ม.เกษมบัณฑิตจัดทัพ สู้ศึกกีฬาปัญญาชน ชูสปิริต-มิตรภาพหวังติด1ใน5

ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เปิดเผยว่าจากการที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยครั้งที่ 50 หรือ “ธรรมศาสตร์เกมส์”ระหว่างวันที่ 9-18 มกราคม 2568 นั้น

สำหรับกีฬาปัญญาชนในครั้งนี้มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตได้มีการเตรียมการมาอย่างต่อเนื่องทั้งนี้เพื่อให้ทัพนักกีฬามีความพร้อมที่จะร่วมประลองความสามารถในเชิงกีฬากับสถาบันอุดมศึกษาต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพและบรรลุตามเป้าประสงค์ภายใต้ “สปิริตและมิตรภาพ”

ดร.เสนีย์ กล่าวต่อไปว่าในมหกรรมกีฬา “ธรรมศาสตร์เกมส์” ครั้งนี้เมื่อถามถึงความหวังและโอกาสที่นักกีฬาจะประสบความสำเร็จและสามารถยืนหนึ่งในชนิดต่างๆได้มากน้อยแค่ไหนนั้นจากการติดตามการเตรียมการของทีมงานสต๊าฟโค้ชและการดำเนินงานของฝ่ายกีฬาพบว่าทุกภาคส่วน มีความมุ่งมั่นและพร้อมที่จะนำชื่อเสียงมาสู่มหาวิทยาลัยภายใต้นักกีฬา 122 ชีวิติใน 10 ชนิดกีฬาที่ส่งเข้าร่วมซึ่งประกอบด้วย

ฟุตบอลชาย-หญิง ฟุตซอลชาย-หญิง ยูยิตสู เทควันโด ว่ายน้ำ เปตอง ฮับกิโด และมวยสากลสมัครเล่น และที่สำคัญในการเตรียมการนักกีฬานั้นมหาวิทยาลัยตระหนักและให้ความสำคัญกับการนำวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเสริมเติมเต็มภายใต้การดูแลของผู้ฝึกสอนมืออาชีพ

ขณะที่ชนิดกีฬาที่เป็นความหวังในการคว้าเหรียญทองและสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์มีหลายชนิด อาทิ กีฬายูยิตสูซึ่งนำโดย “ฟร้อง” สุวิจักขณ์ ขุนทอง นักกีฬาทีมชาติเจ้าของเหรียญเงินชิงแชมป์โลก ยู 21 ปี 2021 เหรียญทองชิงแชมป์เอเชียปี 2022 เหรียญทองกัมพูชาเกมส์ 2023 และ 3 เหรียญทองในนนททรีเกมส์ ตามด้วย ฟุตซอลชาย-หญิงดีกรีแชมป์เก่านนทรีเกมส์ซึ่งนักกีฬาทีมชายนำทัพโดยนักเตะโต๊ะเล็กทีมชาติชุดปัจจุบันประกอบด้วย “บาส”สราวุท ผลาพฤกษ์ กัปตันทีมและ “ไอช์”ณรงค์ศักดิ์ วิงวอน

สำหรับฟุตซอลหญิงขุมกำลังนำทีมโดยดาวเตะทีมชาติเช่นกันอาทิ “ดาว” ศศิกานต์ ทองดี “อิน” เจนิสตา นุนาบี ด้านกีฬาปตองก็เป็นหนึ่งในความหวังซึ่งในกีฬาชนิดนี้มี “เลิฟ” คันธรส ชูช่วย ซึ่งมีดีกรีทีมชาติไทยเป็นตัวชูโรง

ขณะที่กีฬาชนิดอื่นก็มีโอกาสที่จะสอดแทรกคว้าเหรียญรางวัลได้เช่นกัน และที่สำคัญใน “ธรรมศาสตร์เกมส์”ครั้งนี้ถือว่าเป็นอีกครั้งที่มหาวิทยาลัยภาคภูมิใจที่นักกีฬาซึ่งเข้าร่วมการแข่งขันล้วนแล้วแต่เป็นดาวเด่นซึ่งเป็นผลผลิตของมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะและเป็นผู้ที่เคยผ่านการแข่งขันในนามทีมชาติไทยและคว้าเหรียญรางวัลตลอดจนสร้างชื่อให้ประเทศมาแล้วในหลายรายการซึ่งทุกคนก็พร้อมที่จะเดินหน้าเพื่อให้ทัพนักกีฬาจากถิ่น “ร่มเกล้า” ก้าวไปติดท๊อปไฟว์ของตารางเหรียญรวมดังทุกครั้งที่ผ่านมา ดร.เสนีย์ กล่าวในที่สุด