
“จตุพร” กังขาเพื่อไทยหารือ พปชร.กับ รทสช. ปรึกษาแนวทางตั้งรัฐบาล ไม่เป็นผลดีทางการเมือง เชื่อเป็นจุดล่มสลายเละเทะ ซ้ำร้ายยังสะท้อนถึงการตระบัดสัตย์ต่อ ปชช.อย่างเป็นรูปธรรม ฉะตรรกคณิตศาสตร์การเมืองของ “ชลน่าน” ไม่เป็นเหตุเป็นผล ชี้คงเครียดกับแรงกดดัน สงสัย “เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง”คนอยากเป็นนายกฯ หายหน้าไปไหน ทำไมไม่ห้าม เอาแต่เงียบกริบ คาดคงลังเล เริ่มสะทกไหวสั่นสะท้าน คาดเลื่อนโหวตนายกฯ 27 ก.ค.
25 ก.ค. 2566- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “จุดล่มสลาย?” โดยระบุว่า การเชิญฝ่าย 188 เสียงโดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ถูกตราหน้าเป็นพรรคสืบทอดอำนาจการรัฐประหารมาหาที่พรรค ถือเป็นจุดล่มสลายของพรรคเพื่อไทยอย่างเละเทะที่สุด และยังตระบัดสัตย์ต่อประชาชนได้ชัดเจน
นายจตุพร กังขาว่า ไม่รู้พรรคเพื่อไทยนัดฝ่ายพรรคข้างน้อย 188 เสียงมาหารือตั้งรัฐบาลทำไม เพราะคำตอบมีชัดอยู่แล้วว่า พวกเขาไม่เอาพรรคก้าวไกลและไม่ต้องการแก้ ม.112 แล้วมีความจำเป็นต้องนัดมาพูดคุยกันด้วยหรือ?
อีกอย่างตรรกวิบัติของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่บอกก้าวไกลเป็นพรรคอันดับสอง เพราะฝ่าย 188 เสียงรวมได้มากกว่าจึงเป็นพรรคอันดับหนึ่ง ซึ่งเป็นการพูดที่ไม่สมเหตุสมผล คงเกิดจากความเครียดมาก
นอกจากนี้ เห็นว่า พรรคก้าวไกลพรรคอันดับหนึ่งส่งไม้ต่อให้เพื่อไทยพรรคอันดับสองเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลนั้น เพราะทั้งสองพรรคได้ประกาศจะตั้งรัฐบาลร่วมกัน แล้วอีกฝาก 188 เสียงยืนยันไม่ตั้งรัฐบาลข้างน้อย ดังนั้น ในทางการเมือง การหารือกันของสองฝ่ายจึงมีความชัดเจนและยิ่งไม่น่าจำเป็นต้องมาพบปะคุยกัน เนื่องจากย่อมรู้คำตอบผลลัพธ์สุดท้ายได้ชัดเจนแล้ว
อย่างไรก็ตาม นายจตุพร คาดว่า การโหวตนายกฯ วันที่ 27 ก.ค. นี้ คงต้องเลื่อนออกไปค่อนข้างแน่นอน เพราะผู้ตรวจการแผ่นดิน (สผผ.) ได้ยื่นเรื่องให้ศาล รธน.วินิจฉัยการเสนอชื่อนายกฯ ตาม ม.272 เมื่อ 19 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น เป็นการเสนอญัตติตามข้อบังคับประชุมรัฐสภาข้อที่ 41 หรือไม่ พร้อมขอให้สั่งเลื่อนการโหวตนายกฯ ออกไปจนกว่า ศาล รธน.จะมีผลชี้ขาดออกมา
นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ จึงเห็นว่า ทุกกระบวนการกำลังถูกล็อคหมด โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถูกศาล รธน.ล็อค คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถูกล็อคโดยศาลทุจริต อีกทั้งการโหวตนายกฯ ของ สส.และ สว. เมื่อ 19 ก.ค. กำลังเข้าสู่กระบวนการศาล รธน. ดังนั้น เส้่นทางการเมืองย่อมถูกล็อคไว้หมด จึงเป็นวิวัฒนาการทางการเมืองที่สะท้อนถึงความลังเล เกิดความไม่มั่นใจเต็มไปหมด
“ความไม่มั่นใจนั้น ส่วนหนึ่งเกิดจากคนพูดตระบัตสัตย์กับประชาชนไว้ก็ยังลังเลใจเช่นกัน โดยคุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ เพื่อไทย ประกาศไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) อีกกทั้งคุณอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ยังพูดชัดเจนไม่แตกต่างกัน แต่วันที่ พปชร.กับ รทสช. มาพรรคเพื่อไทย ทั้งคุณเศรษฐาและคุณอุ๊งอิ๊งกลับไม่ปรากฎตัวเลย หายวับไปหมด คงอับอายคำสัญญาที่ให้กับประชาชน”
อีกทั้ง เห็นว่า การเมืองในสภาพแบบนี้จะไปได้ยาก แล้ว สผผ.ขยับตัวส่งเรื่องให้ศาล รธน.จึงน่าคิดอย่างยิ่งกับความขัดแย้งครั้งนี้ โดยเพื่อไทยต้องอธิบายว่า มีเหตุผลอย่างไรจึงชวนพรรคต่างๆ จากอีกฝ่ายหนึ่ง มาที่พรรคเพื่อไทย พูดคุยหารือการตั้งรัฐบาล แล้วประเมินผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรในขั้นสุดท้าย
“การเมืองรอบนี้ ตอนแรกดูเหมือนจะดี แต่กลับเละเทะกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา และไม่อยากจินตนาการว่า หากเกิดรัฐบาลข้ามขั้วจะเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น ทุกฝ่ายควรมาเจรจากันให้ได้ แต่การคิดจะเป็นนายกฯ ข้ามขั้วให้ได้โดยไม่ใส่ใจตรรกนั้น ถามคุณเศรษฐา คุณอุ๊งอิ๊ง ว่า กล้าเป็นเหรอ? เพราะการเป็นนายกฯ ต้องมีเกียรติ แค่คำพูดตัวเองยังไม่ซื่อสัตย์ แล้วจะไปทำหน้าที่นายกฯ อย่างสุจริตได้หรือ?”
