
ฟุตบอลคาราบาว คัพ ฤดูกาล 2023/24 รอบชิงชนะเลิศ คืนวันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ สนามเวมบลีย์ เป็นการเจอกันระหว่าง “สิงห์บลูส์” เชลซี พบกับ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล
เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 33 เชลซี เกือบจะได้ประตูออกนำ จากการส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายของ ราฮีม สเตอร์ลิง แต่กลายเป็นลูกล้ำหน้าตั้งแต่จังหวะของ นิโคลัส แจ็คสัน เสียก่อน ทำให้เกมยังเสมอกัน 0-0 ก่อนจะจบ 45 นาทีแรกไปด้วยสกอร์นี้
ครึ่งหลัง น.60 ลิเวอร์พูล เกือบได้ประตูออกนำจากลูกฟรีคิกทางกราบซ้าย แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดมาให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค ขึ้นโหม่งเข้าประตูไป แต่เมื่อเช็ก VAR ปรากฎว่า วาตารุ เอ็นโด ผู้ที่เข้ามาขวางตัวประกบอยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าเสียก่อน สกอร์ยังเป็น 0-0
เวลาที่เหลือ แม้ ลิเวอร์พูล จะบุกได้เยอะกว่า แต่ก็เจาะแนวรับของ เชลซี ไม่ได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ในช่วงต่อเวลาพิเศษ “หงส์แดง” แม้จะเปลี่ยนตัวเอานักเตะเยาวชนลงเล่นหลายตำแหน่ง แต่ก็สามารถขึงเกมรุกใส่ เชลซี อยู่ตลอด ขณะที่ “สิงห์บลูส์” อาศัยวินัยในเกมรับ รอจังหวะสวนกลับได้ลุ้นอยู่บ้าง
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยผลเสมอ แต่แล้วในนาทีที่ 118 ลิเวอร์พูล มาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะลูกเตะมุม คอนสแตนตินอส ซิมิกาส เปิดให้ เวอร์จิล ฟาน ไดจ์ค วิ่งมาโฉบโหม่งที่เสาแรกหนีมือนายทวาร เชลซี เข้าไป
ช่วงที่เหลือไม่มีใครทำสกอร์กันเพิ่ม หมดเวลาการแข่งขัน 120 นาที ลิเวอร์พูล เอาชนะ เชลซี ไปแบบหวุดหวิด 1-0 คว้าแชมป์คาราบาว คัพ หรืออีเอฟแอล คัพ เป็นสมัยที่ 10 โดยเป็นการคว้าแชมป์รายการนี้ครั้งที่ 2 ภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์

