
เปิดผลงานวิจัย เสียงสะท้อนคนใต้ เตือนนักการเมือง – พรรคการเมือง ใช้นโยบายหาเสียง ต้องไม่สร้างปัญหาใหม่ให้กับประเทศ
30 เม.ย.2566 – ผศ.ดร.วิวัฒน์ จันทร์กิ่งทอง ผู้จัดการศูนย์วิจัยนวัตกรรมทางธุรกิจ รายงานผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนในภาคใต้ ด้านเศรษฐกิจและสังคม พบว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของประชาชนโดยรวมเดือนเมษายน 2566 (45.80) ปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมีนาคม 2566 (45.10) และเดือนกุมภาพันธ์ 2566 (44.80) โดยดัชนีที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโดยรวม รายได้จากการทำงาน รายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในครอบครัว รายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ความสุขในการดำเนินชีวิต ฐานะการเงิน (รายได้หักรายจ่าย) การออมเงิน ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ
โดยปัจจัยบวกที่สำคัญ ได้แก่ การเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยในปีนี้ได้มีการร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนของแต่ละพื้นที่ในการจัดงานเทศกาลสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบ ภายในงานมีการจัดกิจกรรม ต่าง ๆ เช่น การจัดแสดงดนตรี การเล่นน้ำสงกรานต์ และการจัดแสดงสินค้า เป็นต้น โดยเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มีความคึกคัก และมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ทำให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยจำนวนมาก โดยมีการประเมินการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้มากถึง 2.3 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจของประเทศเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในเดือนเมษายนปี้นี้ นอกจากการใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นในการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดสงกรานต์แล้ว ยังมีค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด ทำให้การใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนเพิ่มขึ้น อีกทั้ง สินค้าจำนวนหนึ่งมีการปรับราคาขึ้นในช่วงสงกรานต์นี้ โดยเฉพาะค่าอาหารต่าง ๆ ได้ปรับราคาสูงขึ้น โดยทางผู้ประกอบการให้เหตุผลว่า ราคาวัตถุดิบมีการขยับสูงขึ้นตามสภาพอากาศที่ร้อนจัด
เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรออกสู่ตลาดน้อยลง ทำให้ธุรกิจร้านอาหารมีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น รวมถึงค่าไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากเครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น ตู้แช่เพื่อเก็บวัตถุดิบต่าง ๆ เนื่องจากอากาศที่ร้อนมากในช่วงนี้ โดยประชาชนส่วนหนึ่งมองว่าช่วงเดือนเมษายนนี้ค่าครองชีพสูงขึ้น และมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอีก ในขณะที่รายได้ของประชาชนเท่าเดิม ทั้งนี้ ประชาชนที่มีรายได้ต่ำถึงปานกลางจำเป็นต้องปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เพื่อให้สามารถดำรงชีพอยู่ได้ รวมถึงมีความคาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ และลดค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้ และไม่ก่อหนี้ครัวเรือนขึ้นอีก
จากการสัมภาษณ์ประชาชนภาคใต้ในหลายสาขาอาชีพ เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับความคาดหวังและความต้องการของประชาชนต่อนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม มีดังนี้
