
20 เม.ย.2566 - นายพูน แก้วภราดัย ผู้สมัคร ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 1 เบอร์ 8 พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่มาตลอดพบว่า ประชาชนให้การต้อนรับพรรครวมไทยสร้างชาติ และพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคกระแสดีขึ้นทุกวัน คนนครศรีธรรมราชอยากได้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ทำให้มีกำลังใจเดินลงพื้นที่เพื่อนำเสนอนโยบายของพรรคอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
นายพูน กล่าวด้วยว่า นโยบายของพรรคที่ประชาชนชื่นชมมากคือโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรลุงตู่ เขาบอกว่าที่มีกินมีใช้อยู่ได้แม้เงินจะไม่มากก็เพราะบัตรลุงตู่ กระทั่งกลายมาเป็นบัตรสวัสดิการ พลัส เดือนละ 1,000 บาท และใช้เป็นหลักประกันกู้ฉุกเฉินได้อีกด้วย นอกจากนั้นสิ่งที่ประชาชนสะท้อนมาคือ ไม่เคยมีนายกรัฐมนตรีคนไหนดีเท่าลุงตู่ถือเป็นนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด จึงยังไว้วางใจอยากให้ลุงตู่กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีก 2 ปี
“คนนครศรีธรรมราชเป็นคนที่ติดตามการเมือง เข้าใจปัญหาการเมือง เข้าใจสิ่งที่ลุงตู่ทำมาว่าทำอะไรให้บ้านเมืองและจังหวัดนครศรีธรรมราชบ้าง สำหรับโครงการต่าง ๆ ที่ลงมาสมัยรัฐบาลลุงตู่และชาวบ้านพอใจมาก คือ โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนมีการพัฒนาใหม่เกือบทั้งภาคใต้ ก็ทำในยุคลุงตู่เป็นนายกรัฐมนตรีจนปักษ์ใต้พัฒนาไปมาก ล่าสุด ชาวบ้านอ.ปากพนัง และอ.เมืองถูกน้ำท่วมปี 65 แล้วตกสำรวจทั้งที่เป็นพื้นที่ที่ประกาศเป็นเขตภัยพิบัติเหมือนกันอำเภออื่นได้หมดแล้ว ลุงตู่ก็ได้กำชับนายธนากร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สำรวจใหม่ว่า คนที่เดือดร้อนยังไม่ได้รับค่าตอบแทน มีทั้งหมดกี่ครัวเรือนกำชับสำรวจให้แล้วเสร็จภายใน 90 วันชาวบ้านก็ดีใจที่รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง” นายพูนกล่าว
นายพูน กล่าวว่า อีก 25 วันจะถึงวันเลือกตั้งยังไม่มีสิ่งที่ทำให้ท้อแท้หรือท้อถอย แม้จะลงสนามการเมืองใหญ่ครั้งแรก แต่พยายามเดินพบปะประชาชนชี้แจงนโยบายของพรรคให้เขาเข้าใจมากที่สุด แม้ตนจะอายุน้อยแต่มีความตั้งใจมากเกินร้อย เดินลงพื้นที่ทุกวัน ชูผู้นำคือลุงตู่ให้ประชาชนเห็นว่าทำอะไรมาบ้าง ตนไม่ท้อขอสู้เต็มที่แพ้ชนะเป็นเรื่องเล็ก แม้จะต้องต่อสู้กับพรรคการเมืองใหญ่พรรคเก่าแก่ และพรรคที่มีเงินมาก แต่ประชาชนคนนครศรีธรรมราชคิดได้เขามีคนอยู่ในใจแล้วว่าจะเลือกใคร
นายพูน กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นลูกของนายวิทยา แก้วภราดัย อดีตส.ส.นครศรีธรรมราชที่เคยทำประโยชน์ให้กับจังหวัดมากมาย โดยเฉพาะการนำงบประมาณมาพัฒนาจังหวัดก็มีส่วนช่วยตนบ้าง แต่พ่อเป็นอดีตส.ส.ในเขตปากพนัง ตนมาลงในเขตอำเภอเมืองเป็นคนละเขตกับบ้านของพ่อ ตนเกิดที่อำเภอเมืองก็ต้องสู้ในเขตนี้ ตนไม่เคยมีปัญหาเรื่องทุจริต อดีตเคยเป็นเลขานายกเทศมนตรีได้ซึมซับการทำงานมาตลอด จึงเป็นแรงขับเคลื่อนให้ตนมาลงในอำเภอเมือง
