
ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการแล้วเสร็จในปลายปี พ.ศ. ๒๕๖๗ (เรื่องเสร็จที่ ๑๔๗๘/๒๕๖๗) จนกระทั่งร่างพระราชบัญญัติดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. ๒๕๖๘ นั้น ปัจจุบันร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... ใกล้ที่จะผ่านการพิจารณาของรัฐสภา และประกาศใช้บังคับเป็นของขวัญแก่ประชาชนในปี พ.ศ. ๒๕๖๙ ตามวัตถุประสงค์ในการพัฒนาและขยายมาตรการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในการติดต่อกับราชการและหน่วยงานของรัฐต่อไป ในการนี้ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจึงขอสรุปประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ดังต่อไปนี้

๑. ความโปร่งใสตรวจสอบได้
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... มีหลักการสำคัญประการหนึ่ง คือ การขยายมาตรการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนจากงานอนุญาต ให้รวมถึงงานบริการทั้งหมด บรรดาที่ประชาชนต้องยื่นคำขอต่อหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นการขอรับสวัสดิการ การขอให้พิจารณาหรือขอให้ดำเนินการอื่นใด ซึ่งผลที่ตามมาประการแรก คือ หน่วยงานของรัฐต่าง ๆ จะต้องจัดทำคู่มือสำหรับประชาชนในงานบริการ ซึ่งประกอบด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการยื่นคำขอรับบริการ ค่าธรรมเนียมหรือค่าบริการ ขั้นตอนและระยะเวลาในการพิจารณาหรือดำเนินการ รายการเอกสารหรือหลักฐานที่จะต้องยื่นมาพร้อมกับคำขอ รวมทั้งแนวทางการใช้ดุลพินิจ และต้องกำหนดให้ประชาชนสามารถยื่นคำขอและเอกสารต่าง ๆ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ด้วย ดังนั้น นับแต่ปี พ.ศ. ๒๕๖๙ เป็นต้นไป ประชาชนจะสามารถทราบรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานบริการของหน่วยงานที่ตนติดต่อขอรับบริการได้อย่างชัดเจน โปร่งใส และตรวจสอบได้
๒. ความสะดวกรวดเร็วในการติดต่อราชการ
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... ตระหนักถึงความสำคัญและอรรถประโยชน์ของการให้บริการประชาชนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงกำหนดให้มีการตั้ง “ศูนย์รับคำขอกลาง” เพื่อให้ประชาชนสามารถติดต่อราชการได้ทุกเมื่อตลอดเวลา และจากที่ใดก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไป ณ สถานที่ราชการเพื่อต่อคิวรอยื่นคำขอหรือสอบถาม และโดยไม่จำเป็นต้องจดจำหรือค้นหาช่องทางติดต่อราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ของหน่วยงานรัฐซึ่งอาจมีความผิดพลาดคลาดเคลื่อนได้ โดยประชาชนสามารถส่งเรื่องไปยังศูนย์รับคำขอกลางแห่งเดียว และศูนย์รับคำขอกลางจะดำเนินการส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้โดยเร็ว ทั้งนี้ หากประชาชนคนใดไม่สะดวกที่จะติดต่อราชการโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ก็สามารถนำเอกสารมายื่นหรือติดต่อที่ศูนย์ดังกล่าวด้วยตนเองก็ได้ นอกจากนั้น ร่างนี้ยังมีกระบวนการ Fast Track ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนผู้ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนสามารถขอรับบริการ Fast Track ที่มีความรวดเร็วเป็นพิเศษโดยชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม รวมทั้งมาตรการที่กำหนดให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐต้องตรวจคำขอและเอกสารหลักฐานที่ประชาชนยื่นโดยทันทีและแจ้งเอกสารหรือหลักฐานที่ยังไม่สมบูรณ์หรือไม่ครบถ้วนทันที (ถ้ามี) ซึ่งมาตรการเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความสะดวกรวดเร็วและลดระยะเวลาการรอคอยของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
๓. ลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
ดังที่ได้กล่าวแล้วว่าการขยายมาตรการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนโดยศูนย์รับคำขอกลางจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในการที่จะต้องเดินทางไปติดต่อราชการ ณ สถานที่ทำการ ซึ่งประชาชนบางรายอาจต้องลางานและขาดรายได้ในระหว่างการไปติดต่อราชการก็เป็นได้ นอกจากนั้น ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ ยังมีมาตรการอีกจำนวนมากที่สามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชนในสภาวการณ์ทางเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นมาตรการขยายอายุใบอนุญาตสำหรับใบอนุญาตที่มีอายุน้อยกว่า ๕ ปี การไม่เรียกเอกสารหรือหลักฐานที่หน่วยงานของรัฐออกให้หรือมีอยู่แล้วจากประชาชนอีก การขอรับใบแทนใบอนุญาตกรณีที่ใบอนุญาตชำรุดหรือสูญหายได้โดยไม่ต้องไปแจ้งความ และการจัดให้มีแบบคำขอและแบบใบอนุญาตเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่น หรือมีภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นกำกับไว้ ทั้งนี้ โดยประชาชนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการจ้างแปลอีกต่อไป
๔. ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น
