เรื่องน่าเศร้า! ที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งนี้

21 เม.ย. 2566 – รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ก่อนที่จะถึงเวลาต้องห้ามตามกฎหมายที่จะสำรวจความคิดเห็นของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง โพลของสำนักต่างๆ ต่างก็ทยอยทำกันออกมาเป็นระยะ นอกจากจะมีนิด้าโพล และซูเปอร์โพล ซึ่งดูเหมือนจะเป็น 2 สำนักที่ทำโพลออกมาอย่างสม่ำเสมอ ขณะนี้ยังมี เนชั่นโพล และล่าสุดที่เห็นคือ มติชน-เดลินิวส์โพล

นิด้าโพล ซูเปอร์โพล และเนชั่นโพล เท่าที่ดู น่าจะเป็นการสำรวจโดยใช้วิธีสุ่มตัวอย่างตามระเบียบวิธีวิจัย แต่นิด้าโพลใช้กลุ่มตัวอย่างเพียง 2,000 ตัวอย่าง ซูเปอร์โพลใช้ประมาณ 6,000 ตัวอย่าง ส่วนเนชั่นใช้กลุ่มตัวอย่างมากถึงเกือบ 40,000 ตัวอย่าง และเป็นการสุ่มแยกรายภาคที่เรียกว่า stratified random sampling ส่วนกรณีมติชน-เดลินิวส์ แม้ว่าจะมีคนโหวตเป็นจำนวนมาก แต่เป็นการให้โหวตออนไลน์ จึงไม่น่าจะเรียกว่าโพลได้ ทำให้ความน่าเชื่อถือต่ำกว่าโพลอื่นๆ เพราะผู้ที่โหวตเป็นผู้ที่เป็นผู้ติดตามข่าวของมติชนและเดลินิวส์เท่านั้น

ผลการสำรวจของทุกสำนักที่ออกมาตรงกันคือ พรรคเพื่อไทยมีคะแนนนิยมเป็นอันดับที่ 1 นิด้าโพลให้พรรคก้าวไกลเป็นอันดับที่ 2 และพรรครวมไทยสร้างชาติเป็นอันดับ 3 ซูเปอร์โพลให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 2 และพรรคพลังประชารัฐอันดับ 3 ส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่อันดับ 5 และพรรคก้าวไกลอยู่อันดับ 6 ที่แตกต่างกันมากระหว่างนิด้าโพลและซูเปอร์โพลคือ พรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐ ในขณะที่ผลของซูเปอร์โพลให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 2 และพรรคพลังประชารัฐอันดับ 3 นิด้าโพลกลับให้พรรคภูมิใจไทยเป็นอันดับ 5 และพรรคพลังประชารัฐเป็นอันดับ 8 ที่น่าตกใจคือ ผลของนิด้าโพลบอกว่ามีคนเลือกพรรคภูมิใจไทยเพียง 3.75% นอกจากจะขัดกับความรู้สึกของคนทั่วไปที่คาดว่าอย่างน้อยพรรคภูมิใจไทยต้องได้คะแนนเสียงไม่น้อยไปกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว นายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็คงต้องมีข้อกังขากับผลการสำรวจของนิด้าโพลเป็นแน่

ผลสำรวจของทุกสำนักยกเว้นซูเปอร์โพล ยังถามกลุ่มตัวอย่างว่า ต้องการสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรี ผลก็คือในภาพรวมทั้งประเทศให้อุ๊งอิ๊งเป็นอันดับ 1 นายพิธา อันดับ 2 และพลเอกประยุทธ์ อันดับ 3 แต่คะแนนที่ 3 ห่างจากที่ 1 และที่ 2 ค่อนข้างมาก