“แม้ผมจะมีพ่อเป็นนักการเมืองที่คนรู้จัก แต่ผมถูกสอนมาว่าต้องซื่อสัตย์กับชาวบ้าน ผมไม่สามารถไปลงที่ปากพนังได้เพราะเป็นลูกชายนายวิทยา ผมต้องมาลงในอำเภอเมือง เพราะเกิดและโตที่นี่และคิดว่าคงต้องตายที่นี่ อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่าจะปักธงพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้กับลุงตู่ได้แน่นอนในเขตเลือกตั้งที่ 1 ขอให้ชาวบ้านให้โอกาสคนรุ่นใหม่ที่ผ่านประสบการณ์การทำงานการเมืองในท้องถิ่นมาแล้ว และไม่เคยมีประวัติเสียหาย เพื่อเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงให้คนนครศรีธรรมราชด้วย”นายพูนกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
🛑LIVE ผู้คุมเกมไร้หลัก โลกไร้ระเบียบ..! | ห้องข่าวไทยโพสต์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันจันทร์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2568
พรรคส้มกลับลำ ดัน 'เท่าพิภพ' เสียบแทน อดีตผู้สมัครสส.สีเทา ชิงเก้าอี้เขตบางพลัด-บางกอกน้อย
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีตสส.พรรคประชาชน โพสต์ภารกิจฟื้นความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรคสำคัญที่สุด พร้อมกลับมารับใช้คนกรุงเทพ
'ยศชนัน' โวยป้ายหาเสียงถูกทำลาย วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ มั่นใจรักษาฐานเสียงชายแดน
‘ยศชนัน’ วอนเล่นการเมืองสร้างสรรค์ หลัง ’เพื่อไทย’ ถูกทำลายป้ายหาเสียงหลายเขต บอกไม่ถูกต้อง หลังถูกวิจารณ์เป็นพรรคตัวแปรอันดับ3 เหตุ ปชช. ยังไม่ตัดสิน มั่นใจ รักษาฐานเสียงจังหวัดชายแดนได้ เชื่อประชาชนเข้าใจ
ส้มหวาน! 'เนวิน' ยื่นให้ 'อนุทิน' รับไปกิน บอกไม่กลัวเมล็ดติดคอ
ภายหลังนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้นั่งบวงสรวงใต้ฉัตรเงินต้นที่ 37 จากฉัตรทั้งหมดที่มีทั้งสิ้น 360 ต้นซึ่งตรงกับหมายเลขผู้สมัคร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย
'ทักษิณ' แฮปปี้รับปีใหม่ในเรือนจำ ลูกเยี่ยมเล่าย้อนอดีตสมัยไทยรักไทยได้เบอร์9 กวาด 377 เสียง
‘อิ๊งค์’ เผย ‘ทักษิณ’ สดชื่นแฮปปี้รับปีใหม่ 2569 พร้อมเล่าความหลังปี 2548 พรรคไทยรักไทยสมัยทักษิณ จับได้เบอร์ 9 กวาดเสียง สส.377 เสียง มองเพื่อไทยได้เบอร์ 9 เป็นเลขหลักเดียว คนมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งจำง่าย เลือกง่าย ให้กำลังใจเพื่อไทยคว้าชัยเลือกตั้งใหญ่
พฤฒสภา คือ สภาปรีดี จริงหรือ ? (32)
ก่อนจะเกิดรัฐธรรมนูฉบับที่ 4 หรือรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2490 เรามีรัฐธรรมนูญฉบับที่ 2 คือฉบับ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2475

