‘รสนา’ บี้ ’พีระพันธุ์’ คุย ‘พณ.’ แก้เผื่อเหลือเผื่อขาด อย่าให้ปั้มเอาเปรียบ ปชช.

25 ธ.ค.2566-น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กรุงเทพมหานคร โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า คำว่า“เผื่อเหลือเผื่อขาด “ มิได้มุ่งหมายให้ปั๊มเติมน้ำมันขาดได้ แต่มุ่งบังคับให้ปั๊มต้องสำรองน้ำมันเพิ่มเพื่อให้ลูกค้าได้น้ำมันเต็มตามจำนวนซื้อ ใช่หรือไม่

สื่อมวลชนลงข่าว อธิบดีกรมการค้าภายในอ้างปั๊มเติมน้ำมันไม่เต็มไม่ผิดกฎหมาย “ค้าภายใน”แจงดรามา เติมไม่เต็มลิตร ปั๊มน้ำมันแก่งคอย ไม่ผิดกฎหมาย ระบุขาดได้ไม่เกิน 1% ตามมาตรฐานสำนักงานชั่งตวงวัดโลก “ ดิฉันมีความเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์น่าจะเข้าใจความหมายเผื่อเหลือเผื่อขาดผิดหรือไม่ ตามมาตรา26 ของพรบ.มาตรา ชั่ง ตวง วัด ที่บัญญัติว่า “มาตรา ๒๖ ความเที่ยงของเครื่องชั่งตวงวัดที่ใช้ในกิจการตามมาตรา ๒๕ ต้องอยู่ภายในอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดตามที่กําหนดในกฎกระทรวง”

อธิบดีออกมาให้สัมภาษณ์ว่าปั๊มเติมน้ำมันไม่เต็มไม่ผิดกฎหมาย ดิฉันไปเปิดพจนานุกรมราชบัณฑิตยสถาน คำว่า “เผื่อเหลือเผื่อขาด” ซึ่งแปลชัดเจนโดยไม่ต้องตีความว่า ”ที่สำรองไว้อย่างพอเพียงป้องกันการขาด , ที่เตรียมไว้เผื่อขาดหรือไม่พอ” ดังนั้น สาระหลักของคำนี้ในพรบ.และในระเบียบของสำนักงานชั่งตวงวัดว่า”อัตราเผื่อเหลือเผื่อขาด” จึงควรหมายความว่า ในอัตราการไหลที่ทดสอบระหว่างใช้งาน เมื่อพบว่าน้ำมันที่ไหลจากหัวจ่าย ในจำนวน 5ลิตร จะขาดไป 50 มิลลิลิตร ในจำนวน 20 ลิตรจะหายไป 200 มิลลิลิตร และในจำนวน 50 ลิตร น้ำมันจะขาดหายไป 500 มิลลิลิตร หรือ 1% นั้น แสดงว่าต้องเผื่อไว้ 1%เพื่อให้ลูกค้าได้น้ำมันเต็มจำนวนต้องเผื่อเหลือเผื่อขาดไว้ 1% ไม่ใช่ยอมรับว่าขาดได้1%

สิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ต้องทำคือกำหนดคำนิยามให้ถูกต้องตามสาระที่คุ้มครองผู้บริโภค เพื่อให้กฎกระทรวง และระเบียบสำนักชั่งตวงวัดปฏิบัติให้ถูกต้องต่อไป คือ ต้องควบคุมให้ผู้ประกอบการปั๊มน้ำมันต้องเผื่อจำนวนน้ำมันไว้ 1% เพิ่มเติมให้ลูกค้าที่มาซื้อน้ำมัน เพื่อให้ลูกค้าได้น้ำมันเต็มตามจำนวนที่จ่ายเงินซื้อ ตามความหมายของคำว่า ”เผื่อเหลือเผื่อขาด” ไม่ใช่ไปรับรองว่าปั๊มน้ำมันสามารถเติมน้ำมันขาดได้ 1% ตามกฎกระทรวง ที่น่าจะขัดกับพ.ร.บ.มาตรา ชั่ง ตวง วัด ที่เป็นกฎหมายหลัก ใช่หรือไม่