หากผลการสำรวจที่ได้จากกลุ่มตัวอย่างสะท้อนความเป็นจริงของประชาชนทั้งประเทศ ก็เป็นเรื่องน่าเศร้าใจมากที่คนไทยเรายังคงนิยมพรรคที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย แต่แท้ที่จริงต้องทำตามคำสั่งของเจ้าของพรรคเพียงคนเดียว แม้จะมีกรรมการบริหารพรรคแต่ก็ต้องลงมติตามคำสั่งของเจ้าของพรรคอยู่ดี ส่งลูกสาวมาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีข้ามหัวหัวหน้าพรรค และนักการเมืองคุณภาพในพรรค ที่นายเศรษฐา ทวีสิน ชี้ให้ผู้สื่อข่าวดูบนเวทีว่ามีเต็มไปหมด แต่ไม่มีใครมีโอกาสได้เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี นอกจากลูกสาวเจ้าของพรรค แคนดิเดตอีกคนก็มาจากภาคธุรกิจนอกพรรค และอีกคนก็คือคนเดิมคือนายชัยเกษม นิติศิริ ซึ่งมาเป็นเพียงตัวประกอบ บรรดาผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคซึ่งหลายคนก็ดูเหมือนจะมีอุดมการณ์ แต่ก็ไม่มีใครกล้าหือแม้แต่คนเดียว

เรื่องทำนองนี้ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เล่าว่า เมื่อครั้งมีการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไทยรักษาชาติซึ่งเป็นพรรคลูกของพรรคเพื่อไทย ในการเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งทำให้พรรคไทยรักษาชาติต้องถูกยุบไป ครั้งนั้นไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้รู้ล่วงหน้าเลยแม้แต่คนเดียว และเมื่อมีการโหวคเลือกนายกรัฐมนตรีในสภา พรรคเพื่อไทยก็ไม่ได้โหวตให้แคนดิเดตของพรรคตัวเอง แต่กลับไปโหวตให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่แทน มีเพียงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ลาออกไปตั้งพรรคไทยสร้างไทย แต่คนอื่นๆ ยังยอมทนอยู่ได้ไม่ว่ากระไร

แม้ผลโพลทุกสำนักจะชี้ว่าพรรคเพื่อไทยจะมีคะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 แต่ผลคะแนนที่ได้ยังห่างไกลจากเป้าหมายของพรรคเพื่อไทยคือได้ ส.ส.จำนวน 310 ที่นั่ง อีกทั้งผลโพลของพรรคภูมิใจไทยและพรรคพลังประชารัฐดูต่ำเกินจริง เมื่อเลือกตั้งจริงๆ ทั้ง 2 พรรคควรได้จำนวน ส.ส. มากกว่าผลโพล ดังนั้นจึงสรุปได้ว่าโอกาสที่เพื่อไทยจะได้ชัยชนะแบบแลนด์สไลด์ มีน้อยมากกระทั่งเป็นไปไม่ได้เลย ดังนั้นไม่ว่าจะมีใครต้องการสนับสนุนให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรีมากเพียงใด แต่ถ้าผลการเลือกตั้งออกมาตามโพล พรรคเพื่อไทยก็ยากที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่ทั้งหมดต้องรอดูผลการเลือกตั้งว่าจะออกมาอย่างไร จะแตกต่างจากผลโพลมากน้อยแค่ไหน

ปรากฏการณ์ข้างต้นนี้ตอกย้ำให้เห็นว่า ระบบเลือกตั้งทั้งในอดีตและที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ไม่น่าจะเหมาะกับประเทศไทย เราได้เรียนรู้ประชาธิปไตยกันมานานเกือบ 91 ปีแล้ว ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง เรายังคงตั้งคำถามว่า เราจะได้จะอะไรถ้าเลือกพรรคนั้นพรรคนี้ เราไม่ตั้งคำถามต่อว่า หากเราได้อะไรแล้วจะทำให้ประเทศชาติเสียหายหรือไม่ เพราะเราไม่เคยสนใจ ขอให้เราได้เป็นพอ

กรณีแจกเงินดิจิทัลหนึ่งหมื่นให้กับผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไปทุกคน เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน เพราะต้องใช้เงินถึง 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งจะมาจากไหนก็ไม่ได้บอกชัดเจน มิใยที่อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย 2 ท่านออกมาคัดค้านท้วงติงว่าจะมีผลกระทบต่อเสถียรภาพการเงินการคลังของประเทศ ผู้ว่าฯ ท่านปัจจุบันก็ให้สัมภาษณ์ว่า ความสำคัญขณะนี้คือการพยายามทำให้การเงินการคลังของประเทศอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ในขณะนี้ที่จะต้องไปอัดฉีดเงินลงไปในระบบเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่พรรคเพื่อไทยก็ไม่ฟัง ยังดึงดันเดินหน้าต่อไป (ซึ่งก็คาดไว้แล้ว) และเมื่อผลโพลทุกสำนักออกมา ก็ยังปรากฏว่าพรรคเพื่อไทยก็ยังได้คะแนนนิยมเป็นอันดับ 1 เช่นเดิม ทั้งยังมากกว่าเดิม

