ปิดท้ายคาราวานก้าวไกล 'ธนาธร' ลั่นไม่เกรงใจใคร 'ปิยบุตร' ปลุกสาวกส้มรวมพลังขอส.ส.100คนขึ้น

ปิดท้ายคาราวานก้าวไกล ปราศรัยใหญ่เมืองปทุม 'ธนาธร' ลั่น ก.ก.ไม่เกรงใจใคร ‘ปิยบุตร’ จับสัญญาณนักร้อง ยื่นรายวัน เพราะก้าวไกลนอนมา ปลุกสาวกส้มรวมพลัง ขอส.ส.100คนขึ้น คะแนนพรรค10ล้านเสียง ย้ำ ไม่มีทุนผูกขาด-ผู้มีอิทธิพลหนุนหลัง

12 พ.ค.2566 - ช่วงค่ำของวันที่ 11 พ.ค. คาราวานก้าวไกลจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่จังหวัดปทุมธานี นำโดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล และน.ส.เบญจา แสงจันทร์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.ปทุมธานีทั้ง 7 เขต บริเวณลานข้างตลาดกินซ่า ตรงข้ามห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต จ.ปทุมธานี ท่ามกลางประชาชนจำนวนมากที่มารอฟังปราศรัย

นายธนาธร ปราศรัยว่า การเดินสายคาราวานของตนในรอบนี้ จากวันที่ 6 พฤษภาคม จนถึงวันนี้ ยิ่งเดินทางใกล้กรุงเทพฯ ยิ่งมั่นใจ ยิ่งฮึกเหิม ได้เห็นความตื่นตัวของประชาชนที่มากขึ้นทุกวัน และตนจะไม่แปลกใจเลยถ้าผลการเลือกตั้งออกมาจะส่งให้นายพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี การเดินทางของพรรคก้าวไกล 4 ปีที่ผ่านมาในสภาผู้แทนราษฏรและในฐานะฝ่ายค้าน เช่น การอภิปราย ‘มันคือแป้ง’ การคัดค้านทุนผูกขาด การเปิดโปงขบวนการไอโอกองทัพ การต่อสู้เพื่อสิทธิของแรงงาน การใช้งบประมาณของกองทัพ การทุจริตใช้นอมินีของรัฐมนตรีรับงานรัฐ การทุจริตเชิงนโยบายเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใหญ่ และเรื่องอื่นๆ ที่เราได้ต่อสู้มา คงสามารถทำให้ทุกคนตั้งคำถามได้ว่าประชาชนจะยังเอาการเมืองแบบเดิมอยู่อีกหรือไม่

นายธนาธร กล่าวต่อว่า ทุกคนได้ผ่านความเจ็บปวดในชีวิตมามากมายแล้ว ทั้งความขาดแคลนโรงพยาบาล โรงเรียน น้ำประปา แต่ประเทศไทยกลับมีเงินไปซื้อรถถัง เรือดำน้ำ และนี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลประกาศว่าจะเข้าไปแก้ไขให้ถูกต้อง ถ้านายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าพิธาจะสั่งจัดสรรงบประมาณใหม่ไปลงในสิ่งที่จำเป็นแทน เรื่องที่พวกเราทำมาทั้งหมด คือสิ่งที่เรารณรงค์มาในการหาเสียงปี 2562 ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กับทุนผูกขาด การต่อสู้กับเผด็จการ ปฏิรูประบบรัฐราชการ พรรคก้าวไกลทำได้อย่างไม่เกรงใจผู้มีอิทธิพล ไม่เกรงใจใคร นี่คือสิ่งที่พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว เราไม่เกรงใจนายพล นายทุนผูกขาด นักการเมืองไร้อุดมการณ์ที่ทุจริตคอร์รัปชัน และผู้มีอิทธิพลที่ไหน เกรงใจเจ้านายคนเดียว คือคนที่แต่งตั้งเรา คือประชาชนเท่านั้น

"ฝ่ายตรงข้ามหลายคนบอกว่าพรรคก้าวไกลไร้ประสบการณ์จะทำได้หรือไม่ ผมขอถามกลับว่าแล้วไม่ใช่คนมีประสบการณ์ทั้งนั้นหรือที่พาประเทศไทยมาถึงทุกวันนี้ ดังนั้น ประเทศไทยเวลานี้ไม่ได้ต้องการประสบการณ์เก่าๆ ที่พาประเทศไทยมาได้แค่นี้ แต่ต้องการพลังใหม่ๆ ความคิดใหม่ๆ ที่จะผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้าได้ สี่ปีที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่าพรรคก้าวไกลโดดเด่นที่สุดในสภาฯ เป็นแค่ฝ่ายค้านยังทำได้ขนาดนี้ ถ้าเราเป็นฝ่ายรัฐบาลลองคิดดูว่าจะทำได้ดีขึ้นขนาดไหน” นายธนาธร กล่าว

