กสม.ชงกลาโหมยกเลิกระเบียบเกี่ยวกับทหารรับใช้!

กสม.ชี้การนำพลทหารไปรับใช้นายทหารในภารกิจอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการทางทหาร เป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ชงกระทรวงกลาโหมยกเลิกระเบียบเกี่ยวกับทหารรับใช้

27 เม.ย.2566 - นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เปิดเผยว่า ตามที่ กสม.ได้รับเรื่องร้องเรียนกรณีอดีตทหารหญิงซึ่งได้รับคำสั่งให้ไปช่วยราชการในคณะกรรมาธิการวุฒิสภาคณะหนึ่ง แต่กลับถูกนำตัวไปช่วยงานที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงรายหนึ่งผู้อยู่ระหว่างช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า โดยระหว่างช่วงเวลา 2 ปีที่ทหารหญิงผู้เสียหายทำหน้าที่ดูแลรับใช้ภายในบ้านเจ้าหน้าที่ตำรวจรายดังกล่าว ได้ถูกทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บรุนแรงหลายครั้ง ขณะเดียวกัน มีผู้ร้องเรียนอีกรายระบุว่า กฎเสนาบดีกระทรวงกระลาโหม พ.ศ. 2455 ข้อ 49 – 57 ได้กำหนดเกี่ยวกับทหารรับใช้ประจำตัวนายทหาร โดยให้ทหารชั้นสัญญาบัตรสามารถมีทหารรับใช้ประจำตัวและให้อำนาจลงโทษทหารรับใช้ได้ รวมทั้งยังกำหนดให้ทหารรับใช้มีหน้าที่รับใช้ภรรยาและบุตรในกิจการบ้านเรือนของทหารชั้นสัญญาบัตรดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการนำทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ไปรับใช้นายทหารยศสูงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกฎดังกล่าวอาจขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน จึงขอให้ตรวจสอบ

กสม.ได้ตรวจสอบกรณีอดีตทหารหญิงถูกทำร้ายร่างกายในระหว่างการทำงานอยู่ที่บ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองราชบุรีแล้ว ต่อมาพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรีมีคำสั่งฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ต้องหาเป็นจำเลยต่อศาลจังหวัดราชบุรีในความผิดฐานค้ามนุษย์ ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยอาวุธปืน ความผิดต่อเสรีภาพ ความผิดต่อร่างกาย ความผิดฐานบังคับใช้แรงงาน และความผิดฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายทั้งสาหัสและไม่สาหัส ตามประมวลกฎหมายอาญาแล้วเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 เป็นผลให้ กสม. ต้องยุติการพิจารณาในประเด็นปัญหาเดียวกันนี้ ตามที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ พ.ศ. 2560 มาตรา 39 (1) ประกอบมาตรา 39 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า ให้ กสม. สั่งยุติเรื่อง หากเป็นเรื่องที่มีการฟ้องร้องเป็นคดีอยู่ในศาล

สำหรับกรณีปัญหาที่ต้องพิจารณาว่ากฎเสนาบดีกระทรวงกระลาโหม พ.ศ. 2455 รวมทั้งระเบียบหรือขั้นตอนปฏิบัติในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการนำทหารไปรับใช้ มีลักษณะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือไม่ กสม. พิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ประเทศไทยเป็นภาคีและมีพันธกรณีต้องปฏิบัติตาม ได้ให้การรับรองคุ้มครองสิทธิในชีวิตและร่างกายของบุคคลที่จะไม่ถูกจับและควบคุมตัวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งการทรมาน ทารุณกรรม การลงโทษด้วยวิธีการโหดร้าย หรือการถูกบังคับให้ตกอยู่ในภาวะเยี่ยงทาสนั้นจะกระทำมิได้

ทั้งนี้ กรณีกฎเสนาบดีกระทรวงกระลาโหม พ.ศ. 2455 มีบทบัญญัติบางประการที่กำหนดให้นายทหารสัญญาบัตร สามารถมีทหารรับใช้ได้ โดยทหารรับใช้มีหน้าที่ปฏิบัตินายทหารที่ตนไปอยู่ด้วย และรับใช้บุตร ภรรยา ของนายทหารผู้นั้นในกิจการบ้านเรือนทุกประการ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การปรับปรุงโครงสร้างการบริหารราชการภายใน ตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 มีผลให้ไม่มีอัตรากำลังพลตำแหน่งทหารรับใช้อีกต่อไป แต่มีการจัดกำลังพลตำแหน่งพลทหารบริการขึ้นมาเพื่อปฏิบัติงานด้านธุรการ งานสุขาภิบาลและดูแลพื้นที่ในหน่วย รวมทั้งภารกิจอื่นตามแต่ต้นสังกัดอนุญาตเป็นครั้งคราว เช่น การช่วยเหลืองานนายทหารชั้นผู้ใหญ่ซึ่งเกษียณราชการไปแล้ว เป็นต้น โดยที่อาจนำทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ไปปฏิบัติหน้าที่เป็นพลทหารบริการในหน่วยด้วย

