‘พรบ.ชาติพันธุ์’ พลิกเกมจากรับสู่รุก ชู ‘บ้านมั่นคง’ เป็นเครื่องมือสร้างถิ่นฐานที่มั่นคง-มีศักดิ์ศรี

พอช. เปิดเวที ‘พรบ.ชาติพันธุ์’ ชู ‘บ้านมั่นคง’ เป็นเครื่องมือสำคัญ ตั้งเป้าสร้างถิ่นฐานที่เข้มแข็ง-มีศักดิ์ศรี

ดันนโยบายปฏิรูปประเทศจากฐานราก ร่วมมือกับ ‘กสม.’ และภาคีพัฒนา พร้อมแก้ปัญหาแบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่เฉพาะหน้า

กรุงเทพฯ - 22 สิงหาคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช.  ร่วมกับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) มูลนิธิชุมชนไท มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือมูลนิธิเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน สวพส. คณะทำงานบ้านมั่นคงชนบท จัดเวทีหารือและออกแบบแนวทางการพัฒนาพื้นที่ชุมชนชาติพันธุ์ หลังจากที่ พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ได้ถูกประกาศใช้เป็นผลสำเร็จ เป้าหมายเพื่อแนวทางการสนับสนุนการพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ เชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานร่วมกับประชาสังคมกับส่วนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คิดค้นกรอบเกณฑ์การสนับสนุนโครงการบ้านมั่นคงในรูปแบบต่างๆที่สอดคล้อง

กับบริบทการตั้งถิ่นฐานชุมชน ที่สามารถเป็นเครื่องมือสร้างความยั่งยืนของการอยู่อาศัยและการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยมีแกนนำคนสำคัญจากทั่วประเทศเข้าร่วมการประชุมกว่า 50 คน ณ ห้องประชุมไพบูลย์ฯ วัฒนศิริธรรม ชั้น 1 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) บางกะปิ กรุงเทพฯ

ยกระดับการพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ สู่การสร้าง "บ้านมั่นคง" อย่างมีศักดิ์ศรี

นางสาวสมสุข บุญญะบัญชา ประธานคณะอนุกรรมการบ้านมั่นคงและการจัดการที่ดิน กล่าวเน้นถึงเป้าหมายและความสำคัญของการพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ พร้อมแสดงความขอบคุณคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ที่มีส่วนช่วยให้การขับเคลื่อนงานแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยมีความชัดเจนมากขึ้น จนนำไปสู่การประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ

นางสาวสมสุข กล่าวว่า แม้จะมีกฎหมายรองรับแล้ว แต่การทำงานยังคงต้องเดินหน้าต่อไป เวทีการประชุมในวันนี้จึงเป็นแรงผลักดันสำคัญในการต่อสู้และสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ให้กับชุมชนชาติพันธุ์ ทั้งการป้องกันตนเอง การสร้างระบบถิ่นฐานที่มั่นคง และการพัฒนาระบบการอยู่ร่วมกันในรูปแบบใหม่ เป้าหมายสำคัญจากเครื่องมือสู่การสร้างวิถีชีวิตที่มั่นคงโครงการ "บ้านมั่นคง" ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างสิทธิ สร้างระบบโครงสร้าง และจัดการเรื่องที่ดินให้เชื่อมโยงกับวิถีเกษตรกรรม โดยมีเป้าหมายเพื่อ สร้างความเท่าเทียมในชุมชน ออกแบบพื้นที่การอยู่อาศัยที่เชื่อมโยงกับทุนเดิมทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของชุมชน ส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้กลับคืนถิ่นฐานสร้างแรงจูงใจให้คนรุ่นใหม่หันกลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง สร้างรูปแบบการพัฒนาให้กับภาครัฐ ผลจากการรวมตัวเป็นเครือข่ายและการทำงานร่วมกับหน่วยงานรัฐจะช่วยสร้างต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน ความท้าทายจากการเรียกร้องสู่การสร้างสิทธิอย่างสร้างสรรค์ การได้มาซึ่งสิทธิเป็นเรื่องที่ยากกว่าการเรียกร้องสิทธิเพียงอย่างเดียว ดังนั้น จึงต้องมุ่งเน้นการ "สร้างสิทธิที่ได้มาอย่างสร้างสรรค์" ซึ่งรวมถึงการพัฒนาระบบสิทธิร่วม เช่น โฉนดชุมชน ที่จะช่วยให้ชุมชนสามารถบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกันได้อย่างเป็นระบบ ความร่วมมือกับภาคีต่าง ๆ ทั้งมหาวิทยาลัยและหน่วยงานราชการจึงเป็นสิ่งสำคัญในการขับเคลื่อนงานนี้ให้สำเร็จ

