นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล ‘คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล’ พบได้ไม่บ่อย

นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุพบไม่บ่อย กรณีโพลสะท้อนกระแสการเมือง “คนกรุง” เกือบครึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร-พรรคใด เชื่อจุดตัดสำคัญอยู่หลังปีใหม่ที่การหาเสียงจะจริงจัง ระบุ แชมป์เก่า “ปชน.” ชนะเพราะผู้นำเป็นแม่เหล็ก เสริมด้วยกระแส “มีลุงไม่มีเรา” แต่รอบนี้ “เท้ง” ยังไม่ดึงดูดพอและไม่มีกระแสส่ง ต้องรอดูแคมเปญหลังจากนี้

23 ธันวาคม 2568 - จากกรณีที่ศูนย์สำรวจความคิดเห็นนิด้าโพลของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง กระแสการเมือง กรุงเทพมหานคร ซึ่งทำการสำรวจระหว่างวันที่ 15-18 ธ.ค. 2568 พบว่าบุคคลที่คนกรุงเทพมหานคร (กทม.) จะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 47.25 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ขณะที่พรรคการเมืองที่คน กทม. จะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 40.20 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้เช่นกัน

ดร.ปุรวิชญ์ วัฒนสุข อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เปิดเผยว่า การที่กระแสการเมืองใน กทม. ยังมีผู้ที่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใครหรือพรรคใดถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เกิดขึ้นได้ในทุกๆ การสำรวจความคิดเห็น ทว่าในครั้งนี้กลุ่มก้อนของผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจในพื้นที่ กทม. มีจำนวนถึงเกือบครึ่งหนึ่งของโพล ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ และมีนัยสำคัญ จึงเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ค่อยพบเห็นมากนักในการเลือกตั้งก่อนหน้านี้

ทั้งนี้ ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นสามารถตั้งสมมติฐานได้ทั้งรูปแบบระยะสั้นและระยะยาว สำหรับในระยะสั้นเป็นไปได้ว่าผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน กทม. ยังอยู่ในช่วงของการชั่งน้ำหนักและเกิดความลังเลจริงๆ ว่าจะเลือกใคร แต่คิดว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงปี่กลองของการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งเข้มข้นขึ้นในช่วงหลังปีใหม่ 2569 เป็นต้นไป จะต้องกลับมาดูโพลกันอีกสัก 2 ครั้งในเดือน ม.ค. 2569 เพราะเมื่อการหาเสียงเริ่มเข้มข้นขึ้นจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตัวเลขของผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจเริ่มลดลงโดยธรรมชาติ

ขณะที่สมมติฐานระยะยาว จะเป็นในทางกลับกัน กล่าวคือหากความลังเลหรือความไม่แน่ใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งใน กทม. ยังไม่ลดลง ก็มีความเป็นไปได้ว่าผู้คนอาจรู้สึกว่าไม่มีตัวเลือกใดเลยที่มีความเหมาะสม ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ จุดวัดใจของทุกพรรคการเมืองจะเกิดขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์สุดท้ายของการเลือกตั้งว่าจะงัดไพ่เด็ดหรือกลยุทธ์อะไรออกมา

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการที่แชมป์เก่าที่เคยครองพื้นที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ถึง 32 เขต ใน กทม. จากการเลือกตั้งในปี 2566 อย่างพรรคประชาชน หรือพรรคก้าวไกลเดิม จะสามารถทำได้เหมือนเดิมหรือไม่นั้น มองว่าขณะนั้นเกิดขึ้นได้เพราะกระแสมีลุงไม่มีเรา ที่ทำให้สามารถช่วงชิงคะแนนเสียงจากผู้ที่ยังลังเลว่าจะเลือกใคร จนคว้าชัยชนะได้ในโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้ง แต่ความท้าทายในครั้งนี้คือยังไม่มีกระแสส่งเหมือนครั้งนั้น กระนั้น กระแสก็เป็นสิ่งที่สามารถสร้างขึ้นได้ ฉะนั้นแคมเปญของพรรคประชาชนหลังปีใหม่จะเป็นจุดชี้ชะตา