ปัจจุบันการประกอบกิจการหนึ่ง ๆ ของประชาชน หลายกรณีต้องขอรับใบอนุญาตหลายใบและติดต่อราชการหลายต่อหลายแห่ง แห่งละหลายต่อหลายครั้ง ทั้งที่กิจการดังกล่าวจะต้องถูกตรวจสอบโดยหน่วยงานของรัฐหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งอยู่แล้ว ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกฯ จึงกำหนดให้หน่วยงานของรัฐทุกหน่วยต้องทบทวนระบบอนุญาตในความรับผิดชอบของตนเป็นระยะ ๆ ว่ายังเหมาะสมและคุ้มค่า โดยรัฐได้รับประโยชน์สาธารณะอย่างได้สัดส่วนกับสิทธิเสรีภาพที่ประชาชนต้องเสียไปหรือไม่ ถ้าไม่ ก็สมควรที่จะปรับลดระดับการควบคุมลงเหลือเพียงการขึ้นทะเบียนหรือจดแจ้งก็เพียงพอ นอกจากนั้น สืบเนื่องจากปัญหาเกี่ยวกับการมีกิจการต้องขอรับใบอนุญาตหลายใบดังกล่าว ร่างพระราชบัญญัตินี้จึงสร้างมาตรการ Super License หรือ “ระบบใบอนุญาตหลัก” ขึ้น เพื่อให้มีการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดให้กิจการใดกิจการหนึ่งเป็นใบอนุญาตหลักที่ประชาชนซึ่งได้ใบอนุญาตนั้นถือว่าได้รับใบอนุญาตรองอื่นที่เกี่ยวข้องและสามารถประกอบกิจการที่เกี่ยวเนื่องกันได้อย่างครบถ้วน เพื่อลดภาระและขั้นตอนที่ไม่จำเป็นลง โดยประชาชนแค่ขอรับใบอนุญาตเดียวหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องก็มีหน้าที่ร่วมกันตรวจสอบการประกอบกิจการนั้นของประชาชนในลักษณะ One Stop Service และออก Super License ให้เมื่อผ่านการตรวจสอบครบถ้วนแล้ว
๕. ลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่
ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... ยังคงนำมาตรการชำระค่าธรรมเนียมการต่ออายุใบอนุญาตแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตตามมาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. ๒๕๕๘ มาใช้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง และได้ขยายขอบเขตของมาตรการดังกล่าวจากระบบ positive list (กิจการใดสามารถชำระค่าธรรมเนียมแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตได้ให้ตราเป็นพระราชกฤษฎีกา) เป็น negative list (ทุกกิจการประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมแทนการยื่นคำขอต่ออายุใบอนุญาตได้ เว้นแต่ที่ยกเว้นให้โดยตราเป็นพระราชกฤษฎีกา) ทำให้ประชาชนสามารถชำระค่าธรรมเนียมเมื่อใบอนุญาตจะสิ้นอายุเพื่อให้มีผลเป็นการต่ออายุใบอนุญาตได้แทบทุกกิจการโดยหน่วยงานหรือเจ้าหน้าที่จะปฏิเสธไม่รับชำระหรือไม่ต่ออายุให้มิได้ ทั้งนี้ก็เพื่อลดดุลพินิจของเจ้าหน้าที่ในกระบวนการต่ออายุใบอนุญาตลง และเสริมสร้างความมั่นคงแน่นอนแก่การประกอบกิจการของประชาชนมากยิ่งขึ้น
๖. ส่งเสริมการค้าการลงทุน
จากมาตรการและอรรถประโยชน์ต่าง ๆ ที่ได้กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่า ร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. .... มุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนในระดับจุลภาค (faster, easier and cheaper) เพื่อเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนของเศรษฐกิจและสังคมไทยในระดับมหภาค อันจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน (competitiveness) ของประเทศไทย และส่งเสริมคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทย (better regulation for better life) ได้ในที่สุด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กฤษฎีกากับความมุ่งมั่นในการพัฒนากฎหมายที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามุ่งมั่นทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ "Better Regulation for Better Life" หรือ พัฒนากฎหมายที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยสนับสนุนการบริหารงานของภาครัฐ ยึดถือความถูกต้องตามหลักวิชาการ และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักเสมอมา
ชี้แจงการนำเสนอข่าวกรณีร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. ....
ตามที่มีการเสนอข่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาขอเรียนชี้แจงว่า สำนักงานฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นด้วยในหลักการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทุกชนิด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์
กฤษฎีกากับการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์
การพัฒนากฎหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนทุกคน ในปัจจุบัน
วิวัฒนาการการขนส่งสาธารณะทางรางของประเทศญี่ปุ่น และการพัฒนากฎหมายของประเทศไทย
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับสถาบัน National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการด้านกฎหมายภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการด้านกฎหมายระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน
กฤษฎีกาสนับสนุนการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจที่แข่งขันได้ แข็งแรง และยั่งยืน ด้วยแนวคิดการมีกฎหมายที่ดี
การประชุมวิชาการประจำปี 2025 ของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2025 ภายใต้หัวข้อ "Better Regulation for Better Thailand: Towards A Sustainable and
สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเดินหน้าพัฒนาคุณภาพระบบกฎหมายไทย
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2568 สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้จัดงานสัมมนาครั้งสำคัญ ณ โรงแรม Shangri-La Bangkok โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐกว่า 200 หน่วยงาน


