'พี่ศรี' มาแล้ว ร้องกมธ.ศาสนาฯส.ส.และ ส.ว.แก้กฎหมายเอาผิดพระทำปาราชิก

'ศรีสุวรรณ' ร้องกมธ.ศาสนาฯส.ส.และส.ว.พลิกวิกฤตเป็นโอกาส แก้กฎหมายเอาผิดพระและสีกาที่เสพเมถุนอันเป็นการกระทำผิดพระธรรมวินัยขั้นปาราชิก ให้มีโทษทางอาญา

4 พ.ค.2565 - นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯได้ส่งหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อขอให้เป็นเจ้าภาพในการพิจารณาแก้ไขกฎหมายเพื่อเอาผิดพระและสีกาที่เสพเมถุน อันเป็นการกระทำผิดพระธรรมวินัยขั้นปาราชิก ให้มีโทษทางอาญา

ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรณีของสมีกาโตะและสีกาได้ออกมายอมรับกันว่าได้ร่วมกันเสพเมถุนในรถบนสันเขื่อน จนกลายเป็นข่าวโด่งดังไปทั้งประเทศอยู่ในขณะนี้ จนทำให้พระกาโตะต้องลาสิกขาไปแล้ว กลายเป็นสมีซึ่งต้องห้ามไม่สามารถกลับมาบวชเป็นพระได้อีกตลอดชีวิต แต่ในทางโลกนั้นกลับไม่มีกฎหมายใด ๆ ที่จะเอาผิดผู้ที่ร่วมกระทำการดังกล่าวได้ แม้จะเป็นการทำให้พระศาสนาเสื่อมเสียอย่างมหาศาลก็ตาม ผิดกับประเทศลาวเพื่อนบ้านเราที่เขามีกฎหมายลงโทษผู้ที่กระทำการดังกล่าวในทางอาญาโดยมีโทษจำคุกถึง 3 ปีได้

ซึ่งประเทศไทยเรากลับไม่มีกฎหมายที่บัญญัติเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวโดยตรงเลย มีแต่ประมวลกฎหมายอาญา ลักษณะ 4 เป็นความผิดเกี่ยวกับศาสนา (ม.206-208) แต่ก็เป็นเรื่องของการเหยียดหยามศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องของวัตถุหรือสถานอันเป็นที่เคารพในทางศาสนาเท่านั้น ไม่ได้บัญญัติเกี่ยวกับตัวบุคคลแต่อย่างใด หรือการก่อให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในที่ประชุมศาสนิกชนเวลาประชุมกัน นมัสการ หรือกระทำพิธีกรรมตามศาสนา และการแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นนักบวชเท่านั้น ไม่ได้มีบทบัญญัติที่จะต้องเอาผิดผู้ที่กระทำการชั่วช้าเลวทรามโดยการเสพเมถุนในขณะเป็นพระ ทำให้ศาสนาเสื่อมเสียแต่อย่างใดเลย

ส่วนในเรื่องทรัพย์สินเงินทองของพระที่ได้มาในขณะเป็นพระภิกษุนั้น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ม.1623 ระบุไว้แต่เพียงว่า ทรัพย์สินของพระภิกษุที่ได้มาในระหว่างเวลาที่อยู่ในสมณเพศนั้น เมื่อพระภิกษุนั้นถึงแก่มรณภาพ ให้ตกเป็นสมบัติของวัดที่เป็นภูมิลำเนาของพระภิกษุนั้น เว้นไว้แต่พระภิกษุนั้น จะได้จำหน่ายไปในระหว่างชีวิต หรือโดยพินัยกรรม ซึ่งไม่ได้บัญญัติป้องกันมิให้อลัชชีที่แอบเข้ามาบวชเป็นพระเอาผ้าเหลืองบังหน้าหากินสร้างชื่อเสียงมีเงินทองมากมาย จนสามารถนำไปปรนเปรอบำรุงบำเรอสีกาแอบโอนให้กันเป็นหมื่นเป็นแสนได้ หรือแอบนำไปให้ญาติซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติได้ หรือพระบางรูปเมื่อลาสิกขาแล้ว ยังสามารถขนเอาทรัพย์สินเงินทองติดตามตัวไปด้วย จนสามารถนำไปทำธุรกิจมากมาย โดยกฎหมายไม่สามารถทำอะไรได้

"เพื่อเป็นการคุ้มครองพระพุทธศาสนา โดยการมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่าในรูปแบบใด ๆ ตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 ม.67 กำหนด สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยจึงนำกรณีดังกล่าวร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) และวุฒิสภา (ส.ว.) เพื่อใช้วิกฤติเป็นโอกาสในการเป็นต้นเรื่องในการเร่งเสนอปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าว เพื่อยับยั้งและป้องปรามผู้ที่กระทำการดังกล่าวเสียโดยเร็ว" นายศรีสุวรรณ กล่าวในที่สุด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ศรีสุวรรณ' มาอย่างไว! ร้อง กกต.สอบ 'อนุทิน' หาเสียงสัญญาว่าจะให้

'ศรีสุวรรณ' มาไว! ร้อง กกต.สอบ 'อนุทิน' พูดเปิดเวทีพรรคภท.ระบุ 'ยังติดเงินพี่น้อง 2,400' เข้าข่ายหาเสียงสัญญาว่าจะให้หรือไม่

'พี่ศรี' มาแล้ว ร้องป.ป.ช.สอบ ผู้ว่ากกท.- รมว.ท่องเที่ยว จัดซีเกมส์ 33 ส่อทุจริตหรือไม่

นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ได้ยื่นคำร้องต่อคุณะกรรมการ ป.ป.ช. ณ สำนักงานใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อขอให้ไต่สวนและวินิจฉัยชี้มูลความผิด ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย(กกท.) รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา

ไม่พลาด! 'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วม 'เบน สมิธ'

'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วมกับเบน สมิธ เข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

'พี่ศรี' มาแล้ว บุก ป.ป.ช.ร้องสอบ 'อนุทิน' บริหารจัดการน้ำท่วมภาคใต้ผิดพลาดล้มเหลว

ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นนทบุรี นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน ได้ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช.เพื่อขอให้ไต่สวนและชี้มูลความผิดนายอนุทิน ชาญวีระกูล นายกรัฐมนตรีกับพวก กรณีผิดพลาด ล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ 9 จังหวัด

ชาวพิมายเฮ! ศาลปกครองสูงสุดสั่งกรมศิลปฯระงับฮุบที่ดินชาวบ้านรอบอุทยานฯพิมาย 2,287 ไร่

ที่ศาลปกครองสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ กทม.นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เปิดเผยว่า ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลปกครองนครราชสีมา โดย สั่งให้อธิบดีกรมศิลปากรระงับการขยายเขตที่ดินโบราณสถานเมืองพิมายบางส่วนกว่า 2,287 ไร่