'อ.หริรักษ์' เผยเหตุซ้ำรอย 'หมอกระต่าย' ผู้หญิงโดนรถชนเสียชีวิตอีก วอนช่วยกระทุ้งนายกฯลงมาลุยเอง

'อ.หริรักษ์'กระตุกสังคมลืมเหตุการณ์'หมอกระต่าย'ที่เพิ่งผ่านมาเพียงเดือนครึ่ง เผยเหตุซ้ำรอยผู้หญิงขายอาหารในสำนักงานยูเอ็นข้ามถนนโดนรถชนเสียชีวิต วอนช่วยกระทุ้งนายกฯลงมาจับเรื่องนี้ด้วยตนเอง

16 มี.ค.2565 - รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

วันที่ 26 มกราคม 2565 คุณหมอกระต่ายถูกคนขับมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นตำรวจ ชนเสียชีวิตขณะเดินข้ามถนนบนทางม้าลาย หลังจากนั้นเกิดการตื่นตัวกันขนานใหญ่ต่อเรื่องนี้ สื่อทุกชนิดทุกค่ายขยายผลกันยกใหญ่ ผู้ที่มีชื่อเสียงแทบจะทุกคน รวมทั้งบรรดาผู้ที่เปิดตัวว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ออกมาแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ กทม รีบไปทาสีทางม้าลายที่เกิดเหตุใหม่ อย่างน้อย 2 จังหวัดมีการทำทางม้าลายให้เป็นสีแดง มีการทดลองทำทางม้าลาย 3 มิติ นายกรัฐมนตรีสั่งกำชับให้ทุกฝ่ายช่วยกันป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก

การกระทำทั้งหมดที่ผ่านมา เป็นการกระทำที่เป็นการต่างคนต่างทำ ไม่มีการบูรณาการ และในระดับรัฐบาลก็ไม่มีใครคิดที่จะเปลี่ยนความเข้าใจผู้ขับรถเสียใหม่ว่า การไม่หยุดรถให้คนข้ามถนนบนทางข้าม เป็นการทำผิดกฎหมาย ยิ่งไม่มีใครคิดจะป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกอย่างเป็นระบบ กล่าวคือวางแผนที่ครอบคลุมทุกมิติ และดำเนินการตามแผนนั้นอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้มีผู้เสียชีวิตในลักษณะนี้อีก

เหตุการณ์ของคุณหมอกระต่ายเพิ่งผ่านมาเพียงเดือนครึ่ง ทุกสื่อเงียบสนิท จนขณะนี้ทุกคนดูเหมือนจะลืมเหตุการณ์นี้กันหมดแล้ว ทุกอย่างบนท้องถนนกลับมาสู่สภาพเดิม ผู้ขับรถที่ปกติหยุดให้คนข้ามถนนบนทางข้าม ก็ยังปฏิบัติตามเดิม ส่วนคนที่ไม่เคยหยุดซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ก็ไม่หยุดเหมือนเดิม คนข้ามถนนก็ยังคงไม่คุ้นชินกับคนที่หยุดรถให้เช่นเดิม

สัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนธรรมดาเพศหญิงคนหนึ่ง มีอาชีพขายอาหารอยู่ที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติ ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ มาซื้อของที่บางลำพู ซื้อของแล้วเดินกลับมารอข้ามถนนตรงหน้าห้าง New World เก่า ซึ่งเป็นทางม้าลาย เพื่อจะข้ามไปอีกฝั่งตรงร้านฮ่องกงนูดเดิ้ล ซึ่งอยู่ตรงมุมถนนสามเสนกับถนนพระอาทิตย์ เมื่อรถบนถนนสามเสนติดไฟแดง เธอจึงได้สัญญานไฟเขียว และเตรียมจะเดินข้าม ปรากฏมีรถประจำทางที่มาจากถนนพระอาทิตย์ ซึ่งกำลังได้ไฟเขียว รถประจำทางไม่ได้ตรงไปทางวัดบวรนิเวศน์วิหาร แต่เลี้ยวขวาที่สี่แยกเพื่อไปทางด้านห้างตั้งฮั่วเส็ง และร้านน้ำพริกนิตยาด้วยความเร็ว เธอเห็นจึงยังไม่ข้าม เมื่อรถเมล์คันแรกผ่านไปอย่างฉิวเฉียด จะด้วยความไม่รอบคอบหรืออย่างไรไม่ทราบ ทันทีที่รถเมล์คันแรกผ่านไป เธอจึงรีบก้าวเท้าข้ามถนนบนทางม้าลาย คงไม่ได้มองว่ายังมีรถประจำทางคันที่สองเลี้ยวขวาตามมาด้วยความเร็วยิ่งกว่า จึงชนเธออย่างจัง ในที่สุดเธอไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลวชิระ

เหตุการณ์นี้เป็นเพียงข่าวเล็กๆที่ไม่ค่อยมีคนสนใจ และก็ไม่ทราบว่ามีผู้เสียชีวิตแบบนี้อีกกี่รายทั่วประเทศ นับตั้งแต่เราเริ่มตื่นตัวจากกรณีคุณหมอกระต่าย เมื่อไรรัฐบาลจะให้ความสำคัญกับเรื่องนี้สักที เพราะการแก้ปัญหาใช้วิธีสั่งการและกำชับกำชาไม่ได้ แต่ต้องสร้างกระบวนการป้องกันให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง มีการติดตามวัดผลทุกเดือน ที่สำคัญคือต้องให้ทั้งผู้ขับรถ คนข้ามถนน และตำรวจจราจร เข้าใจตรงกันว่ารถต้องหยุดให้คนข้ามถนนบนทางม้าลาย มิฉะนั้นต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย และมีมาตรการจับปรับที่ได้ผล กระบวนการดังกล่าวนี้เกี่ยวข้องกับหน่วยงานหลายหน่วยงาน จึงจำเป็นต้องเป็นงานระดับรัฐบาล ไม่อาจมอบให้หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งไปคิดเองทำเองได้

โปรดอย่าได้เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเล็กๆ เพราะผู้ที่เสียชีวิตจากการถูกรถทุกชนิดชนแต่ละปี อาจมีจำนวนมากกว่าผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด 19 ทุกสายพันธุ์รวมกันเสียอีก สื่อมวลชนทุกชนิดก็ควรทำข่าวแบบนี้ให้เป็นข่าวใหญ่ทุกครั้ง เพราะชีวิตของพวกเขามีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าชีวิตของคุณหมอกระต่าย และช่วยกันทั้งกระตุ้น ทั้งกระทุ้งรัฐบาลบ่อยๆ พวกคณะที่ปรึกษานายรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ก็น่าจะช่วยกันเสนอและผลักดันให้ท่านนายกรัฐมนตรีลงมาจับเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เพราะหากทำได้สำเร็จ คะแนนนิยมจะมาเองไม่ต้องไปหาเสียงที่ไหน

ถ้ารัฐบาลทำไม่ได้หรือไม่คิดจะทำ ก็แสดงว่ารัฐบาลเห็นความสำคัญของการอยู่รอดทางการเมืองของตัวเองมากกว่าความปลอดภัยของคนข้ามถนน ดังนั้นเราก็น่าจะมองหาทางเลือกใหม่ ที่ไม่ใช่ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันในการเลือกตั้งครั้งต่อไปกันดีกว่า บางทีเราอาจจะได้รัฐบาลที่ดีกว่านี้ หรือรัฐบาลที่ไร้นักการเมืองน้ำเน่าก็ได้