นางสาวสมสุข กล่าวต่อไปอีกว่า พระราชบัญญัติฯ เป็นเพียง "นามธรรม" แต่การพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ด้วยโครงการบ้านมั่นคง จะเป็นการเปลี่ยนสิ่งนี้ให้เป็น "รูปธรรม" ที่สร้างชุมชนอย่างมีศักดิ์ศรี สร้างกลไกขับเคลื่อน และสร้าง "ขบวน" การพัฒนา พอช. ได้กำหนดให้กลุ่มชาติพันธุ์เป็นกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนในการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและคุณภาพชีวิต โดยเชื่อมั่นว่า บ้านมั่นคงไม่ใช่แค่การสร้างที่พักอาศัย แต่เป็นการสร้างถิ่นฐานที่ผู้คน "อยู่อย่างตื่นรู้" และ "เป็นตัวตั้ง" โดยที่ความร่ำรวยไม่ได้วัดกันที่เงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้อง "รวยด้วยความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อกัน" เพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว จำเป็นต้องสร้างกลไกคณะทำงานที่เข้มแข็งและร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงการสร้างระบบข้อมูลเพื่อใช้เป็นฐานในการสร้างเครือข่ายและเชื่อมโยงกิจกรรมต่าง ๆ เข้าด้วยกัน

ในยุคใหม่นี้ รูปแบบการแก้ไขปัญหาจึงต้องปรับเปลี่ยนเป็นการ "เคลื่อนเป็นขบวน" ในระดับจังหวัด ภาค และประเทศ เพื่อสร้าง "Movement" ที่จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างยั่งยืนในอนาคต "บ้านมั่นคงคือการสร้างถิ่นฐาน สร้าง Movement กระบวนการ เป็นเครื่องมือออกแบบวิถีชีวิต ระบบชุมชน กิจกรรมร่วม เป็นการออกแบบแห่งอนาคต สร้างถิ่นฐานชาติพันธุ์อย่างสวยงาม มั่นคง มีชีวิตที่ดี" นางสาวสมสุขกล่าวทิ้งท้าย

พอช. เร่งปรับกลยุทธ์ขับเคลื่อนงานพัฒนา แก้ปัญหาเชิงพื้นที่

นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการ พอช. กล่าวว่าแนวทางการทำงานใหม่ที่มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับบริบทในแต่ละพื้นที่ โดยเฉพาะการทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์ที่มีความซับซ้อนและต้องใช้แนวทางที่แตกต่างออกไป การสนับสนุนการทำงานในแต่ละพื้นที่ต้องอาศัยการ "ประกอบกำลัง" และ "เชื่อมโยงขบวน" อย่างเข้มแข็ง โดย พอช. พร้อมที่จะร่วมออกแบบการทำงานใหม่ ทั้งในด้าน เป้าหมาย วิธีการทำงาน กิจกรรม และ ระบบงบประมาณ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายกฤษดากล่าว การทำงานกับกลุ่มชาติพันธุ์มีมิติเฉพาะที่แตกต่างจากงานทั่วไป เราต้องใช้พลังของขบวนและการออกแบบใหม่ๆ แนวทางใหม่นี้จะจัดทำเป็นรูปแบบ "เมนูโปรเจกต์" เพื่อให้ง่ายต่อการนำเสนอและขอความร่วมมือจากภาคีภายนอก โดย พอช. จะทำหน้าที่เป็นหน่วยสนับสนุนในทุกมิติ เพื่อให้การดำเนินงานเดินหน้าไปอย่างมีพลังและเป็นรูปธรรม