นายจตุพร สงสัยว่า เมื่อนายเศรษฐา สัญญาจะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร.กับ รทสช.แล้ว แต่เพื่อไทยเชิญแกนนำจากพรรคเหล่านี้มาร่วมหารือการตั้งรัฐบาลนั้น นายเศรษฐา ต้องไม่เห็นด้วย และควรแสดงปฏิกิริยาให้ปรากฎอย่างชัดเจน แต่กลับเงียบกรีบ ซึ่งหมายความว่าอย่างไร
อีกทั้ง นพ.ชลน่าน หากตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแล้ว แม้จะลาออกจากหัวหน้าพรรคตามสัญญาก็ตาม แต่จะไม่มีที่ยืนได้สักที่ การเป็น สส.เขตอาจจะถูดกดดัน รวมทั้งเมื่อไปเป็นรัฐมนตรีก็จะถูกประชาชนตามไปไล่ไม่ลดละ
นายจตุพร เชื่อว่า จากนี้ การจะข้ามขั้วตั้งรัฐบาลคงไม่ง่ายเสียแล้ว เพราะประชาชนมีความรู้สึกว่าถูกทรยศหักหลัง ดังนั้น เพื่อไทยคงหวั่นไหวถึงขั้นปอดแหก ยิ่ง สส.ปากกล้าที่ต่อต้่านการสืบทอดอำนาจบนเวทีหาเสียง กลับเงียบกริบเมื่อฝ่ายที่ตัวเองต่อต้านมาถึงที่พรรค และ สส.เหล่านั้นหายหน้าไปหมดสิ้น
“เมื่อพร้อมคุยกับพรรคสืบทอดอำนาจที่พรรคตัวเอง มันจึงไปกระแทกใจมวลชน อารมณ์ผู้คนไม่พอใจยิ่งไปไกล ในทางการเมืองนั้น เพื่อไทยถือว่าไปกินเบ็ดอย่างใหญ่โตที่สุด เพราะพรรคฝ่าย 188 ไม่มีเสีย แล้วยังพูดเหมือนเดิม ดังนั้น ใครพัง ใครเจ๊ง ดังนั้น นาทีนี้แม้เพื่อไทยอยากเป็นรัฐบาล แต่ก็ไม่ง่ายเลย”
นายจตุพร เห็นว่า ถ้า ศาล รธน.รับเรื่องจาก สผผ. แสดงถึงความสำเร็จในความรู้สึกไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อเพื่อไทย และจะส่งผลระยะยาว ถึงเพื่อไทยจะกลับหลังหัน ก็ยังจะถูกต่อต้านจากมวลชนอยู่ดี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2
'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เอาแล้ว 'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้าน ระวังทำรัฐบาลพัง
'จตุพร' เตือน นายกฯหนู แบ่งแยกเยียวยาศพน้ำท่วม 2 ล้านระวังทำรัฐบาลพัง แนะน้ำท่วมใต้จากพายุชื่อเหมือนกันต้องเป็นธรรม ชดเชยเท่ากัน อย่าคิดแบบเขลาๆ แถเอาแต่สถานการณ์ฉุกเฉินมาอ้าง จะเกิดเหตุไม่พอใจ ลุกลามไปกันใหญ่
‘เอ็ดดี้’ จี้ ‘เพื่อไทย-ส้ม’ อย่าดีแต่ปาก กลัวอะไรอยู่ ยื่นซักฟอกเลย
เอ็ดดี้ อัษฎางค์ ยมนาค นักวิชาการอิสระ โพสต์ข้อความว่า เห็นขู่กันฮึ่มๆ ว่าจะจะยื่นญัตติไม่ไว้วางใจรัฐบาล เพราะรัฐบาลไม่น่าไว้วางใจ
‘ปลอดประสพ’ คาใจการทำงานของ ‘อนุทิน’ เกทับสู้ตัวเองสมัย สึนามิ-น้ำท่วมใหญ่ภาคกลางไม่ได้
ปลอดประสพ สุรัสวดี แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความว่าน้ำท่วมหาดใหญ่ มีเรื่องค้างคาใจ ผมเป็นรัฐมนตรีที่ผ่านภัยพิบัติใหญ่ที่แสนวิ
‘เทพไท’ เปิดสาเหตุ 'เพื่อไทย' ไม่กล้ายื่นซักฟอก ทั้งที่ตัวเองได้เปรียบ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิประบุว่า


