ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ เดินทางมาถึงแมตช์ที่ 64 อย่างเป็นทางการ วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคมนี้ เป็นการลงสนามในรอบชิงชนะเลิศระหว่าง 2 ชาติที่คว้าแชมป์โลกมาแล้ว 2 สมัย อย่าง "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา พบ "ตราไก่" ที่่มีดีกรีเป็นแชมป์เก่าเมื่อปี 2018 ฟาดแข้งกันที่ ลูซาอิล ไอคอนิค สเตเดียม สังเวียนที่มีความจุผู้ชมเกือบ 9 หมื่นคน เวลา 22.00น. ตามเวลาประเทศไทย ช่อง 7 เอชดี, ทรูโฟร์ยู ช่อง 24 และทรูสปอร์ต 2 ถ่ายทอดสด
- เส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศ
อาร์เจนตินา ภายใต้การคุมทีมของ ลิโอเนล สกาโลนี ถึงแม้พวกเขาจะสตาร์ทเวิลด์ คัพ หนนี้ไม่ดี พ่ายแพ้ให้กับ ซาอุดิอาระเบีย สุดช็อก 1-2 แต่หลังจากนั้นก็เดินหน้ากวาดชัย 5 เกมรวด เหนือ เม็กซิโก, โปแลนด์ ใน 2 เกมรอบแบ่งกลุ่ม ส่วนรอบ 16 ทีมสุดท้าย เอาชนะ ออสเตรเลีย 2-1, รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะ เนเธอร์แลนด์ (ดวลจุดโทษ) จนมาถึงรอบตัดเชือกปราบโครเอเชีย 3-0 จากความยอดเยี่ยมของลิโอเนล เมสซี ที่ทั้งยิงทั้งจ่าย ผ่านเข้ามาเล่นในรอบชิงชนะเลิศครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ ลุ้นแชมป์โลกสมัยที่ 3 หลังจากต้องผิดหวังมาในปี 2014 ที่พ่าย เยอรมนี 0-1 แบบสุดช้ำ
ด้าน ฝรั่งเศส ของกุนซือดิดิเยร์ เดส์ชองส์ เริ่มต้นฟุตบอลโลกหนนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่ต้อน ออสเตรเลีย 4-1 ตามด้วยการเฉือนชนะ เดนมาร์ก 2-1 แต่พลาดท่าพ่าย ตูนีเซีย 0-1 ในเกมสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่มเพราะส่งตัวสำรองลงสนามถึง 10 ตำแหน่ง อย่างไรก็ตามเมื่อเข้าสู่รอบน็อกเอาท์ก็คืนฟอร์มเก่งอีกครั้ง เอาชนะ โปแลนด์ รอบ 16 ทีมสุดท้าย 3-1, ชนะ อังกฤษ รอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-1 และเกมล่าสุดเชือด โมร็อกโก ม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ 2-0 ผ่านเข้ามาถึงรอบชิงชนะเลิศในเวิลด์ คัพ เป็นครั้งที่ 4 ในประวัติศาสตร์ โดยฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย พวกเขาเพิ่งจะเถลิงบัลลังก์แชมป์สมัยที่ 2 ด้วยการเอาชนะ โครเอเชีย 4-2
- สภาพความพร้อมของทั้งสองทีม