1. ความต้องการของประชาชนต่อโนบายด้านพลังงาน สืบเนื่องจากค่าพลังงานต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อราคาสินค้าและบริการต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นในขณะนี้ โดยเฉพาะค่าไฟฟ้าของครัวเรือนในเดือนเมษายนนี้ มีการเพิ่มขึ้นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อค่าครองชีพของประชาชนเป็นอย่างมาก และมีแนวโน้มที่ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต ทั้งนี้ ประชาชนจึงมีความต้องการให้รัฐบาลใหม่ช่วยแก้ปัญหาพลังงานอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาค่าไฟฟ้าในบ้านที่เพิ่มขึ้น เช่น การส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนติดตั้งระบบไฟฟ้าบนหลังคาบ้าน (Solar Rooftop) เพื่อลดค่าไฟฟ้า และสามารถนำไฟฟ้าส่วนเกินขายคืนให้แก่ภาครัฐได้ อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จำเป็นต้องเข้ามารีบแก้ไขค่าไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน อาทิ การลดค่าไฟฟ้า การลดค่า FT และการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าแก่ประชาชน เป็นต้น
2. ความต้องการของประชาชนต่อนโยบายด้านคมนาคมขนส่ง เช่น การส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งรถยนต์ส่วนบุคคล รถขนส่งสินค้า และรถโดยสารสาธารณะ ฯลฯ เพื่อลดการปล่อยมลพิษของยานพาหนะ อีกทั้ง ปรับปรุงคุณภาพของรถโดยสารสาธารณะ และกำหนดค่าบริการที่เหมาะสม เพื่อช่วยให้ประชาชนที่มีรายได้ต่ำ และรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงระบบขนส่งสาธารณะได้มากขึ้น
3. ความต้องการของประชาชต่อนโยบายด้านการเกษตร เนื่องจากผลผลิตทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ และปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ เช่น น้ำท่วม น้ำแล้ง ทำให้พืชผลทางการเกษตรมีจำนวนน้อย ประกอบกับราคาปุ๋ย และวัตถุดิบในการผลิตอาหารสัตว์มีต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ทำให้บางช่วง เกษตรกรมีรายได้ไม่เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น โดยต้องการให้มีนโยบายช่วยเหลือเกษตรกรที่ยั่งยืน และให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ในการช่วยเพิ่มผลผลิตและสร้างมูลค่าให้กับสินค้าทางการเกษตร อีกทั้งช่วยประหยัดการใช้ทรัพยากร และช่วยลดปัญหาการสร้างก๊าซเรือนกระจก นอกจากนี้ ควรปรับโครงสร้างหนี้ การให้สินเชื่อที่สอดคล้องกับศักยภาพ และกระแสรายได้ รวมถึงพฤติกรรมของเกษตรกร โดยการพัฒนาระบบฐานข้อมูลสินเชื่อเกษตรกรที่ครอบคลุมและทันสมัย
4. ความต้องการของประชาชนต่อนโยบายด้านแรงงาน โดยนโยบายด้านแรงงานของพรรคการเมืองส่วนใหญ่เน้นเรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งแข่งขันกันว่าพรรคใดจะเสนอค่าจ้างขั้นต่ำได้สูงกว่ากัน ทั้งนี้ ประชาชนมองว่าการปรับค่าจ้างขั้นต่ำต้องสอดคล้องกับความสามารถของแรงงานในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจ เพื่อให้ผู้ประกอบการธุรกิจสามารถดำเนินธุรกิจได้ โดยภาครัฐควรส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SME และธุรกิจขนาดเล็ก รวมถึงวิสาหกิจชุมชน ในการนำเครื่องจักรและเทคโนโลยีสมัยใหม่มาใช้ เพื่อเพิ่มผลผลิต และลดความสูญเสียให้น้อยลง รวมถึงการส่งเสริมทางด้านการตลาด โดยเฉพาะการจัดจำหน่ายทั้งในประเทศ และการส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ อันจะทำให้ผลประกอบการของธุรกิจดีขึ้น จนสามารถนำส่วนต่างของผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นไปเพิ่มรายได้ให้กับแรงงานได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ ประชาชนต้องการให้นโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ควรพิจารณาการใช้งบประมาณของประเทศอย่างเหมาะสม และควรกำหนดนโยบายที่สามารถทำได้จริง และสามารถทำได้ทันที ไม่ให้เป็นเพียงนโยบายเพื่อหาเสียงเท่านั้น โดยประชาชนมีความคาดหวังว่า นโยบายในการหาเสียงของพรรคการเมืองต่าง ๆ เมื่อดำเนินการแล้วจะไม่สร้างปัญหาใหม่ให้กับประเทศ
นอกจากนี้ ประชาชนมีความกังวลต่อนโยบายของพรรคการเมืองต่าง ๆ ที่ไม่เหมือนกัน โดยมองว่าพรรคการเมืองหลายพรรคร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และจะใช้นโยบายของพรรคใดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคม ทั้งนี้ ประชาชนคาดหวังว่า รัฐบาลใหม่จะนำนโยบายที่ให้ความสำคัญและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ มากกว่ากลุ่มทุนและกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มพวกพ้อง และเครือญาติของนักการเมือง
