
สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า ประกาศปรับเงิน 8 สโมสร ที่ทำผิด “ไฟแนนเชียลแฟร์เพลย์” หรือกฎการเงิน หลังมียอดรายได้เข้าสโมสรไม่สอดคล้องกับรายจ่ายในการซื้อตัวนักเตะเข้าทีม โดยสโมสรใหญ่ทั้ง เอซี มิลาน, อินเตอร์ มิลาน, ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ต่างไม่รอด
แถลงการณ์จาก สหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า เผยว่า 8 สโมสรในยุโรปที่ต้องจ่ายค่าปรับจากการทำผิดกฎการเงิน ประกอบไปด้วย ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (ฝรั่งเศส), โรม่า (อิตาลี), อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี), ยูเวนตุส (อิตาลี), เอซี มิลาน (อิตาลี), เบซิคตัส (ตุรกี), โอลิมปิก มาร์กเซย (ฝรั่งเศส) และโมนาโก (ฝรั่งเศส)
สำหรับการพิจารณาบทลงโทษในครั้งนี้ ยูฟ่า นำข้อมูลทางการเงินในช่วงระยะเวลา 4 ปี ในปี 2018-2022 มาเป็นเกณฑ์ตัดสิน โดยละเว้นในช่วงปี 2020-2021 ที่นำยอดเงินมารวมกัน เนื่องจากเป็นมาตรการฉุกเฉินที่จำเป็นในการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้ง 8 สโมสรข้างต้นจะถูกลงโทษปรับเงินรวมกัน 172 ล้านยูโร หรือประมาณ 6.3 พันล้านบาท ซึ่งแต่ละทีมจะถูกปรับเงินไม่เท่ากัน และถูกปรับเบื้องต้นแค่ 15 เปอร์เซนต์จากยอดจำนวนเงินทั้งหมดที่ถูกปรับ
สำหรับยอดค่าปรับของแต่ละสโมสร มีดังนี้
โมนาโก – ค่าปรับ 2 ล้านยูโร
โอลิมปิก มาร์กเซย – ค่าปรับ 2 ล้านยูโร
เบซิคตัส – ค่าปรับ 4 ล้านยูโร
เอซี มิลาน – ค่าปรับ 15 ล้านยูโร
ยูเวนตุส – ค่าปรับ 23 ล้านยูโร
อินเตอร์ มิลาน – ค่าปรับ 26 ล้านยูโร
โรม่า – ค่าปรับ 35 ล้านยูโร
เปแอสเช – ค่าปรับ 65 ล้านยูโร
ขณะที่อีกหลายสโมสร อาทิ เชลซี, แมนเชสเตอร์ ซิตี, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์, บาร์เซโลนา, เซบีญา, นาโปลี, ลาซิโอ, เลสเตอร์ ซิตี และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด รอดถูกปรับแบบหวุดหวิด แต่จะถูกจับตามองเป็นพิเศษจากสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือยูฟ่า
สำหรับสโมสรที่มียอดซื้อตัวนักเตะค่อนข้างเยอะ แต่ผลกำไรเข้าสโมสรก็เยอะเช่นกัน จะไม่ถูก “ยูฟ่า” พิจารณาลงโทษปรับ เพราะตัวเลขสอดคล้องซึ่งกันและกัน อาทิ รีล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรืออาร์เซนอล


