รทสช. เปิด 3 แคนดิเดตนายกฯ "พีระพันธุ์-อรรถวิชช์-นราพัฒน์" ชูสโลแกน “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” ดันนโยบาย มั่นคง-ศก.-ปากท้อง พร้อมส่งกทม.ครบ 33 เขต
22 ธันวาคม 2568 - เมื่อเวลา 13.20 น. ที่พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมด้วย นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี รองหัวหน้าพรรค และนายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค แถลงนโยบายพรรค พร้อมเปิดสโลแกนพรรค “เด็ดขาดแก้วิกฤต พลิกโฉมประเทศ” และเปิดแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ได้แก่ นายพีระพันธุ์ นายอรรถวิชช์ และนายนราพัฒน์
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ที่ตนยืนอยู่ตรงนี้ในฐานะผู้นำพรรครวมไทยสร้างชาติ เพื่อประกาศให้ประชาชนรู้ว่าเราจะแก้ไขปัญหาของประเทศอย่างไรบ้าง ทั้งปัญหาความมั่นคง การปะทะกันที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ปัญหาค่าครองชีพ ปัญหาการทุจริต การโกงชาติ สแกมเมอร์ และปัญหาเศรษฐกิจฐานราก พรรครวมไทยสร้างชาติตระหนักถึงสิ่งเหล่านี้ ที่ผ่านมาตนประกาศมาตลอดว่าเราไม่ได้เล่นการเมือง แต่เรามาทำงานการเมืองให้กับพี่น้องประชาชน จากนี้ไปเราจะล้างบางความเสียหาย ความชั่ว ความที่ไม่มีการเอาจริงเอาจังทำให้ประเทศเกิดวิกฤต เราจะมาล้างบางความชั่วเหล่านี้ให้หมดแผ่นดินไทย
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ภารกิจหลักของเราประการแรกต้องรักษาธิปไตยของชาติ หนึ่งตารางนิ้วของประเทศไทยเสียไม่ได้เด็ดขาด เราจะยกเลิกเอ็มโอยู 43-44 ซึ่งประเทศไทยไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ทำตัวเป็นคนดีแต่ถูกรังแกมาตลอด ศักดิ์ศรีถูกเหยียบย่ำ เราจะไม่ยอมอีกต่อไป แผ่นดินไทยทุกตารางนิ้วต้องกลับคืน เส้นเขตแดนทางทะเลต้องเป็นของเราที่ถูกต้องตามกฏหมายสากลทั้งหมด ปัญหาพลังงานใต้ท้องทะเลประเทศไทยต้องนำกลับขึ้นมา เราไม่ได้ไปโกงใคร แต่เราต้องทำเด็ดขาด ต้องสร้างรั้วชายแดน ซึ่งที่ผ่านมาเข้า-ออกทั้งผู้ค้ายาเสพติด สแกมเมอร์ ทุนเทา ค้ามนุษย์ แต่ที่แย่ที่สุดมีการเข้ามาฝังทุ่นระเบิด เราจะไม่ปล่อยให้ใครทำแบบนี้กับแผ่นดินไทยและทหารไทยเด็ดขาด เราจะสร้างรั้วใช้งานอย่างจริงจัง จะป้องกันอธิปไตยของชาติจากการรุกรานทุกรูปแบบและการเข้ามาของคนชั่วที่มาทำมาหากินในประเทศไทย แต่ทั้งหมดนี้ขวัญกำลังใจ ของชาติคือทหาร ที่ขาขาดกี่ขา บาดเจ็บกี่คน เราต้องดูแล เพราะฉะนั้นทุกคนที่ออกรบจะได้เบี้ย 200,000 บาทในการดูแล และทหารใหม่ที่สมัครใจเกณฑ์ทหารรับคนละ 30,000 บาท ทั้งนี้ทหารเกณฑ์ส่วนใหญ่รายได้น้อยและต้องดูแลครอบครัว ก็รับไปเลยเงินเดือนบวกเงินค่าครองชีพเดือนละ 15,000 บาท
