอง’ “โรงสีศรีสำราญ” ความสำเร็จที่ไม่ง่าย

ดร.กอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) กล่าวเน้นย้ำถึงบทบาทของโรงสีข้าวชุมชนแห่งนี้ ว่าเป็นตัวอย่างที่เป็นรูปธรรมของ “ชุมชนจัดการตนเอง” ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และ พอช. พร้อมหนุนเสริมพลังชุมชนให้เข้มแข็งจากฐานราก

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวถึงโรงสีข้าวข้าวของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาประณีตข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ เป็นเรื่องราวเบื้องหลังที่ไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ชี้เส้นทางสู่ความสำเร็จไม่ง่าย พร้อมยกเครดิตให้กับการต่อสู้ของทีมงาน พอช. และความมุ่งมั่นของชาวชุมชน จนสามารถนำพาโครงการมาถึงจุดนี้ได้ ขอบคุณอย่างแรกคือ กลุ่มบริษัท เคบี อินโนเวชั่น กรุ๊ป ที่สนับสนุนเครื่องจักรทันสมัยระดับหลายล้านบาท  พร้อมชี้ว่าการที่ชุมชนจะก้าวสู่ตลาดระดับประเทศได้ ต้องอาศัยพันธมิตรอย่างเอกชนเข้ามาช่วยด้านนวัตกรรมและความเข้าใจตลาด"ผมไปมาหลายโรงสีแล้ว โรงสีนี้ต้องถือว่าเป็นโรงสีที่มีเครื่องจักรดีมากที่สุดอันหนึ่ง"

ตะลึง! มาตรการ ‘บีโอไอ’ ใจดีให้ 120%! ตั้งแต่ทำงานรัฐบาลมาไม่เคยเจอ

ดร.กอบศักดิ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ด้านสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ที่มีส่วนสำคัญในโครงการนี้ ผมอยู่รัฐบาลมานานไม่เคยเห็นโครงการที่รัฐบาลใจดีขนาดนี้มาก่อนเลย โดยชี้ถึงมาตรการของบีโอไอที่ให้เอกชนสนับสนุนโครงการพัฒนาชุมชนและสังคมแล้วสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 120%  "ให้สิบล้าน รัฐบาลคืนให้สิบสองล้าน" พร้อมเผยว่าในอดีตมาตรการไม่มีความใจดีขนาดนี้! และตั้งเป้าว่าโครงการในลักษณะนี้ควรมีมูลค่าอย่างน้อย 2 หมื่นล้านบาท เพราะการใช้เงินผ่านเอกชนจะทำให้เกิดคุณค่าเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว

สุดท้าย ดร.กอบศักดิ์ ได้กล่าวชื่นชม พี่น้องชาวชุมชนศรีสำราญที่มุ่งมั่นร่วมกัน พร้อมยกตัวอย่าง "ข้าวลืมเมีย"  ซึ่งเป็นพันธุ์พื้นเมืองอันทรงคุณค่า ที่จะสามารถสร้างจุดเด่นและรายได้ที่ดีให้กับชุมชนได้เหมือนกับอีกหลายชุมชนที่เคยทำสำเร็จ “เราไม่เคยยอมแพ้ ทางชุมชนไม่ยอมแพ้ พอช. ไม่ยอมแพ้ บริษัทก็ไม่ยอมแพ้ และทางบีโอไอก็ยอมใจอ่อนกับเราในที่สุด”

‘โรงสีข้าวอินทรีย์’ ตัวอย่างชั้นดี ลั่นหวังโมเดล ‘ไม่เผาฟาง’ ช่วยแก้ปัญหา PM2.5 ของจังหวัด

นายอนันต์ นาคนิยม ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ  ได้กล่าวว่า โรงสีข้าวแห่งนี้จะเป็นต้นแบบสำคัญของการรวมกลุ่มเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลผลิตทางการเกษตรของจังหวัด  ชี้โรงสีแห่งนี้เป็นต้นแบบสำคัญที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์จังหวัดในการสร้าง “การกินดีอยู่ดี” ของประชาชน ด้วยหลัก 3 ประการสำคัญ คือ ลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มมูลค่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนฯมีความมุ่งมั่นในการรวมกลุ่มทำ “นาแปลงใหญ่” เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตได้จริง การมีโรงสีเพื่อแปรรูปในวันนี้คือการ “เพิ่มมูลค่า” ที่เป็นรูปธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้รับความสนับสนุนชุดปรับปรุงคุณภาพข้าวจาก กลุ่มบริษัท KB Innovation ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างแบรนด์และบรรจุภัณฑ์เพื่อแข่งขันในตลาด

ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ ได้กล่าวถึง ชัยภูมิเป็นจังหวัดแรกในภาคอีสานที่ตกเป็นเป้าหมายเรื่องค่า PM2.5 เนื่องจากเกิดภัยแล้งและไฟไหม้ก่อนใครเพื่อน “ถ้าเราทำนาแปลงใหญ่แบบเกษตรอินทรีย์ ปัญหาการเผาฟางข้าวหลังจากฤดูเก็บเกี่ยวจะหมดไป!” ก็หวังว่าปีหน้าผมไม่ต้องไปตอบส่วนกลางอีกแล้วว่าทำไมค่า PM2.5 ของชัยภูมิถึงสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าโครงการของชุมชนนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ แต่ยังช่วยแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมระดับจังหวัดได้อย่างยั่งยืน และหวังว่าโรงสีแห่งนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของความร่วมมือและความเจริญรุ่งเรือง ที่จะนำไปสู่การกินดีอยู่ดีของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ศรีสำราญและขยายผลไปทั่วทั้งจังหวัด

‘โรงสีข้าวอินทรีย์’ เติมเต็มห่วงโซ่การผลิต ชี้เป็นก้าวย่างสำคัญยกระดับเศรษฐกิจฐานราก

นายกาญจน์ กาญจนวงศ์สกุล นายอำเภอคอนสวรรค์  กล่าวว่า อำเภอคอนสวรรค์เป็นพื้นที่ลุ่มที่มีความอุดมสมบูรณ์มาอย่างยาวนาน พี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม โดยเฉพาะการทำนาปลูกข้าว! ที่ผ่านมาอาจมีการใช้สารเคมีบ้าง แต่ปัจจุบันชาวบ้านได้ปรับเปลี่ยนวิถีมาสู่การทำเกษตรอินทรีย์อย่างเต็มตัว ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภคปลอดภัยแล้ว ยังเป็นการลดต้นทุน เพิ่มรายได้ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นายอำเภอคอนสวรรค์ ย้ำว่า การเปิดโรงสีข้าวแห่งนี้ จึงเป็นการเติมเต็มห่วงโซ่การผลิตให้ครบวงจร โรงสีแห่งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับข้าวอินทรีย์ และเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับมาตรฐานการผลิตข้าวให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดทั้งในและต่างประเทศ สร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับพี่น้องเกษตรกร การเปิดโรงสีข้าวในวันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นแห่งความร่วมมือที่เข้มแข็ง เป็นพลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน และนำไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนในอนาคต

จาก 21 คน สู่บริษัททุน 5 แสน ตั้งแต่แปลงใหญ่ สู่ศูนย์ข้าวชุมชน จนมี ‘บริษัท’ เป็นของตัวเอง

นายทรงศิริ นราพงษ์ ประธานวิสาหกิจชุมชนกลุ่มทำนาประณีตข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ ได้กล่าวด้วยความภาคภูมิใจว่า เรื่องราวการเดินทางของกลุ่ม ที่เริ่มต้นจากสมาชิกเพียง 21 คน เมื่อปี พ.ศ. 2557 ด้วยเป้าหมายร่วมกันในการยกระดับข้าวอินทรีย์ให้มีคุณภาพ ปลอดภัยต่อทั้งผู้บริโภคและเกษตรกร พร้อมรักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ไทม์ไลน์ความสำเร็จของกลุ่มที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชนในปี 2558, จัดตั้งรูปแบบแปลงใหญ่ในปี 2559, ขึ้นทะเบียนเป็นศูนย์ข้าวชุมชนในปี 2560 และก้าวสำคัญในปี 2564 ได้จดทะเบียนเป็นบริษัท มีทุนจดทะเบียน 5 แสนบาท โดยมีสมาชิก 10 รายจากกลุ่มแปลงใหญ่ 117 รายร่วมเป็นผู้ถือหุ้น ปัจจุบันบริษัททำหน้าที่รับซื้อข้าวเปลือกจากสมาชิก นำไปสีแปรรูปในโรงสีขนาด 15 ตันต่อ 24 ชั่วโมง และยังได้จัดตั้งร้านค้าชุมชนซึ่งเกิดจากการระดมทุน 3 แสนบาท เพื่อจำหน่ายสินค้าและบริการแก่พี่น้องในพื้นที่

