เอาแล้ว! กกต.กันไว้เป็นพยาน 70 คน เชือดโกงเลือกตั้ง

28 เม.ย.2566 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ​(กกต.)​ ได้จัดประชุมชี้แจงแนวทางการปฏิบัติหน้าที่ในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและการป้องกันปราบปรามการทุจริต โดยมีนายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิด และนายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง กล่าวรายงาน โดยมีผู้เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เร้นท์​ รวมจำนวน 2,113 คน ประกอบด้วย ผู้ตรวจการเลือกตั้งจำนวน 423 คน ชุดเคลื่อนที่เร็ว 400 ชุด ประจำ 400 เขตเลือกตั้ง จำนวน 1,239 คน ผู้บริหารกลุ่มภารกิจสืบสวน ไต่สวน วินิจฉัย และดำเนินคดีในศาลและชุดปฏิบัติการข่าว (ส่วนกลาง) 11 ชุด ชุดละ 3 คน จำนวน 66 คน ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร จำนวน 77 คน รองผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร จำนวน 77 คน และชุดปฏิบัติการข่าว (ส่วนจังหวัด) 77 ชุด ชุดละ 3 คน จำนวน 231 คน

นายอิทธิพร กล่าวว่า สำหรับการประชุม ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ระเบียบ ประกาศหรือมติคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ในการแสวงหาข้อมูลข่าวสารและการป้องกันปราบปรามการทุจริตแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ชุดเคลื่อนที่เร็ว ตามคำสั่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง ที่ 657/2566 ลงวันที่ 21 เม.ย. 2566 เพื่อทำหน้าที่ช่วยเหลือและสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับการเลือกตั้ง การสนับสนุนการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินการให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมาย สนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรม การการเลือกตั้งในการป้องปรามและหาข่าวเกี่ยวกับการกระทำความผิดในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

นายอิทธิพร กล่าวว่า เพื่อให้การบูรณาการการทำงานร่วมกัน​ วางแผนปฏิบัติหน้าที่และลงพื้นที่ระหว่างผู้ตรวจการเลือกตั้ง ชุดเคลื่อนที่เร็ว ชุดปฏิบัติการข่าวทั้งส่วนกลางและส่วนจังหวัด และผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดและกรุงเทพมหานคร เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งมอบหมายภารกิจเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และชอบด้วยกฎหมายต่อไป

นายอิทธิพร กล่าวว่า สำหรับชุดเคลื่อนที่เร็วซึ่งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ รวมทั้งตรวจค้นจับกุมควบคุมผู้กระทำผิด แล้วนำส่งพนักงานสอบสวน หรือศาลแล้วแต่กรณี นอกจากนี้อยากขอให้ท่านช่วยรวบรวมพยานหลักฐานที่เกิดขึ้นในการกระทำความผิด การบันทึกภาพทั้งภาพนิ่งภาพเคลื่อนไหว เสียง ซึ่งการรวบรวมพยานหลักฐานเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด เพราะการได้พยานหลักฐานที่ชัดเจนและครบถ้วน จะทำให้การสรุปสำนวนเพื่อการวินิจฉัยเป็นไปได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ รวมทั้งเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายอีกด้วย ทั้งนี้ ในการทำงานต้องอาศัยคนที่อยู่ในพื้นที่ตระเวนหาข่าวเคลื่อนที่เร็ว และติดตามตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดจริงหรือไม่ แนะนำว่าการหาข้อมูลในทางลับได้จากผู้ขับวินจักรยานยนต์ พ่อค้าแม้ค้าขายผลไม้ คนขายลูกชิ้นทอด ซึ่งจะมีความใกล้ชิดกับคนในพื้นที่

ประธานกกต. กล่าวในการมอบนโยบายว่า เน้นย้ำการทำงานของเจ้าหน้าที่ยึดหลัก 5ประสานต้านทุจริตประกอบด้วย ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ,ชุดเคลื่อนที่เร็ว ,เจ้าหน้าที่รัฐในส่วนกระทรวงมหาดไทย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชน และองค์กรเอกชนภาคประชาชน โดยมีปัจจัยหลัก3 ประการนั้น การปฏิบัติงานบูรณาการร่วมกันทุกฝ่าย และชุดเคลื่อนที่เร็วมีจุดสำคัญมุ่งเน้นการสื่อสารที่ตรงกัน การเคลื่อนที่เร็วจะเป็นกลไกที่ตระเวนอยู่ในพื้นที่ ซึ่งหากพบการกระทำความผิด ก็จะสามารถทราบพิกัดของสถานที่เกิดเหตุ ได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ทำให้การเข้าถึงเป้าหมาย เป็นไปอย่างถูกต้องและทันการ ในการ เก็บพยานหลักฐานและจับกุมผู้กระทำความผิด