ผลคาดการณ์ในอีก 3 เดือนข้างหน้า พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่เชื่อว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวม และรายได้จากการทำงานจะเพิ่มขึ้นคิดเป็นร้อยละ 36.20 และ 36.70 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นต่อรายจ่ายเพื่อซื้อสินค้าอุปโภค บริโภคที่จำเป็นในครัวเรือน และรายจ่ายด้านการท่องเที่ยว ในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้นคิดเป็น ร้อยละ 32.60 และ 37.80 ตามลำดับ ส่วนความเชื่อมั่นด้านความสุขในการดำเนินชีวิต การแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในอีก 3 เดือนข้างหน้า จะเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 36.80 33.40 และ 32.30 ตามลำดับ
สิ่งที่ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบ และต้องการให้รัฐบาลใหม่ดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ 1) การช่วยลดค่าไฟฟ้า และรักษาระดับราคาพลังงานต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม 2) การช่วยเหลือภาระหนี้สินแก่กลุ่มเกษตรกรและผู้ประกอบการขนาดเล็ก 3) การเพิ่มเบี้ยยังชีพให้แก่ผู้สูงอายุ และ 4) การให้งบประมาณช่วยเหลือประชาชนในการนำพลังงานทดแทนเข้ามาใช้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซีพี เดินหน้าขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ช่วยชาติยามวิกฤต “สุภกิต เจียรวนนท์” ประธานกรรมการ นำทัพซีพีอาสาลงพื้นที่หาดใหญ่ มอบถุงกำลังใจผ่านกองทัพเรือ พร้อมเดินหน้า ‘ฟื้นคน-ฟื้นชุมชน-ฟื้นเศรษฐกิจ’ หลังน้ำท่วมใต้
เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เดินหน้าภารกิจช่วยเหลือและฟื้นฟูภาคใต้ต่อเนื่อง ภายใต้นโยบายของ “3 ประธาน” - นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ และนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร - ที่ย้ำชัดว่าในยามที่ประเทศเผชิญภัยพิบัติ ซีพีจะต้องเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญของสังคมไทย โดยใช้ศักยภาพขององค์กรสนับสนุนภาครัฐและชุมชนให้ยืนหยัดได้โดยเร็วที่สุด
สพฐ. ระดมคาราวานใหญ่ลงใต้ ส่งมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนหลังสถานศึกษากว่า 800 แห่งได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ดร.ศักดิ์สิน โรจน์สราญรมย์ หนุนรถบรรทุกเสริมกำลังขนส่งสิ่งของ ขณะรัฐมนตรีศึกษาธิการย้ำยืนเคียงข้างครู-นักเรียนจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย.
สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ นำโดย ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดกิจกรรม “คาราวานช่วยเหลืออุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้ ประจำปี 2568” เพื่อส่งมอบความช่วยเหลือเร่งด่วนให้แก่สถานศึกษา นักเรียน ครู และบุคลากรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมหลายจังหวัดในภาคใต้
วิริยะประกันภัย ผุดมาตรการเร่งช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุวิกฤตอุทกภัยภาคใต้
วิริยะประกันภัย เดินหน้ามาตรการรับมือวิกฤตอุทกภัยภาคใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิบัติการ FIRST AID ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย
'อนุทิน' ยันไม่มีดีลเพื่อไทยชะลอยื่นซักฟอกรัฐบาล
"อนุทิน" ลั่นเตรียมทุกอย่างให้พร้อมรอเลือกตั้ง ยังไม่บอกพร้อมจับมือหลังลต.กับพรรคใด ไม่กังวลกระแสตกห่วงแต่แก้ปัญหาน้ำท่วมได้ไม่ทันใจ
‘อรรถพล’สั่งระดมกำลังเร่งฟื้นฟูน้ำท่วมใต้ยันขนส่งน้ำมันไม่กระทบ
‘อรรถพล’ ยังคงติดตามสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้อย่างต่อเนื่อง พร้อมสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบคุณภาพน้ำมันในปั๊มและการขนส่งน้ำมัน-ก๊าซหุงต้มอย่างใกล้ชิด เร่งฟื้นฟูระบบไฟฟ้า ส่งมูลนิธินายช่างไทย ใจอาสา ฟื้นฟูระบบไฟฟ้าแก่อาคารและบ้านเรือนประชาชน และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง ไส้กรองรถยนต์และรถจักรยานยนต์