นายทรงศิริ กล่าวต่อไปอีกว่า  โรงสีข้าวเป็น “สัญลักษณ์ของความร่วมแรงร่วมใจ” ของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนและภาคีเครือข่าย นี่คือระบบเศรษฐกิจชุมชนที่มีการจัดการตนเอง มีห่วงโซ่การผลิตและการแปรรูปที่ครบวงจร ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าผลผลิตและยกระดับคุณภาพชีวิตของสมาชิกในระยะยาว และขอบคุณ พอช. ที่ได้ร่วมสนับสนุนและประสานงานกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) และ บริษัท เคบี อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด จนทำให้กลุ่มได้รับงบประมาณสนับสนุนโครงการพัฒนาคุณภาพข้าวสารถึง 6,473,564 บาท

ผนึกกำลัง ‘พอช.-บีโอไอ-เอกชน’ สร้างความร่วมมือ! ยกย่อง ‘ศรีสำราญ’ เป็นต้นแบบ

นายปณิธานชุณหสวัสดิกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อินโนเวชั่น กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในการพัฒนาให้สำเร็จได้นั้นต้องมี 3 เรื่องสำคัญ คือ “ความร่วมมือ กำลังใจ และเทคโนโลยี” พร้อมชี้ว่าในวันนี้ทุกอย่างได้รวมตัวกันที่นี่แล้ว! ไม่ว่าจะเป็นกำลังใจจากชาวศรีสำราญเอง และความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI), สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) และมูลนิธินวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งที่ภาคเอกชนอย่างพวกตนได้เข้ามามีส่วนร่วมในโครงการดีๆ เช่นนี้

นายปณิธาน ได้กล่าวถึง เรื่องราวการก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจฯ เมื่อปี 2557 ซึ่งเป็นเวลากว่าทศวรรษแล้ว โดยแสดงความหวังว่าทศวรรษต่อไปนี้ เมื่อมีโรงสีที่มีคุณภาพ มีเทคโนโลยีที่ดี และมีกำลังใจที่ดีจากทุกฝ่าย! โรงสีข้าวศรีสำราญจะยิ่งเจริญรุ่งเรืองยิ่งขึ้น! พร้อมย้ำว่าข้าวซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นชื่อของประเทศไทยอยู่แล้ว จะถูกส่งต่อไปให้ถูกใจคนไทยและถูกใจชาวโลก "พวกเราชาวไทยโปรโมตของไทย เพื่อให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทยนี่แหละครับ เป็นผู้นำในเรื่องของการเกษตรกรรม!" นายปณิธาน กล่าวอย่างหนักแน่น! พร้อมขอบคุณทุกภาคส่วนที่มอบโอกาสให้กลุ่มบริษัทได้เข้ามาทำโครงการดีๆ เช่นนี้ และหวังว่าโครงการนี้จะยั่งยืนต่อไปในอนาคต

ดร.กอบศักดิ์ ปิดแผ่นทองที่ป้ายโรงสีฯเพื่อเป็นศิริมงคล

ข้าวอินทรีย์ศรีสำราญ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

พวกขี้เมื่อยเฮ! ร้านนวด-ร้านตัดผมใช้จ่ายคนละครึ่งพลัสได้

รัฐบาลชี้ 'คนละครึ่งพลัส' ใช้ได้กับร้านนวด–ร้านบริการรายย่อยทั่วประเทศ หนุนเศรษฐกิจฐานรากให้คนตัวเล็กเข้าถึงสิทธิได้จริง

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’

พลังงานผนึกพันธมิตรหนุนเศรษฐกิจฐานรากสร้างรายได้

กระทรวงพลังงาน ผนึกพลังพันธมตริและบริษัทพลังงานชั้นนำของประเทศ ช่วยสร้างรายได้เพิ่มให้ชุมชน หนุนเศรษฐกิจฐานราก เร่งส่งเสริมผลิตภัณฑ์ชุมชน ลดใช้พลังงาน ขยายช่องทางจำหน่ายทั่วประเทศ