สิ่งที่สำคัญประการหนึ่ง ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด ต้องมีความชำนาญในพื้นที่ เป็นอย่างดี ส่วนชุดเคลื่อนที่เร็วก็ต้องมีความเชี่ยวชาญเส้นทางในพื้นที่และให้เข้าถึงพิกัดนั้นได้โดยเร็ว เพื่อใช้เวลาน้อยที่สุดไปยังสถานที่เกิดเหตุ ทั้งนี้มีกรณีตัวอย่าง การบูรณาการโดยตรงระหว่าง ชุดเคลื่อนที่เร็วกับผู้ตรวจการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งจะมีการทำงานด้วยกันตลอดเวลาและประชุมร่วมมือกันในการสร้างความคุ้นเคยในการลงพื้นที่

โดยแกนนำ​ 5 ประสานต้านทุจริต สามารถติดต่อประสานความร่วมือการทำงานกับระดับจังหวัดของสำนักงานกกต. ในทุกๆจังหวัด ซึ่งมีคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนของแต่ละจังหวัดทำหน้าที่อยู่

นายอิทธิพร กล่าวว่า ประชาชนที่เป็นหัวใจหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้น หากเราจะเชิญชวนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม ในการเลือกตั้ง มีมาตรการและบทบัญญัติบางอย่าง ที่จะทำให้ประชาชนมีความกล้าในการเข้ามาทำงาน ช่วยในการตรวจสอบการเลือกตั้ง ขอให้แกนนำ 5 ประสานต้านทุจริต ที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ชุดเคลื่อนที่เร็ว ได้ช่วยกันประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบว่า มีปัจจัยหลัก 3ประการ ดังนี้ 1 การชี้เบาะแสการกระทำ ความผิด ว่ามีสิทธิ์ที่จะได้รับเงินรางวัล กฎหมายกำหนดว่าถ้ามีผู้ให้เบาะแสที่นำไปสู่การดำเนินการ ในขั้นสามารถลงโทษ ผู้กระทำคิดได้ก็มีสิทธิจะได้รับ เงินรางวัลตามบัญชี แนบท้ายระเบียบกกต.

ประการที่2 ประชาชนมีส่วนร่วมในการตรวจสอบการเลือกตั้งซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่เป็นพลเมืองดีแล้ว สามารถที่จะมาขอให้เราคุ้มครองพยานได้ เพราะอาจหวาดระแวงเกรงกลัว อิทธิพลในพื้นที่ ตอนนี้กฎหมายติดอาวุธให้กกต. สามารถจัดระบบคุ้มครองพยาน ที่ผ่านมา เราก็ให้การคุ้มครองบุคคลที่ให้ข้อมูลเป็นพยานไปแล้ว ประมาณ 30 กว่าคน

ประการที่ 3 คือ ถ้าหากผิดไปแล้วแต่กลับใจ กกต.อาจจะกันไว้เป็นพยานคดีเลือกตั้ง ซึ่งเราทราบดีว่าหาพยาน บุคคลได้ยาก จึงเปิดโอกาสให้บุคคลที่มีส่วนกระทำความผิดแต่กลับใจ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่สำคัญ ที่นำไปสู่การนำผู้กระทำผิดมาลงโทษ กกต.อาจจะพิจารณาการกันบุคคลนั้นไว้เป็นพยานได้ หมายความว่า ไม่ต้องรับความผิด ในคดีที่ได้กระทำ โดยที่ผ่านมา มี70คน

นอกจากนี้ ขอย้ำ ว่ายังมีเรื่องบทบาทและหน้าที่ ข้อมูลข่าวสาร ที่จะปฏิบัติให้ถูกต้องตาม กฎหมายการเลือกตั้ง มีความสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ของชุดเคลื่อนที่เร็ว พร้อมกันนี้ ได้แนะนำว่าหากต้องการข้อมูล ที่ครบถ้วนและถูกต้อง รวดเร็วมาก มีหลายช่องช่องทาง อาทิ บริการสายด่วน 1444.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อภิสิทธิ์'​ ลั่น​ ปชป.พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง

'อภิสิทธิ์'​ เผย​ 'ปชป.' พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง​ สั่ง​ 'รองหัวหน้าพรรค​' เตรียมการ หลัง 'กกต.' ประกาศเขตเลือกตั้งใหม่​ จนนครศรีธรรมราช​หาย​ 1 เขต​

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444

ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต

ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)