5 เม.ย.2566 - ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวถึงกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นายภุชงค์ โพธิกุฎสัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 10,045,000 บาทว่า สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น ดำเนินการไต่สวนนายภุชงค์ โพธิกุฎสัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ร่ำรวยผิดปกติ ข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน พบว่านายภุชงค์ โพธิกุฎสัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ระหว่างวันที่ 1 ตุลาคม 2557 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 ผู้ถูกกล่าวหายื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบของตนและคู่สมรส ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. กรณีเข้ารับตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่ง ปรากฏว่ามีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือการมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่
รวมทั้งกรณีมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติสืบเนื่องจากการเปรียบเทียบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วย ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 และที่แก้ไขเพิ่มเติม กล่าวคือ มีเงินฝากในบัญชีสหกรณ์ออมทรัพย์ข้าราชการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นบัญชีในชื่อของภรรยาของนายภุชงค์ โพธิกุฎสัย
โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติว่านายภุชงค์ โพธิกุฎสัย ผู้ถูกกล่าวหา ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือ มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมายสืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า 10,045,000 บาท จึงมีมติให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน
นายนิวัติไชย กล่าวว่า นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด นางสาววราภัสร์ ลอยขจร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการที่องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จะช่วยเหลือในการบรรจุเข้ารับราชการ
สืบเนื่องจากคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติมอบหมายคณะไต่สวนเบื้องต้น ดำเนินการไต่สวนเบื้องต้นกรณีกล่าวหานางสาววราภัสร์ ลอยขจร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม อำเภอหนองบัว จังหวัดนครสวรรค์ กับพวก เรียกรับเงินจากผู้สมัครสอบบรรจุเข้ารับราชการที่องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด อำเภอ คีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย เพื่อเป็นการตอบแทนที่จะช่วยเหลือในการบรรจุเข้ารับราชการ
คณะไต่สวนเบื้องต้นได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง ได้ความว่าเมื่อปี พ.ศ. 2558 องค์การบริหารส่วนตำบลโตนด อำเภอคีรีมาศ จังหวัดสุโขทัย ได้ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล โดยก่อนที่จะมีการประกาศรับสมัครสอบแข่งขันดังกล่าว นางสาววราภัสร์ ลอยขจร ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม ได้โทรศัพท์แจ้งให้นายจักรินทร์ นิลแพทย์ ซึ่งในขณะนั้นดำรงตำแหน่งปลัดองค์การบริหารส่วนตำบลน้ำร้อน ทราบว่าสามารถช่วยเหลือผู้เข้าสอบให้ได้รับการบรรจุแต่งตั้งได้ โดยต้องเสียค่าตอบแทน
