“อัครา” ลงพื้นที่ครั้งแรกหลังรับตำแหน่ง รมว.พม. นำทีมลุยน้ำท่วม ช่วยกลุ่มเปราะบาง จ.พิจิตร พร้อมหนุนผู้สูงอายุทำงานที่บ้าน สร้างรายได้ ช่วยครอบครัว

วันที่ 28 กันยายน 2568 นายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (รมว.พม.) ลงพื้นที่จังหวัดพิจิตร ณ โรงเรียนผู้สูงอายุวัดคลองคู้ ตำบลท่าหลวง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร เพื่อพบปะเยี่ยมให้กำลังใจกลุ่มเปราะบางที่เป็นผู้สูงอายุในพื้นที่ พร้อมมอบถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น อีกทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางของหน่วยงานทีม พม.หนึ่งเดียวจังหวัดพิจิตร และผลิตภัณฑ์งานฝีมือของเครือข่ายในพื้นที่ โดยมี นายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. นายกิติพล เวชกุล รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ จากนั้น นำคณะลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมให้ความช่วยเหลือด้วยถุงยังชีพเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ครอบครัวกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ณ ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร

นายอัครา กล่าวว่า วันนี้ ได้มาเยี่ยมโรงเรียนผู้สูงอายุวัดคลองคู้ และชมนิทรรศการการดำเนินงานพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความร่วมมือที่เข้มแข็งของจังหวัดพิจิตรในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับและขับเคลื่อนสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ  ซึ่งประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์เรียบร้อยแล้ว นับเป็นความท้าทายที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลโดยกระทรวง พม. ตระหนักดีว่า การบริหารจัดการสังคมสูงวัยจะต้องมีประสิทธิภาพ และจะต้องเปลี่ยนมุมมองจากการมองผู้สูงอายุเป็น "ภาระ" หรือ "ผู้รับ" มาสู่การมองว่าท่านคือ "พลังขับเคลื่อน" ที่ทรงคุณค่า เป็น "คลังแห่งภูมิปัญญา" และเป็น "รากฐานทางสังคม" ที่สามารถถ่ายทอดประสบการณ์และสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนได้

ทั้งนี้ ขอชื่นชมการดำเนินงานของโรงเรียนผู้สูงอายุวัดคลองคู้ ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถาบันให้ความรู้เท่านั้น แต่เป็น ศูนย์กลางทางสังคม (Social Hub) ที่ส่งเสริมให้ผู้สูงอายุมีการทำกิจกรรมร่วมกันอย่างต่อเนื่อง มีการดูแลสุขภาพกายและสุขภาพใจ มีการพัฒนาทักษะใหม่ๆ และมีการสร้างศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตนเอง ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

จากข้อมูลสถานการณ์ทางสังคมจังหวัดพิจิตร พบว่า จังหวัดพิจิตรได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งจังหวัดพิจิตร มีศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ (ศพอส.) จำนวน 38 แห่ง มีโรงเรียนผู้สูงอายุ จำนวน 40 แห่ง มีชมรมผู้สูงอายุในพื้นที่ 12 อำเภอ 89 ชมรม และมีเครือข่ายผู้สูงอายุที่เข้มแข็ง เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมอย่างสม่ำเสมอ ไม่เพียงสร้างเสริมสุขภาวะกายและใจ แต่ยังหล่อหลอมความรัก ความสามัคคีในชุมชน ซึ่งนับเป็นทุนทางสังคมอันทรงคุณค่าของจังหวัดพิจิตร

นายอัครา กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับสถานการณ์อุทกภัยจังหวัดพิจิตร นั้น พบว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบจำนวนมากในพื้นที่ 12 อำเภอ 74 ตำบล 447 หมู่บ้าน 6,696 หลังคาเรือน โดยมีกลุ่มเปราะบางได้รับผลกระทบ รวม 2,548 ราย ประกอบด้วย คนพิการ 300 คน ผู้สูงอายุ 1,584 คน เด็กเล็ก 484 คน และผู้ด้อยโอกาส 177 คน ซึ่งตนพร้อมคณะผู้บริหารกระทรวง พม. มีความห่วงใยพี่น้องกลุ่มเปราะบางและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบดังกล่าว โดยวันนี้เป็นการลงพื้นที่ครั้งแรกภายหลังที่ได้เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวง พม. และได้มาลงพื้นที่ตำบลบ้านบุ่ง อำเภอเมืองจังหวัดพิจิตร เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจพี่น้องกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ซึ่งการให้ความช่วยเหลือในระยะยาวนั้น จะมีการหารือกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.)  ร่วมกันออกแบบการทำงานรูปแบบใหม่ในช่วงน้ำท่วมที่พี่น้องประชาชนไม่สามารถปลูกข้าวได้ โดยเราจะพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ด้วยการหารือกับกรมประมงเพื่อนำปลาให้ชาวบ้านปล่อย และปรับฤดูการทำนาเป็นการใช้น้ำสร้างอาชีพเลี้ยงปลา ส่วนผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเลี้ยงหลานเพราะพ่อแม่ต้องไปขายแรงงานต่างถิ่นนั้น จะทำการฝึกอาชีพให้ เพราะหากมีอาชีพ มีรายได้ทุกเดือนจะสามารถแบ่งเบาภาระครอบครัวได้ และที่สำคัญหากเราให้อาชีพที่สามารถทำได้ที่บ้านก็จะไม่ต้องไปขายแรงงานต่างถิ่น

"หลังจากนี้ ตนจะกลับไปประชุมกับผู้บริหารกระทรวง พม. ว่าเราจะออกแบบการทำงานอย่างไร ซึ่งอนาคตข้างหน้าจะมีการยกร่างการผลักดันงบประมาณเพื่อการดูแล ซึ่งจะขอความอนุเคราะห์จากนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ ในห้วงระยะเวลาสั้นๆ ในการขับเคลื่อนงานของกระทรวง พม. นั้น ทุกนาทีของคนมีความหมาย ตนจะใช้เวลาช่วง 4 - 5 เดือน ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ถ้าผลสัมฤทธิ์ไม่ได้เกิดขึ้นภายในเวลาระยะช่วงนี้ แต่เราก็ได้เริ่มยกร่างการทำงานของกระทรวง พม. ให้เกิดเป็นรูปธรรม มีรูปแบบการทำงานที่ตายตัว และนำมาใช้ได้ ไม่ว่าจะเปลี่ยนรัฐมนตรีกี่คน กระทรวง พม. ก็สามารถทำงานได้" นายอัครา กล่าว