ดูความหมายของคำว่า ”เผื่อเหลือเผื่อขาด”ในกรณีการสรรหาบุคคล เช่น หากต้องการ 5คน อาจเผื่อเหลือเผื่อขาดอีก 3 คนในการเลือกเพื่อให้ได้5 คน เพราะจำนวนที่ต้องการคือ 5คน ไม่ใช่ 4คน ฉันใดก็ฉันนั้น เมื่อลูกค้าจ่ายเงินเต็มจำนวนเพื่อซื้อน้ำมัน 50 ลิตร ลูกค้ามีสิทธิอันชอบธรรมตามกฎหมายที่ต้องได้รับน้ำมัน 50 ลิตรเต็มตามจำนวนเงินที่จ่าย สำนักชั่งตวงวัดต้องกำหนดวิธีการว่าจะต้องให้ลูกค้าได้น้ำมันตามสิทธิของเงินที่จ่ายอย่างไร จะมาอ้างว่าตามกฎหมายรับรองให้ผู้ค้าน้ำมันเติมน้ำมันขาดได้ 500 มิลลิลิตร หรือครึ่งลิตร แต่สามารถคิดเงินจากลูกค้าเต็มจำนวน จะถูกต้องชอบธรรมได้อย่างไร?!

ดิฉันเห็นว่าอธิบดีกรมการค้าภายในที่ออกมาป้องปั๊มน้ำมันว่าเติมน้ำมันไม่เต็ม ไม่ผิดกฎหมายนั้น เป็นการตีความกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ที่เอื้อผู้ประกอบการ แต่ไม่คุ้มครองผู้บริโภค และน่าจะขัดต่อมาตรา 26ในกฎหมายหลัก ใช่หรือไม่

มีอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านหนึ่งได้ให้ความเห็นกับดิฉันว่า “จะอ้างพรบ.มาตราชั่งตวงวัดพ.ศ.2542 และกฎกระทรวงเป็นข้อต่อสู้ว่ากฏหมายดังกล่าวอนุญาตให้ปั๊มเติมน้ำมันขาดได้ 1% โดยคิดราคาเต็มนั้น ไม่ได้ เพราะ พรบ.และกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นเพียงกฏหมายอนุญาตให้ใช้มาตรวัดปริมาณน้ำมันที่มีอัตราเผื่อเหลือเผื่อขาดได้ไม่เกินอัตราที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวงเท่านั้น ไม่ได้เป็นกฎหมายอนุญาตให้เติมขาดแต่คิดเต็มราคาได้

ดังนั้น การเติมน้ำมันขาดจึงคิดเต็มราคาไม่ได้ หากขืนทำ นอกจากจะผิดสัญญาทางแพ่งแล้ว ยังมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนด้วย ซึ่งไม่ใช่มีความผิดฐานฉ้อโกงธรรมดาเท่านั้น แต่เป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนที่มีโทษหนักขึ้น เพราะไม่ได้เติมขาดและคิดราคาเต็มจากลูกค้าเพียงรายเดียวเท่านั้น แต่ทำวันละหลายสิบราย และเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใดที่ให้สัมภาษณ์ว่าปั๊มสามารถเติมน้ำมันขาดได้นั้น มีข้อพิจารณาว่ามีความผิดฐานสนับสนุนให้ฉ้อโกงประชาชนและผิดกฎหมายอาญา ,กฎหมายป.ป.ช. และวินัยข้าราชการฐานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยหรือไม่”