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ประการที่สอง เราต้องกำจัดพิฆาตคนชั่วคนโกงชาติโกงแผ่นดินต้องประหารให้หมด พวกสแกมเมอร์ต้องโทษหนักประหารชีวิตสูงสุด รวมไทยสร้างชาติจะแก้กฎหมายทันทีที่เราเป็นรัฐบาล จะออกพระราชกำหนดประหารคนชั่วเหล่านี้ให้ออกจากแผ่นดินและคนชั่วที่โกงเงินชาตินอกจากประหารชีวิตแล้วลูกหลานต้องชดใช้เงินแผ่นดินด้วย
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า และวันนี้ภาระของทุกคนคือค่าของชีพที่รัฐบาลสามารถช่วยได้คือทุบค่าพลังงาน ถ้าตนเป็นรัฐมนตรีน้ำมันเบนซิน ดีเซล 30 บาทเท่านั้น และได้เตรียมการไว้แล้วสามารถทำได้ทันที ยืนยันว่าเราจะไม่ยอมอ่อนข้อให้กับนายทุน ไม่ว่าทุนเทาหรือทุนพลังงาน ส่วนค่าไฟถูกลงได้อีก 3.3 บาท/หน่วย
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า อีกเรื่องคือนโยบายปฏิรูปการศึกษา ที่พ่อแม่เครียดอนาคตลูก เด็กเครียดในการสอบเข้า เราจะปฏิรูปการศึกษา เด็กอยากเรียนอะไรต้องได้เรียนทุกคนไม่ต้องเครียดกับการสอบเข้าและการติวอีกต่อไป และให้ใช้หนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ด้วยการทำงาน จะไม่มีการฟ้องคดีอีกต่อไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวด้วยว่า รวมไทยสร้างชาติเข้าสนามรบเลือกตั้งเพื่อเอาชนะวิกฤตชาติด้วยความเด็ดขาด เพื่อประโยชน์ของประชาชน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรค ทั้งนี้รวมไทยสร้างชาติ จะส่งตัวแทนของผู้สมัครกรุงเทพมหานคร ครบทั้ง 33 เขตเลือกตั้ง
ด้านนายอรรถวิชช์ กล่าวถึงนโยบายด้านเศรษฐกิจว่า เศรษฐกิจไทยยํ่าอยู่กับที่มา 20 กว่าปี เพราะประเทศไทยไม่สามารถมีธุรกิจรูปแบบใหม่เกิดขึ้นได้ และถูกยํ้าด้วยการผูกขาดทางธุรกิจอยู่สองอย่าง คือธุรกิจพลังงาน กับธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น พรรครวมไทยสร้างชาติจึงเสนอนโยบาย เพื่อให้เกิดการสร้างงาน คือ
1.การปล่อยเสรีโซล่าเซลล์ ให้ประชาชนสามารถติดตั้งโซล่าเซลล์ได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ประชาชนประหยัดค่าไฟแล้ว จะตอบสนองต่อธุรกิจใหม่ๆ ที่ต้องการพลังงานสะอาด 100 เปอร์เซ็นต์ เช่น ดาต้าเซ็นเตอร์ เซมิคอนดักเตอร์ ธุรกิจเหล่านี้ต้องการพลังงานมหาศาล แต่รัฐส่งไฟให้เขาไม่ได้ เพราะมัวแต่เกรงใจทุนพลังงาน ซึ่งนโยบายนี้จะเปิดให้ประชาชนสามารถขายได้เลย
2.ลบประวัติเครดิตบูโร จ่ายจบกู้ใหม่ได้ทันที เพราะคนที่ติดเครดิตบูโรในประเทศนี้มี 5 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นคนวัยทำงาน กล่าวคือ หนี้ครัวเรือนสูง แต่ไม่เกิดการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์ วันนี้เรากำลังเอาคนชั้นกลางไปเจอดอกเบี้ยแพง เพราะปล่อยให้ธนาคารผูกขาด ดังนั้น นโยบายนี้ออกมาเพื่อไม่ให้เกิดการแช่แข็งลูกหนี้ และเป็นการชนกับทุนธนาคารที่ต้องใช้ความเด็ดขาด