"ฟ้าขาว" เกมนี้ไม่มีปัญหาผู้เล่นบาดเจ็บ หรือติดโทษแบน มีเพียง ปาปู โกเมซ ที่เดี้ยงบริเวณข้อเท้าเล็กน้อย ต้องรอเช็กสภาพความฟิตอีกครั้ง แน่นอนว่า ลิโอเนล เมสซี จะยังคงมีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์เกมรุกของทีม แม้เขาจะตกเป็นข่าวว่าบาดเจ็บที่แฮมสตริง แต่ก็ไม่น่ามีปัญหาในการลงสนาม จะประสานงานร่วมกับ ฮูเลียน อัลบาเรซ, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, โรดริโก เดอ ปอล และอเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์
ด้านทัพ "ตราไก่" มีเรื่องต้องให้ปวดหัวพอสมควรเมื่อ ราฟาเอล วาราน ปราการหลังกัปตันทีม, อิบราฮิมา โกนาเต และคิงส์ลีย์ โกมอง มีอาการป่วยทั้ง 3 คน ขณะที่ ธีโอ เอร์นองเดซ และออเรเลียง ชูอาเมนี บาดเจ็บเล็กน้อย ต้องรอเช็กสภาพความฟิตทั้งคู่แต่คาดว่าไม่น่าจะมีปัญหา น่าจะเข็นลงสนามได้ทั้งหมด ส่วนแข้งหลักคนอื่นๆ ทั้ง โอลิวิเยร์ ชิรูด์, อองตวน กรีซมันน์ และคีเลียน เอ็มบัปเป พร้อมลงเล่น
- รายชื่อ 11 ตัวจริงที่คาดว่าจะลงสนาม
อาร์เจนตินา : เอมิเลียโน มาร์ติเนซ (GK), นาฮูเอล โมลินา, คริสเตียน โรเมโร, นิโคลาส โอตาเมนดี, นิโคลาส ทาเกลียฟิโก, เลอันโดร ปาเรเดส, เอ็นโซ เฟร์นานเดซ, โรดริโก เดอ ปอล, อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์, ลิโอเนล เมสซี, ฮูเลียน อัลบาเรซ
ฝรั่งเศส : อูโก ญอริส (GK), ฌูลส์ คุนเด, ราฟาเอล วาราน, ดาโยต์ อูปาเมกาโน, ธีโอ เอร์นองเดซ, ออเรเลียง ชูอาเมนี, อาเดรียง ราบิโอต์, อองตวน กรีซมันน์, อุสมาน เด็มเบเล, คีเลียน เอ็มบัปเป, โอลิวิเยร์ ชิรูด์
- สถิติการเจอกันของทั้งสองทีม
ทั้งสองทีมเคยฟาดแข้งกันมาแล้ว 5 นัด เป็น อาร์เจนตินา เหนือกว่า เก็บชัยได้ถึง 4 นัด ฝรั่งเศส ชนะได้เพียง 1 นัด อย่างไรก็ตามการเจอกันหนล่าสุดในฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย เป็นทัพ "ตราไก่" ทีมเอาชนะ "ฟ้าขาว" 4-3 กรุยทางสู่การคว้าแชมป์โลกไปครองได้สำเร็จในปีนั้น
คู่นี้สูสีเป็นอย่างยิ่งทั้งฟอร์มการเล่น และศักยภาพโดยรวมของนักเตะเรียกได้ว่าไม่ต่างกันมาก ต่างฝ่ายต่างมีทีเด็ดที่เกมรุกด้วยกันทั้งคู่ นอกจากความสำคัญในการแย่งแชมป์โลกสมัยที่ 3 แล้ว ยังเป็นการแย่งตำแหน่งดาวซัลโวของ ลิโอเนล เมสซี และคีเลียน เอ็มบัปเป ที่ตอนนี้ยิงเท่ากันที่ 5 ประตู เกมออกได้ทั้งสามหน้า อาจได้ชมเกมกันแบบยาวๆ ถึงการดวลจุดโทษตัดสิน
อย่างไรก็ตามขอเชียร์ อาร์เจนตินา ให้เผด็จศึก ฝรั่งเศส ได้สำเร็จ เพื่อการคว้าแชมป์ของ ลิโอเนล เมสซี ทิ้งทวนการลงสนามให้กับทีม "ฟ้าขาว" เป็นนัดสุดท้าย และเป็นการประดับบารมีของตัวเองก่อนแขวนสตั๊ดในบั้นปลายอาชีพนักฟุตบอล กับตำแหน่ง"แชมป์โลก"อีกด้วย
