
ศาลเลื่อนอ่านฎีกาครั้งที่ 3 ยาว คดี 'ธาริต' เเจ้งข้อหา 'อภิสิทธิ์-สุทเพ' สั่งฆ่าประชาชน อ้างเป็นโควิดขอเลื่อนยาว 3 เดือน พร้อมเยียวยาโจทก์คนละ3 เเสน แต่ทนายโจทก์ไม่รับจี้อ่านลับหลัง
21 เม.ย.2565 - ที่ห้องพิจารณา 809 ศาลอาญา ศาลนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ครั้งที่ 3 คดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ และอดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ผอ.ศอฉ.) ร่วมกันเป็นโจทก์ ฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ อดีตหัวหน้าชุดสอบสวนคดีการเสียชีวิตของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และ 200 วรรคสอง
กรณีเกิดเมื่อระหว่างเดือน ก.ค.2554 - 13 ธ.ค.2555 จำเลยทั้งสี่ในฐานะพนักงานสอบสวนดีเอสไอได้สอบสวนและตั้งข้อหากับโจทก์ทั้งสองฐานสั่งฆ่าประชาชน ซึ่งเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง และเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ต้องรับโทษ จากการที่ ศอฉ.ออกคำสั่งให้ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ที่ชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ให้ออกจากตำแหน่งนายกฯ จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ต่อสู้คดี
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษา ยกฟ้องจำเลยทั้งสี่ โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ขอให้ลงโทษพวกจำเลยด้วย ต่อมาศาลอุทธรณ์พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยทั้งสี่กระทำผิดตามฟ้องจริง พิพากษากลับให้จำคุกจำเลย คนละ 3 ปีลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยคนละ 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา พวกจำเลยยื่นฎีกา
นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาวันนี้ ทนายโจทก์ที่ 1-2 จำเลยที่ 2-4 ทนายจำเลยที่ 1 พนักงานอัยการในฐานะทนายจำเลยที่3-4 และในฐานะผู้รับมอบฉันทะทนายจำเลยที่1-2 และผู้รับมอบอำนาจนายประกันจำเลยทั้งสี่ มาศาล ส่วนจำเลยที่ 1 ทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มา
ทนายจำเลยที่ 1 นำเงินมาวางต่อศาลเพื่อบรรเทาความเสียหายให้แก่โจทก์ทั้งสอง คนละ 3 เเสนบาท รวม 6 แสนบาท และยื่นคำร้องขอให้ศาลส่งสำนวนคดีนี้พร้อมพยานหลักฐานใหม่อันเป็นข้อสำคัญในคดีไปยังศาลฎีกาเพื่อประกอบการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกา ตามคำร้องของวางเงินค่าเสียหายและคำร้องขอให้ส่งสำนวนไปยังศาลฎีกาฉบับลงวันที่ 19 เม.ย.2565 พร้อมเอกสารแนบท้าย
สอบทนายโจทก์ที่1-2 แล้วแถลงร่วมกันว่า ขอคัดค้านการส่งสำนวนไปยังศาลฎีกา เนื่องจากเอกสารที่จำเลยที่ 1 ประสงค์จะให้ศาลฎีกานำไปประกอบการพิจารณาพิพากษาคดีนั้น เป็นเอกสารที่มีอยู่แล้วในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น แต่จำเลยที่ 1 ไม่นำเสนอเอกสารดังกล่าวเข้ามาในสำนวน กลับปล่อยล่วงเลยจนถึงวันที่ศาลฎีกาทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นแล้ว ประกอบกับเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารนอกสำนวนจึงไม่อาจนำมาใช้ประกอบการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาได้ การส่งสำนวนพร้อมเอกสารดังกล่าวกลับไปยังศาลฎีกาจึงไม่ทำให้ผลของคดีเปลี่ยนแปลงไปและมีลักษณะเป็นการประวิงคดี ในส่วนของเงินค่าเสียหายที่จำเลยที่ 1 นำมาวางต่อศาลนั้น ทนายโจทก์ที่ 1-2 แถลงว่า ไม่ขอรับเงินดังกล่าวเนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอาญา หากโจทก์ทั้งสองประสงค์จะได้รับเงินชดใช้ค่าเสียหายก็มีสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งได้อยู่แล้ว
ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี อ้างว่าจำเลยที่ 1 มีอาการหายใจไม่ออก อ่อนเพลีย เนื่องจากผลกระทบภายหลังหายป่วยจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และแพทย์ลงความเห็นว่าจะต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 3 เดือน มิฉะนั้นอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต รายละเอียดปรากฏตามคำร้องขอเลื่อนคดี และใบรับรองแพทย์เอกสารแนบท้าย สอบทนายโจทก์ที่ 1-2 แล้ว แถลงร่วมกันว่าไม่คัดค้านการอาการป่วยของจำเลยที่ 1 แต่ขอคัดค้านว่า การที่จำเลยที่ 1 ขอเลื่อนคดีออกไป 3 เดือนนั้นเป็นเวลานานเกินไป ประกอบกับในนัดที่แล้วจำเลยที่ 1 ก็ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างอาการป่วยทำให้ไม่สามารถเดินทางมาศาลได้ในลักษณะเดียวกัน การที่ทนายจำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีออกไปเป็นระยะเวลานาน จึงมีลักษณะเป็นการประวิงคดีให้ล่าช้า ขอให้ศาลพิจารณาการอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าเนื่องจากคดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ประกอบกับจำเลยที่ 1 มีอาการป่วยไม่สามารถเดินทางมาศาลในวันนี้ได้ จึงเห็นสมควรให้ส่งคำร้องของจำเลยที่ 1 พร้อมเอกสารแนบท้าย สำนวน และซองคำพิพากษาศาลฎีกาไปยังศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่งก่อน โดยให้เลื่อนการอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในวันนี้ โดยหากศาลฎีกามีคำสั่งประการใดแล้ว จะแจ้งวันนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งให้คู่ความทราบอีกครั้งหนึ่ง ส่วนเรื่องการขอให้ศาลพิจารณาอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยที่ 1 นั้น จะพิจารณาสั่งเมื่อถึงวันนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลฎีกาในนัดหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'มาร์ค' ติดใจตั้งคนใกล้ชิด 'เบน สมิธ' นั่งที่ปรึกษา
'มาร์ค'รับทำข้อมูลบริหารราชการแผ่นดินแล้ว หากมีศึกซักฟอก โยนคำถามถึง 'รัฐบาล' ตั้งคนใกล้ชิด เบน สมิธ นั่งที่ปรึกษา เหมาะสมหรือไม่
'อภิสิทธิ์' ลั่น ปชป.พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง
'อภิสิทธิ์' เผย 'ปชป.' พร้อมคัดสรรบุคคลลงเลือกตั้ง สั่ง 'รองหัวหน้าพรรค' เตรียมการ หลัง 'กกต.' ประกาศเขตเลือกตั้งใหม่ จนนครศรีธรรมราชหาย 1 เขต
ดีเอสไอเผยคืบหน้าคดีคุกวีไอพี อธิบดีราชทัณฑ์ ยันขรก.ทุจริตต้องถูกลงโทษ
"ดีเอสไอ" เร่งสอบเส้นทางเงินผู้ต้องขังชาวจีน พร้อมเรียกเจ้าหน้าที่และอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ให้ปากคำครบทุกฝ่าย
ศาลฎีกาพิพากษายืน คุกตลอดชีวิต สมาขิกเเก๊งค้ายาเล่าต๋า
ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขดำที่อย.5907/2559 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดียาเสพติด 10 เป็นโจทก์ ยื่
รมว.ยุติธรรม เผยเจ้าหน้าที่อึดอัดพฤติกรรมอดีต ผบ.คุกพิเศษกรุงเทพ
รมว.ยุติธรรม เผยข้าราชการในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ-กรมราชทัณฑ์ สุดอึดอัดกับพฤติกรรมของ “อดีตผบ.มานพ” แย้ม ดีเอสไอเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงิน
จ่อฟันซ้ำ! 'ผบ.คุก - 19 ผู้คุม' พักราชการ-ให้ออกไว้ก่อน
'โฆษกกรมราชทัณฑ์' เผยอีก 1-2 วันนี้ เตรียมเปลี่ยนแปลงคำสั่ง 'ผบ.เรือนจำฯ-จนท.' รวม 20 ราย ส่อ 'พักราชการ-ให้ออกจากราชการไว้ก่อน ขณะที่ 'ดีเอสไอ' ลุยสอบปากคำเก็บหลักฐานมัดผิด