นอกจากนี้ ผู้อำนวยการ พอช. ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนงานในมิติที่กว้างขึ้น ตั้งแต่ระดับ จังหวัด ภาค และประเทศ เพื่อสร้างความเข้าใจและการยอมรับจากหน่วยงานระดับนโยบาย ซึ่งจะช่วยให้การช่วยเหลือผู้เดือดร้อนสามารถเข้าถึงได้อย่างทั่วถึงและยั่งยืน

กสม. ย้ำความสำคัญ พ.ร.บ. คุ้มครองกลุ่มชาติพันธุ์ พร้อมผลักดันการจัดสรรที่ดินและคุณภาพชีวิต

นางปรีดา คงแป้น กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการฯ ในฐานะคนกลางเพื่อทำความเข้าใจและประสานงานกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภายหลังการประกาศใช้พระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์ พ.ศ. 2566 และมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง

นางปรีดาเน้นย้ำว่า กสม. มุ่งมั่นที่จะเป็นตัวกลางในการหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อหาแนวทางในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและการจัดสรรที่อยู่อาศัยให้กับกลุ่มชาติพันธุ์ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของรัฐ โดยมีเป้าหมายเพื่อจัดทำข้อเสนอเชิงนโยบายในระดับประเทศ จากการลงพื้นที่ศึกษาในหลายพื้นที่ รวมถึง ชุมชนโต๊ะบาหลิว พบว่าชุมชนมีการจัดการที่อยู่อาศัยอย่างมั่นคงและมีสถานะที่ชัดเจน โดยได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ภายใต้โครงการบ้านมั่นคง อีกทั้งยังมีการประกาศเขตคุ้มครองความมั่นคง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ได้

นางปรีดากล่าวต่อ แทนที่จะแก้ไขปัญหาเป็นรายชุมชน รัฐบาลควรพิจารณาแก้ไขปัญหาในภาพรวม เพื่อให้กลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดมีความมั่นคงในการอยู่อาศัยและเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียม ซึ่งมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องได้ให้การรับรองเรื่องนี้ไว้แล้ว โดยเฉพาะในกรณีของ ชุมชนบางกลอย ที่รัฐบาลได้พยายามจัดหาพื้นที่รองรับเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตให้แก่ชาวบ้าน  กสม. หวังว่าโครงการที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์จะสามารถเดินหน้าต่อไปได้ และพร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานหลักระหว่างรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้เกิดการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน

สรุปแนวทางการสนับสนุนการพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์

ข้อมูลที่ได้รับจากเวทีการประชุมฯและแนวทางการสนับสนุนการพัฒนาชุมชนชาติพันธุ์ที่ครอบคลุมและเป็นระบบ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงในชีวิตและที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน คือ

1.การเชื่อมโยงและบูรณาการการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน

การทำงานในมิติใหม่นี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในบทบาทของ พอช. เพียงอย่างเดียว แต่เป็นการ "ประกอบกำลัง" และ "เชื่อมโยงขบวน" จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะกับ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ทำหน้าที่เป็นคนกลางในการประสานงานและสร้างความเข้าใจระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์และหน่วยงานรัฐ เครือข่ายภาคประชาชน การรวมตัวกันเป็น "ขบวนจังหวัด ภาค และประเทศ" เพื่อสร้างอำนาจต่อรองและการรับรู้ในระดับนโยบาย ภาคีพัฒนา รวมถึงหน่วยงานราชการและสถาบันการศึกษา เพื่อร่วมกันออกแบบและพัฒนาแนวทางที่เหมาะสม การบูรณาการนี้จะช่วยให้เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลและองค์ความรู้ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและครอบคลุมทุกมิติ

2.การคิดค้นกรอบเกณฑ์และโครงการที่สอดคล้องกับบริบท พอช. จะไม่ใช้นโยบายแบบเดียวกับทุกพื้นที่ แต่จะปรับเปลี่ยนให้เข้ากับบริบทของแต่ละชุมชนชาติพันธุ์ โดยใช้ "โครงการบ้านมั่นคง" เป็นเครื่องมือหลักในการสร้างความยั่งยืน บ้านมั่นคง คือ "การสร้างถิ่นฐาน" เป็นการสร้างวิถีชีวิต สร้างระบบชุมชน และออกแบบกิจกรรมร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี "เมนูโปรเจกต์" เป็นแนวคิดใหม่ที่ช่วยให้สามารถออกแบบโครงการย่อย ๆ ที่สอดคล้องกับปัญหาและความต้องการเฉพาะหน้าของแต่ละชุมชน โฉนดชุมชน เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการจัดการที่ดินและทรัพยากรอย่างเป็นระบบและเป็นธรรม การพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม ส่งเสริมให้คนในชุมชน "เป็นตัวตั้ง" ในการคิดและออกแบบการพัฒนาของตนเอง เพื่อให้เกิดความรู้สึกเป็นเจ้าของและพร้อมที่จะดูแลรักษาสิ่งที่สร้างขึ้น