นี่คือเรื่องน่าเศร้า และแน่นอนว่า พรรคเพื่อไทยยังจะคงเดินหน้าต่อไปจนกว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือธนาคารแห่งประเทศไทยออกมาชี้ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อกฎหมาย แต่จะขัดต่อกฎหมายหรือไม่ก็ตาม นี่คือการกระทำที่ไม่ต่างกับที่ได้ทำในอดีต ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย จนถึงพรรคเพื่อไทย นั่นคือ การใช้ประชานิยมเพื่อให้ได้คะแนนเสียง โดยเอาเรื่องผลกระทบต่อระบบการเงินการคลังของประเทศเป็นเรื่องรอง นี่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ เมื่อพรรคเพื่อไทยทำแล้วได้ผล พรรคการเมืองอื่นๆ ก็เอาบ้าง โดยเฉพาะการเลือกตั้งครั้งนี้ เกือบทุกพรรค ยกเว้นบางพรรค ล้วนแล้วหาเสียงไปในทำนองนี้ทั้งสิ้น และมีแนวโน้มว่าจะมากขึ้นเรื่อยๆ ในการเลือกตั้งครั้งต่อๆ ไป

หากเป็นเช่นนี้ ประเทศเราจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ ชมเปาะ 'วราวุธ' เก่ง ดูแลตัวเองได้ หลังเจ้าคณะจังหวัดสุพรรณฯขอฝากด้วย

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ สักการะพระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (หลวงพ่ออู่ทอง) ที่วัดเขาทำเทียม ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง โดยเมื่อมาถึงนายกฯได้ทักทายชาวบ้าน ซึ่งเป็นชาวไทยทรงดำ -ลาวเวียง -ลาวครั่ง ที่สวมชุดเรือธรรมพื้นถิ่นมาต้อนรับ

นายกฯ ชมสุพรรณบุรีบริหารจัดการน้ำดีที่สุด ตั้งแต่ยุคบรรหารทำไว้เป็นที่ประจักษ์

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่พูดคุยประเด็นปัญหาในพื้นที่ โดยทันทีที่นายกฯเดินทางมาถึง นายณัฐภัทร สุวรรณประทีป ผู้ว่าราชการจังหวัด สุพรรณบุรี ได้ร้องเพลงผู้ว่าฯมาหานะเธอ ที่เป็นการนำคำขวัญจังหวัดใส่ในเนื้อร้อง

นายกฯ คอนเฟิร์ม 'กฤษฎา' พ้น รมช.คลัง รอคุย 'รทสช.' ที่เพชรบุรี

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลาออกจากตำแหน่ง รมช.คลังของ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ว่า ถือว่ามีผลเรียบร้อยแล้ว

'เศรษฐา' ได้ฤกษ์โชว์ถุงเท้าแดงอีก ทัวร์นอก 3 ประเทศรวด

นายกฯ เยือนฝรั่งเศส พบประธานาธิบดีมาครง ครั้งที่ 2 ในปีนี้ 15 พ.ค. ก่อนบินต่ออิตาลีอีก 5 วัน พร้อมเข้าร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ประเทศญี่ปุ่น 22 - 24 พ.ค.

'อนุทิน' ยันไร้ขัดแย้งกัญชากลับยาเสพติด ชี้นายกฯ พูดไม่ผิดทำเพื่อปชช.

'อนุทิน' ยันไร้ขัดแย้งพรรคร่วมรัฐบาล ปมกัญชากลับเป็นยาเสพติด ชี้นายกฯพูดไม่ผิดทุกฝ่ายต้องทำเพื่อ ปชช. รับคุย 'สมศักดิ์' จ่อรื้อรายงานประชุมเดิม เหตุเคยลงมติหนุนปลดล็อกร่วมกัน