ศาลเเพ่งยกคำร้องคุ้มครองชั่วคราวหลังตัวแทนนิสิตนักศึกษายื่นฟ้องขอคุ้มครอง นายก-ผบ.ทสส.ลักไก่ออกข้อกำหนดเพิ่มโทษชุมนุมเสี่ยงโควิด เหตุโจทก์ยังไม่ได้รับความเสียหาย ศาลชี้การออกประกาศมาตราการต้องใช้เพื่อคุมโรคตามกฎหมายเท่านั้น
23 ส.ค.2565 - ศาลเเพ่งนัดอ่านคำสั่งในคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวการชุมนุมในคดีที่เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความประจำศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน พร้อมด้วยตัวแทน นิสิตและนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัย นายกองค์การบริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมหาวิทยาลัยอื่นๆ ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด( ผบ.ทสส. ) เป็นจำเลย ขอให้ศาลแพ่งมีคำสั่งเพิกถอน มาตรา 9 พรก.ฉุกเฉินฯ เเละข้อกำหนดนายกรัฐมนตรี ฉบับที่47 และ ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ฉบับที่ 15 และขอให้ศาลเปิดไต่สวนเพื่อคุ้มครองชั่วคราว
โดยศาลมีการไต่สวนฉุกเฉิน เเละมีคำสั่งในวันนี้ว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า โจทก์ทั้ง7 ยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการบังคับใช้ ข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548(ฉบับที่ 47 ) ลงวันที่ 27 ก.ค.65 ข้อ 3 และประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด 19 ลงวันที่ 1 ส.ค.65 ข้อ 5 และวรรคท้าย
ได้ความตามทางไต่สวนว่า เมื่อวันที่ 27 ก.ค.65 จำเลยที่ 1ในฐานะนายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ ข้อ 3 ความว่า “การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธเป็นเสรีภาพ ของประชาชนที่ย่อมกระทำได้ภายใต้ขอบเขตการใช้สิทธิและเสรีภาพตามรัฐธรรมนูญและกฎหมาย โดยให้นำหลักเกณฑ์การจัดและการแจ้งการชุมนุม รวมทั้งหน้าที่ของผู้จัดและผู้ชุมนุมตามที่กำหนด ในกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะมาใช้โดยอนุโลม
ทั้งนี้ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและป้องกันการระบาดของโรคซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบ ระงับยับยั้ง หรือยุติการ ชุมนุม การทำกิจกรรมหรือมั่วสุม ที่จัดขึ้นโดยมีลักษณะต่อการแพร่ระบาดของโรคได้อย่างทันท่วงที ให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กำหนดมาตรการขึ้นเป็น การเฉพาะเพื่อคุ้มครองประชาชน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกและดูแลการชุมนุม รวมไปถึงกำหนดมาตรการอื่น ๆ ตามความจำเป็นและเหมาะสมกับสถานการณ์ได้...”