ท่านอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกาท่านนั้นยังเสนอว่า “น่าจะทำเป็นคดีตัวอย่าง โดยลูกค้าที่ได้รับความเสียหายสัก 10 ราย พากันไปแจ้งความต่อตำรวจให้ดำเนินคดีกับปั๊มน้ำมัน  เมื่อมีการแจ้งความแล้ว ปั๊มน้ำมันน่าจะไม่กล้าทำอีกไป “ ในฐานะผู้บริโภค ดิฉันเห็นว่ากระทรวงพาณิชย์โดย สำนักชั่งตวงวัด ควรกำหนดให้ปั๊มน้ำมันต้องเผื่อปริมาณน้ำมันอีก1% เติมให้ลูกค้าเพื่อได้น้ำมันเต็มตามจำนวนที่ซื้อ จะได้ไม่ทำให้เกิดคดีฟ้องร้องกัน ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ได้ปล่อยให้ปั๊มน้ำมันเอาเปรียบลูกค้าด้วยการเติมน้ำมันขาด แต่ได้เงินเต็มไปเท่าไหร่แล้ว ถึงเวลาต้องแก้ไขแล้ว

จึงขอเสนอให้รัฐมนตรีพีระพันธุ์ ในฐานะนักกฎหมาย ท่านควรพิจารณาความหมายของคำว่า “เผื่อเหลือเผื่อขาด” และหารือกับรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เพื่อจะได้สั่งการแก้ไขให้ถูกต้อง อย่าให้ประชาชนต้องถูกเอาเปรียบโดยอ้างว่ากฎหมายรับรองเช่นนี้เลย ประชาชนต้องทนแบกรับการถูกเอารัดเอาเปรียบอย่างไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับราคาน้ำมันมานานเท่าไหร่แล้ว ต้องแบกรับราคาน้ำมันบวกราคาทิพย์ได้แก่ค่าขนส่ง ค่าประกันภัย ค่าสูญเสียระหว่างทางจากสิงคโปร์มาประเทศไทย ทั้งที่น้ำมันทั้งหมดกลั่นในประเทศไทย ที่ระยอง ที่ศรีราชา และยังมีค่าการตลาดเบนซินลิตรละ2บาท ที่กระทรวงพลังงานปล่อยผู้ค้าน้ำมันสามารถรีดเงินประชาชนเกินไปถึงลิตรละ 3-4 บาท โดยกระทรวงพลังงานทำอะไรไม่ได้ 

กรณีปั๊มเติมน้ำมันไม่เต็มจำนวน แต่ให้เก็บเงินได้เต็มจำนวน รัฐบาลปล่อยให้ผู้ค้าน้ำมันเอาเปรียบประชาชนมานานมากแล้ว ควรต้องรีบแก้ไขโดยด่วนให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนในเรื่องนี้ได้แล้ว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ก้องศักด'ยันทุกสนามซีเกมส์ มาตรฐานพร้อมใช้แข่ง จับมือก.พาณิชย์จัด'ชิม-ช็อป -เชียร์'

ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการ กกท. ยืนยันทุกสนามซีเกมส์ ครั้งที่ 33 มาตรฐาน พร้อมใช้แข่งขัน และต้อนรับแฟนกีฬา ขณะเดียวกัน กกท. ร่วมกับ กระทรวงพาณิชย์ จัดโครงการ “ชิม ช็อป เชียร์” ในทุกสนาม นำอาหาร-ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นทั่วประเทศ ให้บริการประชาชนที่มาชมกีฬา พร้อมกับโชว์ให้ชาวอาเซียนได้เห็นของดีของไทย 

จดทะเบียนธุรกิจตั้งใหม่ตุลาคม 2568 ยอด 7,165 ราย สะสม 10 เดือน 74,510 ราย ด้านต่างชาติลงทุนไทย รอบ 10 เดือนพุ่ง 2.76 แสนล้านบาท โต 72%

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เผยเดือนตุลาคม 2568 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 7,165 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 21,778 ล้านบาท แม้ทุนจดทะเบียนจะลดลงจากปีก่อน แต่ทุนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือน ก.ย. 68

'พีระพันธุ์' เบรกรัฐบาลหยุดซื้อไฟแพงเกินจริง จี้ต่อรองสัญญาใหม่ อย่าเกรงใจนายทุน

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ออกมาแสดงความเห็นต่อกรณีที่รัฐบาลมีมติเร่งรัดจัดซื้อไฟฟ้าโซลาร์ล็อตใหญ่ในราคาที่สูงกว่าเกณฑ์ปกติ โดยชี้ว่า