3.นโยบายราชการงานไว หลายใบอนุญาต จบที่หนึ่งคำขอ เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจ และป้องกันไม่ให้ข้าราชการเกิดการโกงกิน
ขณะที่ นายนราพัฒน์ กล่าวถึงนโยบายการเกษตรว่า เรื่องปุ๋ยที่เรามีทรัพยากรโพแทสเซียม แต่ไม่สามารถเอามาทำเป็นแม่ปุ๋ยใช้ได้ ตนเชื่อว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ จะดึงโพแทสเซียมมาทำปุ๋ย และทำให้ราคาปุ๋ยไม่เกินกระสอบละ 500 บาท
และวันนี้เราจะไม่มีการทะเลาะกันระหว่างรัฐกับประชาชนในเรื่องที่ดินทำกิน ตรงไหนคือที่ดินของรัฐ ตรงไหนคือที่ดินของประชาชน รวมถึงการออกโฉนดที่ดิน ที่ใช้เวลายาวนาน เราจะมีการตั้งศาลที่ดินดูแลประชาชนในเรื่องที่ดินทำกินโดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทะลุ 2 แสนคน แห่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า-นอกราชอาณาจักร
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สรุปจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า และเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 21 ธ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สองของการเปิดให้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้า พบว่า มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
'อนุทิน' ยังนิ่ง! ไม่ตอบโต้ 'เท้ง' ปิดประตูร่วมรัฐบาลกับภูมิใจไทย
"อนุทิน" บอกหลังเลือกตั้งพร้อมจับมือกับพรรคที่สร้างประโยชน์ให้บ้านเมือง ไม่อยากพูดก่อน ผลลต.ออก เดี๋ยวทำไม่ได้ใครพูดก่อนต้องกลืนน้ำลาย
'วราวุธ' เผยอบอุ่น-มีพลังอยู่บ้านภูมิใจไทย ไม่แคร์ 'ยศชนัน' เปิดซิงสุพรรณฯ ลั่นเจาะได้ก็ลองกันดู
“วราวุธ” ลั่น "เจาะได้ก็ลองกันดู" หลัง “ยศนัน” หอบคณะเพื่อไทย ลงพื้นที่หาเสียงสุพรรณบุรี บอก แย่งพื้นที่ได้หรือไม่ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน
พท. ตีปี๊บ! 'ยศชนัน' เรตติ้งพุ่ง นำทัพ กทม. สมัคร 27 ธ.ค.
'ประเสริฐ' เชื่อ 'ยศชนัน' ดึงคะแนนคนที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครได้ เตรียมเปิดตัว สส. ทั้ง 500 คน 25 ธ.ค. เคลียร์ปม 'จาตุรนต์' ลาออกปธ.ยุทธศาสตร์
'ภท.' เปิด 100 ชื่อปาร์ตี้ลิสต์ จับตา 24 ธ.ค. 'อนุทิน' แถลงนโยบาย โชว์ 3 แคนดิเดตนายกฯ
'ภท.' เปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์แบบไม่จัดอันดับ คนดัง-บ้านใหญ่-ทายาทนักการเมืองมาครบ จับตา 24 ธ.ค. 'อนุทิน' นำแถลงนโยบาย พร้อมเปิดตัว 3 ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ
'รทสช.' เตรียมเปิดตัว แคนดิเดตนายกฯ-นโยบายพรรคชุดแรก 22 ธ.ค.นี้
พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เตรียมแถลงเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และนโยบายชุดแรก ในวันที่ 22 ธ.ค.68 เวลา 13.00 น. ณ ที่ทำการพรรค