จากนั้นนายจักรินทร์ นิลแพทย์ ได้เรียกผู้กล่าวหา พร้อมกับพนักงานจ้างรายอื่น ๆ เข้ามาในห้องทำงานของนายจักรินทร์ นิลแพทย์ เพื่อแจ้งรายละเอียดเรื่องดังกล่าวให้ทราบว่าในการช่วยเหลือดังกล่าวนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นเงิน 400,000 บาท สำหรับการบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลระดับ 2 โดยขึ้นบัญชีไว้ 1 ปี และ 600,000 บาท สำหรับการบรรจุเป็นพนักงานส่วนตำบลระดับ 2 โดยไม่ต้องขึ้นบัญชี และ 700,000 บาท สำหรับพนักงานส่วนตำบลระดับ 3 โดยขึ้นบัญชีไว้ 1 ปี และ 800,000 บาท สำหรับพนักงานส่วนตำบลระดับ 3 โดยไม่ต้องขึ้นบัญชี
ต่อมาเมื่อผู้กล่าวหาได้ตกลงใจที่จะจ่ายเงินจำนวน 400,000 บาท ตามข้อเสนอดังกล่าวแล้ว และ ได้โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารกรุงไทย และในวันเดียวกันนั้นนางสาวเอติพากร ธรรมยม ผู้ช่วยเจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ องค์การบริหารส่วนตำบลห้วยร่วม ได้นำใบถอนเงินไปถอนเงิน จำนวน 400,000 บาท จากบัญชีเงินฝากดังกล่าวมาให้แก่นางสาววราภัสร์ ลอยขจร
ต่อมาผู้กล่าวหาได้สมัครสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปี 2558 ในตำแหน่งเจ้าพนักงานพัฒนาชุมชน ระดับ 2 และเมื่อการรับสมัครสอบได้เสร็จสิ้นแล้ว ปรากฏว่าต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลโตนดประกาศยกเลิกการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุบุคคลเป็นพนักงานส่วนตำบล ประจำปี 2558 ตามคำสั่งหัวหน้ารักษาความสงบแห่งชาติ เมื่อผู้กล่าวหาได้ทราบการยกเลิกการสอบดังกล่าว ผู้กล่าวหา ได้ติดต่อนางสาววราภัสร์ ลอยขจร เพื่อพูดคุยเรื่องขอเงินคืน จนกระทั่งเมื่อต้นปี พ.ศ. 2564 นางสาววราภัสร์ ลอยขจร ได้เดินทางนำเงินมาคืนผู้กล่าวหาด้วยตนเอง ที่ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สาขาวิเชียรบุรี
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่าการกระทำของนางสาววราภัสร์ ลอยขจร และนายจักรินทร์ นิลแพทย์ มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/4 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 175) และมีมูลความผิดทางวินัยอย่างร้ายแรง นางสาวเอติพากร ธรรมยม มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 143 ประกอบมาตรา 86 และตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มาตรา 123/4 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 (ปัจจุบันเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 175)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับตาสว.เคาะ2ป.ป.ช. ผุดกมธ.คุ้ยชีวิต2กกต.
จับตาสภาสูงโหวต 2 ป.ป.ช.ใหม่พุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงินให้ผ่านหรือตีตกสองบิ๊กตุลาการ
คดีค้างอื้อ! เบรกสว.สีน้ำเงินลงมติห็นชอบ ชี้ขัดกันแห่งผลประโยชน์
สว.อิสระค้าน พุธนี้สภาสูงลงมติเห็นชอบป.ป.ช.-ตั้งกมธ.สอบประวัติว่าที่กกต. ยกเหตุเพื่อป้องกันการขัดกันแห่งผลประโยชน์ หลังสว.เกินครึ่งมีเรื่องค้างที่ตึกป.ป.ช.-กกต.
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่ 2 ชื่อพุธนี้ วัดใจ 'สว.สีน้ำเงิน' ชี้รอดหรือร่วง
สภาสูงโหวต ป.ป.ช.ใหม่สองชื่อพุธนี้ วัดใจ สว.สีน้ำเงิน ให้ผ่านหรือตีตก สองบิ๊กตุลาการ พ่วงตั้งกมธ.สอบประวัติฯ ว่าที่กกต.ใหม่สองคน พบแบ็คกราวด์ไม่ธรรมดา แน่นปึ๊กสีน้ำเงิน
ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดีคุกวีไอพีจีนเทา ส่ง ป.ป.ช. เชือด ’ผบ.เรือนจำ’ ม.157 - ค้าประเวณี
จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง คณะกรรมการตรวจสอบข้
ป.ป.ช. ฟันจริยธรรมร้ายแรง 'จิรพงษ์' อดีต สส.เพื่อไทย
ป.ป.ช. ชี้มูล 'จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์' อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ผิดจริยธรรมร้ายแรง ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ตราด ส่งศาลฎีกาวินิจฉัย
เด้งจนท.สรรพากรรีดเงิน1แสน
สรรพากรเด้งเจ้าหน้าที่เอี่ยวรีดเงินผู้ประกอบการ 1 แสน