ต่อมา เมื่อวันที่ 1 ส.ค.65 จำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบได้ออกประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบ ในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุม ที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด ลงวันที่ 1 ส.ค.65 ข้อ 5 ความว่า
“ให้นำหลักเกณฑ์การจัดและการแจ้งการชุมนุม รวมทั้งหน้าที่ ของผู้จัดและผู้ชุมนุมตามที่กำหนดในกฎหมายว่าด้วยการชุมนุมการสาธารณะมาใช้โดยอนุโลม” และ ในวรรคท้าย ความว่า “หากผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ต้องรับโทษตามมาตรา 18 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯ ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน4 หมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ”
ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าว โจทก์ทั้ง7 อ้างว่าเป็นกฎหมายระดับรองซึ่งออกมาเพื่อเพิ่มโทษบุคคลที่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ว่าด้วยการชุมนุมสาธารณะซึ่งเป็นพรบ.และกฎหมายระดับสูงกว่าโดยมีการกำหนดโทษ หนักขึ้นไปกว่าที่กำหนดไว้ในพรบ.การชุมนุมสาธารณะฯ ทั้งการระบุเนื้อความ ไว้ในข้อกำหนด ฯ ข้อ 3 ยังเป็นการเปิดช่องให้จำเลยที่2ในฐานะหัวหน้า
ศปม. กำหนดมาตรการขึ้นเองเป็นการเฉพาะให้สามารถระงับยับยั้ง หรือยุติการชุมนุม ได้ด้วยตนเองทันที โดยไม่ต้องผ่านกลไกการร้องขอต่อศาลเหมือนที่ได้รับ การคุ้มครองไว้ตามพรบ.การชุมนุมสาธารณะ ฯ ข้อกำหนด ฯ และประกาศฯ ซึ่งออกโดยจำเลยทั้งสองไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นการสร้างภาระให้แก่โจทก์เกินสมควรแก่เหตุ เป็นการจำกัดสิทธิเสรีภาพของโจทก์ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ
เห็นว่า แม้ว่าข้อกำหนดที่ออกตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉินฯลงวันที่ 27 ก.ค.65 ข้อ 3 วรรคท้าย ให้อำนาจศปม. กำหนด มาตรการขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อคุ้มครองประชาชน รวมทั้งการอำนวยความสะดวกและดูแลการชุมนุม แต่การออกมาตรการดังกล่าวย่อมต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ระบุไว้ในข้อกำหนดข้อที่ 3 กล่าวคือ ต้องออกมาตรการกำหนดหลักเกณฑ์ต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการควบคุมและป้องกันการ ระบาดของโรค
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาประกาศของหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วน ที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องการห้ามชุมนุม การทำกิจกรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิดฯข้อ 5 ซึ่งเป็น มาตรการที่ออกโดยจำเลยที่ 2 ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่ เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยอาศัยนัยยะตามข้อกำหนดดังกล่าวแล้ว ไม่ปรากฏว่าเนื้อความในข้อกำหนดส่วนใดว่าผู้ที่จะชุมนุมหรือจัดให้มีการชุมนุมจะต้องดำเนินการตามมาตรการของประกาศ ดังกล่าวอย่างไร และไม่ปรากฏว่ามีการกำหนดมาตรการใดอย่างไรที่เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใน การควบคุมและป้องกันการระบาดของโรค
