DSI เร่งทำสำนวน ปปง.เร่งยึดทรัพย์ 'ดิไอคอน'

ดีเอสไอเร่งทำสำนวนแจ้งข้อหา แชร์ลูกโซ่ 18 ผู้ต้องหา และบริษัท ดิ ไอคอน กรุ๊ป

07 พ.ย.2567 - ที่กรมสอบสวน​คดี​พิเศษ​ (ดีเอสไอ)​ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ กล่าวถึงความคืบหน้าคดี ดิไอคอน กรุ๊ป ว่า ขณะนี้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 18 คน โดยพนักงานสอบสวนกำลังทำบันทึกแจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งยังไม่ได้รับการยืนยันว่าจะทำเสร็จทันเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาในเรือนจำในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ย.) หรือไม่ ซึ่งหากพนักงานสอบสวนดำเนินการแล้วเสร็จก็พร้อมเข้าแจ้งข้อหาต่อผู้ต้องหาในเรือนจำทันที สำหรับผู้ต้องหากลุ่มต่อไปนั้น ตอนนี้ยังมีเวลาที่จะสืบสวนสอบสวน จึงต้องมุ่งเน้นการทำสำนวนของผู้ต้องหากลุ่มแรกก่อน เพื่อที่จะส่งสำนวนต่ออัยการให้ทันภายในระยะเวลาฝากขัง 84 วัน

กรณีนายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความผู้ต้องหา ยืนยันว่าจะนำพยานมาให้สอบปากคำกว่า 2,000 คน และหากดีเอสไอ สอบไม่ครบ ก็อาจจะพิจารณาแจ้งความในมาตรา 157 นั้น พ.ต.ต.ยุทธนา กล่าวว่าได้แจ้งให้ทนายทำบัญชีระบุพยานมาว่าใครเกี่ยวข้องอย่างไรรวมถึงประเด็นที่จะเข้าให้การ ซึ่งเป็นอำนาจของพนักงานสอบสวนในการพิจารณา ไม่สามารถสอบปากคำทุกคนได้เพราะอาจจะเกิดความเสียหายต่อคดี

ด้านนายวิทยา นีติธรรม โฆษกประจำสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กล่าวว่า ตอนนี้ทยอยออกคำสั่งในการยึดทรัพย์ไปแล้วประมาณ 320 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นบัญชีที่เก็บเงินจากการซื้อขายหลักทรัพย์ เงินในบัญชีเงินฝากที่มีคำสั่งโอนชัดเจน ซึ่งการตรวจยึดทรัพย์สินในคดีเป็นอำนาจของดีเอสไอในการอายัดเบื้องต้น ก่อนส่งมอบให้ ปปง. ส่วนทรัพย์สินอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง หรือทรัพย์สินของบุคคลที่ไม่ใช่ผู้ต้องหานั้นมีความจำเป็นต้องรอสำนวนสอบสวนคดีอาญาเพื่อประกอบการพิจารณาคาดว่าสัปดาห์หน้าน่าจะมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ถ้าตรวจพบเส้นทางการเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ไม่ว่าจะไปอยู่ที่ใคร ก็สามารถตามตรวจยึดได้หมด โดยไม่ต้องรอบุคคลนั้นถูกดำเนินคดี ส่วนผู้ครอบครองก็ต้องดูเจตนาว่ารับโดยรู้เห็นหรือไม่ ซึ่งที่ผ่านมาก็มีการตรวจยึดทรัพย์สินทั้งของผู้ต้องหาเอง และของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ที่มีเส้นทางการเงินชัดเจน

“ทรัพย์ในคดีนี้ มีหลายหน่วยงานที่ร่วมกันตรวจยึด แต่มีความยากคือ การกระทำความผิดเกิดขึ้นในเวลาหลายปี ทรัพย์อาจถูกยักย้ายถ่ายเทไป ซึ่งจะทำให้เต็มที่ที่สุด ตอนนี้ต้องทำการรวบรวมทรัพย์ให้นิ่งก่อน แล้วจึงจะเข้าขั้นตอนคุ้มครองสิทธิ ต้องมาดูว่าผู้เสียหายจะต้องได้ทรัพย์สินคืนอย่างไร เพราะมีทั้งคนที่จ่ายไปแล้วได้สินค้าบ้างบางส่วนด้วย”

สำหรับเงินที่พบว่าผู้ต้องหาโอนไปทำบุญ จะสามารถยึดอายัดได้หรือไม่นั้น กรณีนี้วัดที่รับทำบุญ สามารถต่อสู้ได้ว่า รับโดยสุจริตตามศีลธรรมจรรยา ไม่รู้ว่าเป็นเงินที่ได้จากการกระทำความผิด ซึ่งต้องดูประกอบด้วยว่า ปกติแล้ววัดเคยรับเงินทำบุญจำนวนเท่านี้ไหม มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดมาก่อนไหม หรือเงินที่ได้รับจากการทำบุญแล้วมีการถ่ายเทออกไปเลยไหม ส่วนกรณีจะอายัดทรัพย์สินของแม่ของผู้ต้องหาคนหนึ่งหรือไม่นั้น ก็ต้องดูที่เจตนาเช่นกันว่ารับเงินโดยสุจริตหรือไม่ รู้หรือไม่ว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

ลาม! 'สนธิญา' ร้องดีเอสไอฟัน 157 'นายกแป้น - ผู้ว่าฯ สงขลา'

'สนธิญา' ร้อง 'ดีเอสไอ' ตรวจสอบเอาผิด 'นายกแป้น - ผู้ว่าฯ สงขลา' ม.157 ปมละเว้น เพิกเฉย คนใต้ตายเซ่นน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้ 'นายกแป้น' ลาออกภายในอาทิตย์หน้า หากดื้อเตรียมร้อง 'ป.ป.ช.' เอาผิดไล่บี้

'พงศกร' ตีปี๊บบอก ปปง.ยึดทรัพย์ทุนเทากว่า 1 หมื่นล้านจากข้อมูล ปชป.ส่งให้!

'ปปง.' ยึด-อายัดทรัพย์สแกมเมอร์ข้ามชาติ กว่า 1 หมื่นล้าน หลัง 'ปชป.' ยื่นหลักฐาน ด้าน 'พงศกร' ขอบคุณ ย้ำ พร้อมสานต่อภารกิจสร้างความโปร่งใส

อย่าลงทะเบียนผ่านเฟซบุ๊ก-ติ๊กต็อก-ไลน์ แนะ 3 ช่องทางขอเงินคืนจาก ปปง.

รัฐบาลย้ำ ปปง. ไม่มีระบบคุ้มครองสิทธิผู้เสียหาย ทางเฟซบุ๊ก-ติ๊กต็อก-ไลน์ เตือน ปชช. อย่าหลงเชื่อลงทะเบียนขอรับเงินคืน แนะ 3 ช่องทางที่ถูกต้อง

สภาสูงคาดพยานกลับคำให้การคดีฮั้วเพราะการสอบสวนไม่มืออาชีพ!

'ฉัตรวรรษ' เผยพยานกลับคำให้การ 'คดีฮั้ว สว.' หลังอ้างถูกข่มขู่ซัดทอด 'ภท.' ชี้ อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจของผู้สอบสวน หากทำถูกต้องเป็นธรรม-มืออาชีพ ก็ไม่มีแบบนี้