3.สร้าง "Movement" สู่การแก้ปัญหาเชิงนโยบาย การแก้ปัญหาในยุคใหม่ต้องไม่ใช่แค่การทำงานในพื้นที่ แต่ต้องสร้าง "ขบวนการขับเคลื่อน" (Movement) เพื่อให้เรื่องราวและความเดือดร้อนของกลุ่มชาติพันธุ์เป็นที่รับรู้และเข้าใจในระดับนโยบาย ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนในอนาคต โครงการบ้านมั่นคงสำหรับชุมชนชาติพันธุ์ จึงเป็นการ "ออกแบบแห่งอนาคต" ที่จะนำไปสู่การสร้างชุมชนที่มีศักดิ์ศรีและมีชีวิตที่ดี

///////////////

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม. มีมติสอบ 'คุก VIP' ส่อละเมิดสิทธิ เรียกหน่วยเกี่ยวข้องแจง

'กสม.' มีมติตรวจสอบ กรณีพบห้องวีไอพีของผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ส่อเลือกปฏิบัติละเมิดสิทธิ จ่อเชิญหน่วยเกี่ยวข้องให้ข้อมูล

สำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร จัดเวทีดำเนินโครงการบ้านมั่นคงพลัส ระดมความคิด เดินหน้าแก้ปัญหาที่อยู่อาศัย วางแผนขับเคลื่อนสู่อนาคต

นายจิตรกร พยัฆโส รองผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาที่อยู่อาศัย จัดเวทีโครงการบ้านมั่นคงพลัส แบ่งกลุ่มย่อยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ร่วมกับสำนักงานเขต ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อนงาน

“ธรรมนัส-อัครา” มอบบ้านมั่นคง พร้อมประกาศชัด ดัน “สหกรณ์บ้านมั่นคง” ยกระดับสู่ “สหกรณ์ประเภทที่ 8”

รองนายกฯ ธรรมนัส พรหมเผ่า และ รมว.พม. อัครา พรหมเผ่า ผนึกกำลัง 2 กระทรวง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและเป็นประธานงานสัมมนาเครือข่ายสหกรณ์บ้านมั่นคง

กสม. บี้กลาโหม เลิกทำบัญชีดำ-ไอโอคนเห็นต่าง ชี้ละเมิดสิทธิ

กสม. ตรวจสอบปมหน่วยมั่นคง จัดทำบัญชีกลุ่มเป้าหมายบุคคลและองค์กรเฝ้าระวัง พร้อมใช้ IO โจมตี ชี้ละเมิดสิทธิ มีมติให้กลาโหมยกเลิก

กรรมการสิทธิฯ ออกแถลงการณ์ กังวล 'สว.อังคณา' ถูกข่มขู่คุกคามเพราะความเห็นต่าง

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เผยแพร่แถลงการณ์ เรื่อง ขอให้ทุกฝ่ายเคารพในความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ยอมรับการสร้างความเกลียดชัง โดยมีรายละเอียดดังนี้

คนจนทั่วประเทศกว่า 5 พันคน รวมพลังยื่นข้อเสนอต่อรัฐบาล “ที่อยู่อาศัย คือสิทธิขั้นพื้นฐานของทุกคน” ไว้ในรัฐธรรมนูญ เนื่องในวันที่อยู่อาศัยโลก ปี 2568

ปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยหรือมีที่อยู่อาศัยไม่เหมาะสมเป็นปัญหาที่สำคัญของผู้คนทั่วโลก UN-Habitat หรือ ‘โครงการตั้งถิ่นฐานมนุษย์แห่งสหประชาชาติ’