“หากถามว่าแล้วจะมีปัจจัยอะไรที่ทำให้คนกรุงเทพฯ เปลี่ยนใจไปจากส้ม ก็ต้องยอมรับว่าไม่ใช่ทุกคนในกรุงเทพฯ ที่เลือกเพราะความเป็นพรรค ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในแม่เหล็กสำคัญในการดึงคะแนนมาคือตัวผู้นำพรรค แต่ตอนนี้จากคะแนนล่าสุดของคนที่จะเป็นนายกฯ ของนิด้าโพลระบุว่า คุณเท้ง ณัฐพงษ์ มีคะแนนอยู่ที่ 16.95% แต่คะแนนพรรคประชาชนอยู่ที่ 26.25% ซึ่งมีช่องว่างอยู่ ขณะที่คะแนนของแคนดิเดตนายกฯ ท่านอื่นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับคะแนนนิยมของพรรคจะไม่ห่างกันเยอะ ดังนั้น คิดว่าปัจจัยสำคัญตอนนี้คือตัวผู้นำพรรคส้มกระแสยังไม่ดึงดูดเท่าสองคนก่อนหน้านี้ แต่ต้องรอให้เข้าสู่ช่วงหลังปีใหม่ว่าแคมเปญต่างๆ ที่เชื่อว่าพรรคจะจัดชุดใหญ่ออกมา จะสามารถสร้างกระแสให้กระพือได้เหมือนสองครั้งก่อนหน้านี้หรือไม่ เดือนหน้าจะเป็นตัวชี้วัดว่าส้มจะมาหรือไม่มาใน กทม.” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งทางพรรคเชื่อว่าจะมีแนวโน้มของคะแนนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็น่าจะยังมีฐานเสียงเดิมที่ให้การสนับสนุนอยู่อีกจำนวนไม่น้อย อีกทั้งการที่ภูมิทัศน์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาจากการไม่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้เป็นตัวเลือกหลักของชนชั้นกลางกลุ่มอนุรักษ์นิยมในพื้นที่ กทม. แล้ว จึงเป็นไปได้ที่ฐานคะแนนจากส่วนนี้ยังอยู่ในช่วงของการชั่งน้ำหนักอยู่เช่นกันว่าจะเลือกพรรคการเมืองใดเป็นตัวแทน และพรรคประชาธิปัตย์เองก็เห็นในจุดนี้และมีความพยายามที่จะสร้างภาพลักษณ์ของการเป็นทางเลือกใหม่ให้กับฝั่งอนุรักษ์นิยม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์เลยจุดสูงสุดไปแล้ว และคงไม่สามารถคว้าที่นั่งได้เป็นหลักร้อยเหมือนเช่น 10 กว่าปีก่อน ฉะนั้นความท้าทายจึงอยู่ที่ว่าจะสามารถเปลี่ยนใจคน กทม. ให้กลับมาเลือกพรรคได้มากน้อยแค่ไหน

ดร.ปุรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนพรรคที่ก่อนหน้านี้ไม่เน้นการสร้างกระแส และมีฐานเสียงสำคัญอยู่ในต่างจังหวัดอย่างพรรคภูมิใจไทย ซึ่งไม่สามารถคว้าชัยชนะใน กทม. ได้เลยจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จะสังเกตเห็นว่าในครั้งนี้ทางพรรคภูมิใจไทยมีความพยายามที่จะรีแบรนด์ตัวเองตั้งแต่ช่วงต้นปีเพื่อให้เป็นทางเลือกหนึ่งของฐานเสียงกลุ่มอนุรักษ์นิยม