นายวสันต์กล่าวต่อว่า แม้กระทรวงกลาโหมและแต่ละกองทัพจะไม่ได้นำบทบัญญัตินี้มาใช้บังคับในทางปฏิบัติ แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า กฎเสนาบดีดังกล่าวยังเป็นกฎที่มีสภาพบังคับอยู่ โดยเคยปรากฏว่า มีการนำพลทหารบริการ และทหารกองประจำการ (ทหารเกณฑ์) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่พลทหารบริการไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ จนเป็นเหตุให้มีการร้องเรียนขึ้นในหลายกรณี แม้ในบางกรณีจะอยู่ภายใต้ความยินยอมของพลทหารผู้นั้น และบางกรณีจะเป็นไปตามระเบียบหรือขั้นตอนให้ปฏิบัติได้ก็ตาม จึงเห็นว่า กฎเสนาบดีดังกล่าว รวมทั้งระเบียบหรือขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับการอนุญาตให้นำพลทหารบริการไปใช้ในภารกิจอื่นที่มิใช่การปฏิบัติงานด้านธุรการ งานสุขาภิบาลและดูแลสถานที่ของทางราชการ ย่อมถือเป็นช่องว่างที่ให้อำนาจแก่นายทหารระดับสูงที่จะขอตัวทหารชั้นผู้น้อยไปดูแลรับใช้ และสุ่มเสี่ยงที่ผู้มีอำนาจเหนือจะกระทำการที่เป็นการลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของทหารชั้นผู้น้อย อันขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 และไม่สอดคล้องกับกติกา ICCPR จึงเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น กสม. ในคราวประชุมด้านการคุ้มครองและส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2566 จึงมีมติให้เสนอแนะมาตรการหรือแนวทางที่เหมาะสมต่อกระทรวงกลาโหม กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา สรุปได้ดังนี้ 1.มาตรการในการป้องกันหรือแก้ไขการละเมิดสิทธิมนุษยชน ให้กระทรวงกลาโหมยกเลิกกฎเสนาบดีกระทรวงกระลาโหม พ.ศ. 2455 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทหารรับใช้ และยกเลิกระเบียบหรือขั้นตอนปฏิบัติเกี่ยวกับการอนุญาตให้นายทหารระดับสูงสามารถขอทหารชั้นผู้น้อยไปรับใช้เป็นการส่วนตัว ทั้งนี้ ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งรายงานผลการตรวจสอบฉบับนี้

และ 2.มาตรการหรือแนวทางในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ให้กระทรวงยุติธรรมติดตามผลการพิจารณาคดีในชั้นศาลของอดีตทหารหญิงผู้เสียหายอย่างใกล้ชิด และสนับสนุน ช่วยเหลือ หรืออำนวยความสะดวก ให้แก่ผู้เสียหายหรือพยานของผู้เสียหายตามหน้าที่และอำนาจ และให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งรัดดำเนินการสอบสวนทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ต้องหาให้แล้วเสร็จ และเปิดเผยให้สาธารณะทราบ นอกจากนี้ ให้กองบัญชาการกองทัพไทย และสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา พิจารณากำหนดมาตรการหรือหลักเกณฑ์การควบคุมหรือตรวจสอบการปฏิบัติงานของบุคคลที่อยู่ระหว่างการขอตัวช่วยราชการให้เป็นไปตามขอบเขตของงานหรือวัตถุประสงค์ที่ได้ร้องขอไว้อย่างเคร่งครัด รวมทั้งให้สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เร่งรัดสรุปรายงานการตรวจสอบของคณะกรรมการจริยธรรม วุฒิสภา กรณีการบรรจุแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจผู้ต้องหาเข้ารับราชการ และการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในคณะกรรมาธิการเข้าสู่ที่ประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาโดยเร็ว และเปิดเผยผลการพิจารณาให้สาธารณะทราบด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กสม. เชื่อมีการใช้ 'สปายแวร์ เพกาซัส' เสนอ ครม. สั่งการตรวจสอบ หาทางป้องกัน

กสม. เชื่อมีการใช้สปายแวร์เพกาซัสละเมิดสิทธิในความเป็นอยู่ส่วนตัว และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เสนอ ครม. สั่งการตรวจสอบ หาทางป้องกันการใช้งานในทางมิชอบ

ถึงคิว 'เจ้าขุน-เจ้านาย' เกณฑ์ทหาร ดารานักร้องทยอยเข้ารับตรวจเลือกทหาร

พ.ต.หญิง กัญญ์ณณัฐ พรนิพัทธ์กุล ผู้ช่วยโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) นำคณะผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก เดินทางไปตรวจเยี่ยมหน่วยตรวจเลือกทหารที่วัดสามพระยา เขตพระนคร เป็น 1 ใน 46

'สุทิน' ควง 'เจ้าสัวธนินท์' สักขีพยาน MOU กลาโหมจับมือซีพี

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมนายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ เป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหม กับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด

กสม. แนะ กรมราชทัณฑ์ แก้ไขระเบียบตัดผมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี

กสม. แนะ กรมราชทัณฑ์ แก้ไขระเบียบการตัดผมผู้ต้องขังที่อยู่ระหว่างพิจารณาคดี ย้ำปฏิบัติให้สอดคล้องกับเพศวิถี วัฒนธรรมความเชื่อและศาสนาผู้ต้องขัง

'สุทิน' แจงข่าวลบทหารเกณฑ์ อย่าโพสต์ลอยๆ ช่วยบอกที่มาด้วยจะได้ไปตรวจสอบถูก

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ระบุถึงการรับมือกรณีที่มีการเผยแพร่ข่าวทางลบเกี่ยวกับ ทหารเกณฑ์ในช่วงนี้ว่า สั่งให้กองทัพชี้แจงรวดเร็วขึ้น บางเรื่องเราก็ไม่ได้ปฏิเสธ เช่น การลงโทษทหาร มีระบบระเบียบวินัยลงโทษอยู่ ทหารที่ละเมิดกฎ

'โฆษก กห.' แจงภาพทหารเกณฑ์ล่ามโซ่ กลุ่มผู้ต้องโทษบำบัด รพ. พร้อมสั่ง ทบ. สอบเพิ่ม

'โฆษกกลาโหม' แจงภาพทหารเกณฑ์ถูกล่ามโซ่ เป็นกลุ่มผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม-ผู้ต้องโทษ ส่งมาบำบัดโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า พร้อมสั่งกองทัพบกสอบเพิ่ม