ด้านนายปิยบุตร ปราศรัยปิดท้ายว่า 4เหตุผลว่าทำไมต้องเลือกพรรคก้าวไกล โดยเหตุผลที่หนึ่ง คือการเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นได้จำเป็นต้องใช้คนใหม่ วิธีคิดแบบใหม่ เพราะถ้าใช้กลุ่มเดิมพรรคเดิมที่เคยมีอำนาจบริหารประเทศ เขาก็จะทำแบบเดิม พรรคก้าวไกลและนายพิธาไม่เพียงมีความสดใหม่ แต่ยังมีความกล้าหาญ กล้าเผชิญปัญหาที่ต้นตอ

เหตุผลที่สอง มีคนโจมตีว่าพรรคก้าวไกลไร้ประสบการณ์ จะปล่อยคนพวกนี้ไปลองของบริหารประเทศได้หรือ ตนยอมรับว่าพรรคก้าวไกลไม่มีประสบการณ์ คือไม่มีประสบการณ์เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน เรื่องใช้เงินซื้อสิทธิซื้อเสียง ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารประเทศจนพังมาถึงวันนี้ ไม่มีรัฐมนตรีที่มีประสบการณ์ประเภทย้ายค่ายไปมา วันหนึ่งอยู่กับพรรคทหารจำแลง ถึงเวลาก็ย้ายข้าง ชีวิตจ้องจะเป็นรัฐมนตรีตลอดกาล ก้าวไกลไม่มีคนแบบนี้

เหตุผลที่สอง พรรคก้าวไกลมีความพร้อม เตรียมนโยบายครอบคลุมทุกปัญหากว่า 300 นโยบาย พรุ่งนี้เป็นรัฐบาลพร้อมทำงานทันที โดยมีโรดแมปว่าภายใน 100 วัน ภายใน 1 ปี และภายใน 4 ปี จะทำอะไรบ้าง กล้าประกาศทั้งที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อให้พี่น้องตัดสินใจและตรวจสอบ ถึงเวลาถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่ทำตามที่พูด ประชาชนลงโทษได้ นอกจากนี้ ยังพร้อมในเรื่องจุดยืนที่มั่นคง ตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างไร พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ตั้งแต่หัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส. ยันผู้ช่วยหาเสียง ตอบคำถามที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไม่ใช่วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง ไม่มีตายไมค์

"พรรคการเมืองแบบก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองของมวลชน เมื่อเข้าไปมีอำนาจจะกล้าหาญในการบริหารจัดการเรื่องยากๆ กล้าแก้ปัญหาที่ต้นตอ เพราะไม่มีกลุ่มทุนผูกขาด ไม่มีนายพลผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง มีแต่พี่น้องประชาชน ดังนั้น หนี้บุญคุณสำหรับพรรคก้าวไกลมีคนเดียวคือประชาชน เมื่อถึงเวลามีอำนาจ ไม่ต้องเกรงใจใคร เกรงใจประชาชนอย่างเดียว" นายปิยบุตร กล่าว

เหตุผลที่สาม พรรคก้าวไกลมีความพร้อม เตรียมนโยบายครอบคลุมทุกปัญหากว่า 300 นโยบาย พรุ่งนี้เป็นรัฐบาลพร้อมทำงานทันที โดยมีโรดแมปว่าภายใน 100 วัน ภายใน 1 ปี และภายใน 4 ปี จะทำอะไรบ้าง กล้าประกาศทั้งที่ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล เพื่อให้พี่น้องตัดสินใจและตรวจสอบ ถึงเวลาถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่ทำตามที่พูด ประชาชนลงโทษได้ นอกจากนี้ ยังพร้อมในเรื่องจุดยืนที่มั่นคง ตรงไปตรงมา คิดอย่างไรพูดอย่างไร พูดอย่างไรทำอย่างนั้น ตั้งแต่หัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส. ยันผู้ช่วยหาเสียง ตอบคำถามที่ไหนก็เหมือนกันหมด ไม่ใช่วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอย่าง ไม่มีตายไมค์

ส่วนเหตุผลข้อที่สี่ เป็นเรื่องสำคัญ คือนโยบายดีๆ ที่พรรคก้าวไกลมุ่งนำเสนอ เป็นนโยบายที่มีลักษณะปรับโครงสร้างทางอำนาจทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ ดึงอำนาจที่เคยผูกขาดอยู่ที่ใครกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง มาจัดสรรปันส่วนใหม่ เช่น ปฏิรูปที่ดิน สวัสดิการถ้วนหน้า รถเมล์ไฟฟ้าทุกจังหวัด น้ำประปาสะอาดดื่มได้ทั้งประเทศ ปฏิรูปกองทัพ เอานายพลคนทำรัฐประหารเข้าคุก เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับให้เป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งหมดนี้จะเกิดได้ ต้องใช้เสียงประชาชนมหาศาล ต้องให้เราเป็นพรรคอันดับหนึ่ง จึงจะทำได้สำเร็จทั้งหมด

นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า กระแสของพรรคก้าวไกลขึ้นสูงมาก คาราวานก้าวไกลเดินทางไปที่ไหน คนเต็มทุกเวที แม้ดึกประชาชนก็อยู่รอถ่ายรูป รถไปไหนพี่น้องก็วิ่งตามส่งเสียงเฮ และอีกอย่างที่สะท้อนชัดว่าก้าวไกลมาแน่ คือบรรดานักร้องที่ขยันทำงาน ทำให้คนบางส่วนกังวลว่าเราจะไปรอดหรือไม่ แต่ตนต้องบอกว่าขบวนการแบบนี้คือนิติสงคราม ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทำลาย ทำแบบนี้มาเกือบ 20 ปี แม้ในทางกฎหมายเราต้องต่อสู้อย่างเต็มที่ แต่ต้องมีอีก 2-3 เครื่องมือคือ (1) ช่วยกันกาพรรคก้าวไกลให้มี ส.ส. มากที่สุดเกิน 100 เสียง จะเป็นการส่งสัญญาณว่ายิ่งร้องมามากเท่าไร ยิ่งเจอพวกข้า (2) ขอคะแนนเสียงทั่วประเทศ (Popular Vote) มากกว่า 10 ล้านเสียง และ (3) ต้องมีภาพคนแน่นทุกเวทีแบบนี้ โดยเฉพาะในการปราศรัยใหญ่ครั้งสุดท้ายวันที่ 12 พฤษภาคม ที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง จุได้ทั้งด้านในด้านนอกประมาณ 35,000 คน ซึ่งตนเชื่อว่าประชาชนจะมาร่วมมากกว่านั้น ส่วนในจังหวัดอื่นๆ จะมีถ่ายทอดสดด้วย

“แสดงให้เห็นว่าพรรคก้าวไกลมีมวลชนอันไพศาลอยู่ข้างหลัง กระบวนการนิติสงครามที่กำลังขับเคลื่อน พวกคุณกลับไปทบทวนใหม่ หยุดได้ก็หยุดเสีย อย่าให้ต้องเบ่งกล้ามแข่งกัน มีแต่วิธีแบบนี้เท่านั้น จึงจะปกป้องทุกคะแนนเสียงที่พี่น้องมอบความหวังให้พวกเรา มีแต่แบบนี้ที่จะยืนยันว่าพิธาและก้าวไกลได้ไปต่อ ยิ่งใช้วิชามารเท่าไหร่ ยิ่งกดเราเท่าไร พี่น้องประชาชนตอบกลับไปดังๆ ว่าไม่เป็นไร ไม่กลัว พวกเรายังสนับสนุนพรรคก้าวไกลต่อไป” นายปิยบุตร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ฟาด 'พรรคส้ม' ป่วยหนักทั้งพรรค 6 ปีแล้ว ก็ยังพ่นน้ำลายด้วยถ้อยคำเท่ๆ

วิมล ไทรนิ่มนวล นักเขียนวางวัลซีไรต์ แชร์ภาพพร้อมข้อความของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่เคยกล่าวไว้ว่า "วอนเห็นใจพม่า ให้เห็นว่าเป็นลูกหลาน"

'ปิยบุตร' โวยนักการเมืองขี้ขลาด รังเกียจนิรโทษคดี ม.112 เพราะยังไม่มี 'ใบอนุญาต'

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า เหตุที่บรรดานักการเมืองและพรรคการเมืองจำนวนมากตั้งข้อรังเกียจกับการนิรโทษกรรมในความผิดการแสดงออกทางการเมือง โดยรวมความผิดตามมาตรา 112 ไปด้วยนั้น

'ปิยบุตร' ร่ายยาว ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดีจำนำข้าว

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊ก หัวข้อ [ไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด คดี “จำนำข้าว”] มีเนื้อหาดังนี้

'ปิยบุตร' ฟาด 'เพื่อไทย' สารพัดเรื่องที่ประกาศหาเสียงไว้ไม่ทำ ดันเลื่อนกม.กาสิโนแซงคิววาระอื่น

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความภายหลังสภาผู้แทนราษฎร เลื่อน ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ขึ้นมาพิจารณา ในวันที่ 9 เม.ย.ก่อนวาระอื่นๆ ว่า

'ดร.นิว' ลอกคราบ 'ปิยบุตร' บิดเบือนการต่อสู้ระหว่าง 'พลังเก่า' กับ 'พลังใหม่'

ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า ลอกคราบบิดเบือนของปิยบุตรในรอบปี 2568