ดังนั้นประกาศฉบับดังกล่าวจึงถือว่ายังไม่ได้ออกตามความ ในข้อ 3 วรรคท้าย ของข้อกำหนดที่จำเลยที่ 1 ประกาศอันน่าจะเป็นผลให้ประกาศของจำเลยที่ 2 ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของข้อกำหนดดังกล่าวที่จะนำมาบังคับใช้กับผู้ชุมนุม ซึ่งรวมถึง โจทก์ทั้ง7ในการจัดการชุมนุมภายใต้สิทธิที่มีอยู่โดยชอบตามรัฐธรรมนูญได้
แต่ตามทางไต่สวนของ โจทก์ทั้ง7 ก็ไม่ปรากฏว่าโจทก์ทั้ง7 ได้ดำเนินการใด ๆ ตามข้อกำหนดและประกาศดังกล่าวจนได้รับความเดือดร้อนเสียหาย ประกอบกับเนื้อความในข้อ 3 วรรคท้าย ของข้อกำหนดดังกล่าว เป็นเพียงการวางเงื่อนไขในการออกมาตรการเท่านั้น เมื่อจำเลยที่ 2 ยังไม่ออกมาตรการย่อม ไม่ถือว่าโจทก์ทั้ง7 จะได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากการการทำของจำเลยทั้ง2 ในชั้นนี้จึงยังไม่มีเหตุจำเป็นและสมควรในการที่จะนำวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษามาใช้เพื่อระงับการบังคับใช้ ข้อกำหนดและประกาศดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 254(2) มาตรา 255(2) (ข) ประกอบมาตรา267วรรคหนึ่ง ยกคำร้อง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ เร่งฟื้นฟู 'หาดใหญ่'
'ผบ.ทสส.' สั่ง ศป.กฉ.ส่วนหน้า 8 ข้อ จัดระเบียบ ‘ศูนย์พักพิง-การแพทย์’ เร่งเปิดระบบ ‘ไฟฟ้า-ประปา’ แจกถุงยังชีพ-อาหาร มาตรการ รปภ. เก็บกู้ร่างผู้เสียชีวิต ตั้งจุดรวบรวมขยะ 4 พื้นที่ ย้ายยานพาหนะกีดขวาง
นายกฯ รับกดดันมาก ชาวหาดใหญ่อดทนน้ำท่วมนาน 5 วันแล้ว มั่นใจ 'บิ๊กหยอย' บัญชาการในพื้นที่
นายกฯ ขึ้นรถทหารดูสถานการณ์น้ำท่วมรอบเมืองหาดใหญ่ พร้อมแจกน้ำดื่ม-ข้าวกล่องผู้ประสบภัย รับ รู้สึกกดดัน-เป็นห่วงปชช. หลังมีเสียงสะท้อนชาวบ้านอดทนมา 5 วันแล้ว เผยเมื่อกลับ กทม.จะเรียกประชุมด่วน ออกมาตรการช่วยเหลือ-เยียวยา-ฟื้นฟู ลั่นทำทุกอย่างให้ดีที่สุด กำชับจว.ไหนประกาศพื้นที่ประสบภัย มีงบจัดการ
'บิ๊กหยอย' สั่งด่วน เร่งอพยพกลุ่มเปราะบาง คนป่วยใน รพ. ให้รถ-เรือ-กำลังทางอากาศประสานเข้าพื้นที่
“บิ๊กหยอย” สั่งการเร่งด่วน นำกลุ่มเปราะบางออกจากพื้นที่-คนป่วยออกจาก รพ. พร้อมส่งอาหารให้ผู้ยังออกมาไม่ได้ ให้กำลังทางเรือ-รถยนต์ ประสานกำลังทางอากาศ ชี้เป้าเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เร่งกู้ระบบสื่อสารให้การช่วยเหลือง่ายขึ้น
สัญญาณแรงชัด! ผบ.ทหารสูงสุด ประกาศ 'กองทัพไทย' ยุติทุกข้อตกลงไทย-กัมพูชา
พลเอกอุกฤษฏ์ บุญตานนท์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ประกาศท่าทีกองทัพไทยว่า “กองทัพไทย ยุติข้อตกลงจนกว่า กัมพูชาจะมีความจริงใจอย่างชัดเจนที่จะไม่เป็น
'อนุทิน' คุย 'บิ๊กเล็ก-3ปลัด-ผบ.ทสส.' ก่อนนั่งหัวโต๊ะ 'กอ.รมน.'
'อนุทิน' เข้าทำเนียบฯ เรียกถก 'บิ๊กเล็ก-ปลัด 3 กระทรวง-ผบ.ทสส.' ก่อนนั่งหัวโต๊ะ 'กอ.รมน.' หารือปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา
'บิ๊กเล็ก' เซ็นโผทหารแล้ว เปิดชื่อแม่ทัพภาคที่ 1,2 คนใหม่
“บิ๊กเล็ก” เผยบอร์ด 6 เสือ กห. ลงนาม “โผทหาร”ไฟเขียวตามที่ ผบ.เหล่าทัพ เสนอ ยันเลือกคนที่เหมาะสมกับสถานการณ์ คาด“อุกฤษฎ์”ผบ.ทสส. -“เสกสรร” ผบ.ทอ. -ไพโรจน์ ผบ.ทร. ขยับ 2 แม่ทัพ “วรยส-วีระยุทธ์”รับสถานการณ์ชายแดนกัมพูชา จับตา 5 เสือ ทบ. วาง “อมฤต- ณรงค์ฤทธิ์” รอชิงผบ.ทบ.ปี 70