“ประจวบเหมาะกับเหตุการณ์ปะทะไทย-กัมพูชา ที่คุณอนุทิน ก็เล่นบทบาทการเป็นคนรักชาติ ซึ่งหากพูดกันตามข้อเท็จจริง สิ่งเหล่านี้ก็โดนอกโดนใจโหวตเตอร์อนุรักษ์นิยมจำนวนไม่น้อยกับแนวทางของการพิทักษ์ผืนแผ่นดินไทยแบบนี้ ก็อาจจะเป็นอีกทางเลือกที่คนกรุงเทพฯ จำนวนหนึ่งไปกาให้ภูมิใจไทย และคุณอนุทิน แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนจากฝั่งอนุรักษ์นิยมที่จะกาพรรคภูมิใจไทยได้ เพราะติดความรู้สึกว่าเป็นพรรคที่มาจากบุรีรัมย์ ไม่ใช่พรรคแบบคนกรุง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือคุณอนุทิน ก็ดึงเทคโนแครตอย่างคุณศุภจี คุณเอกนิติ คุณสีหศักดิ์ มาร่วมพรรคเพื่อเป็นภาพโชว์ว่าเราเป็นพรรคที่มีศักยภาพ และพร้อมทำงานโดยมืออาชีพ ซึ่งเชื่อว่าจะดึงคะแนนได้จำนวนหนึ่ง แต่แค่การเอา 3 คนที่มีโปรไฟล์ดีมาเข้าร่วมก็ไม่ง่าย เพราะคน กทม. ยังติดภาพจำเดิมๆ ของภูมิใจไทย ซึ่งโหวตเตอร์กลุ่มนี้จะมีแนวโน้มไปเลือกคุณอภิสิทธิ์มากกว่า จึงเป็นเหตุผลให้คุณอภิสิทธิ์พยายามวาดภาพว่าตนเป็นทางเลือกเช่นกัน ดังนั้น จะเห็นได้ว่าฐานของฝั่งอนุรักษ์นิยมจะไม่ได้เป็นฐานเดียว ซึ่งประชาธิปัตย์กับภูมิใจไทยต่างก็ต้องช่วงชิงจากฐานตรงนี้” ดร.ปุรวิชญ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ครม. เห็นชอบงบเลือกตั้ง-ทำประชามติ 8,978 ล้าน

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.อนุมัติงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดการเลือกตั้ง สส.เป็นการทั่วไป

‘กล้าธรรม’ คึกคัก เปิดเวที Primary Vote เคาะทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สมุทรปราการ ครบ 8 เขต

พรรคกล้าธรรมจัดประชุม Primary Vote จังหวัดสมุทรปราการ สมาชิกพรรคลงมติเห็นชอบว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ทั้ง 8 เขต เตรียมลุยศึกเลือกตั้ง 8 กุมภาพันธ์ 2569

‘แรมโบ้อีสาน’ ลง สส.เขต 10 โคราช พรรคพลังประชารัฐ

เสกสกล อัตถาวงศ์ เผยลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. เขต 10 นครราชสีมา ในนามพรรคพลังประชารัฐ ระบุเคยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในพื้นที่มาก่อน พร้อมเตรียมลงพื้นที่หาเสียงตามเขตเลือกตั้ง

อดีตพรรคส้มโวย ถูกถอดชื่อว่าที่ผู้สมัคร สส. รับไม่ได้ลาออกทันที

อดีตสมาชิกพรรคประชาชน จ.กระบี่ เปิดใจ หลังถูกถอดชื่อออกจากบัญชีว่าที่ผู้สมัคร สส. ทั้งที่ประกาศชื่อผ่านสื่อแล้ว ชี้คำอ้างผิดพลาดฟังไม่ขึ้น ลาออกพรรค พร้อมเตรียมซบพรร

ดร.กิตติธัช สอนพวกเท้าราน้ำ 'การทำลายให้สิ้นสภาพ' ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา

นักวิชการ อธิบายชัดการทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา หรือทำลายกองทัพกัมพูชาแบบเบ็ดเสร็จ

'ภท.' เปิดตัว 5 ผู้สมัคร สส.พิษณุโลก 'จุติ' นำทัพ คัมแบ็กลงเขต

ภท. เปิดตัวผู้สมัคร สส. พิษณุโลก ครบทั้ง 5 'จุติ ไกรฤกษ์' นำทัพ พร้อมจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นและปัญหาจากสมาชิกพรรค เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง