
วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน ‘ระบอบทักษิณใหม่’ นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14
13 ธ.ค. 2567 – จากกรณีมีบุคคลหลายกลุ่มได้ไปร่วมหารือพูดคุยสถานการณ์การเมือง โดยเฉพาะการทำงานของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ไปรวมตัวกันที่ ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพญาไท-เพชรบุรี เมื่อคืนวันที่ 11 ธ.ค. จนทำให้เริ่มถูกจับตามองทางการเมือง เพราะเป็นการรวมตัวกันของคนที่ถูกมองว่าอยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล และหลายคนเป็นนักเคลื่อนไหวและอดีตนักเคลื่อนไหวทางการเมืองนอกรัฐสภา ทั้งสายอดีตพันธมิตรฯ – นปช.- กปปส. -คปท. – ศปปส. – กองทัพธรรม รวมถึงนักการเมืองบางส่วน เป็นต้น
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี หนึ่งในบุคคลที่ไปร่วมหารือด้วย เปิดเผยว่า ไปร่วมประชุมด้วยในฐานะแขกรับเชิญ และสิ่งที่เป็นเซอร์ไพรส์คิดไม่ถึงก็คือเป็นการรวมตัวครั้งใหญ่ ที่ต้องให้เครดิตคนที่ประสานงาน ซึ่งประสานงานได้ยอดเยี่ยมมาก ที่สามารถเชิญนักต่อสู้ทุกรุ่นให้มาเจอกันได้ และทุกคนพูดตรงกันว่า ภาพวันนี้เป็นการสะท้อนความในใจของทุกคน ที่ต่างรู้สึกอึดอัดและรับไม่ได้กับพฤติกรรมการใช้อำนาจมิชอบ การทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล อันนี้คือบทสรุปที่ทุกคนเปิดความในใจออกมา
“หากถามว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็เกิดจากพื้นฐานที่คิดว่ามันไปไม่ไหวแล้วโว้ย นี้คือคำพูดที่พูดกันเลยคำว่า ”โว้ย” คือ มันควรถึงเวลาที่ต้องมาล้อมหน้าคุยกัน และการนัดหมายครั้งนี้ ก็มีทั้งกลุ่มนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว เช่น อดีต นปช. อย่างคุณจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตพันธมิตรฯ อย่างคุณปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ส่วน กปปส. ก็มีหลายคน และยังมีกองทัพธรรม -คปท.-ศปปส. คือมีนักต่อสู้ทุกรุ่น อย่างรุ่นใหญ่ๆ ก็ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต สว. คุณแก้วสรร อติโพธิ และคุณขวัญสรวง อติโพธิ และอีกหลายคนที่เป็นอาจารย์ผู้หลักผู้ใหญ่ ซึ่งในวงหารือบอกว่าการนัดเจอกันไม่เป็นความลับ” นพ.วรงค์ ระบุ
นพ.วรงค์ กล่าวว่า ความรู้สึกที่คุยกันก็คือต่างก็รับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับประเทศไม่ได้ ประเด็นที่คุยกันหนักเช่น MOU 2544 ที่เป็นเรื่องใหญ่ ซึ่งเรื่องนี้เครือข่ายอดีตพันธมิตรฯ เขาทำอยู่ รวมถึงพวกตนเองส่วนหนึ่งทำอยู่ ในที่ประชุมคุยกันมองว่ากระแสเรื่องนี้เชื่อว่าติด และอีกจุดหนึ่งที่รับไม่ได้มากๆ คือการทุจริตต่อหน้าที่ เรื่องนักโทษชั้น 14 ที่ไม่มีอะไรไปถึงไหน
“ได้มีการพูดคุยกัน มีคนให้ข้อมูลในที่ประชุมว่า มีการซื้อตัว ป.ป.ช. มีการเอ่ยชื่อ ว. ไปหนึ่งคน ที่เข้าใจว่าจบแล้ว และเมื่อคืนนั้นก็มีการพูดถึงว่ามีการซื้อตัว ป.ป.ช. คนที่สอง และคาดว่าจะมีการซื้อตัว ป.ป.ช. คนที่สามต่อไป เพื่อให้คะแนนกรรมการ ป.ป.ช. ออกมา สามต่อสาม มีคนให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าอนุกรรมการไต่สวนน่าจะมีบทสรุปแล้วว่ามีมูล ซึ่งน่าจะเป็นการลงโทษผู้กระทำผิดชุดใหญ่ แต่ถ้ามีการซื้อตัว ป.ป.ช. ขึ้นมาจะเป็นปัญหา เรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทุกคนเห็นว่าปัญหาการทุจริตคอร์รัปชันการทุจริต เป็นเรื่องใหญ่ที่ทุกคนน่าจะต้องช่วยกันจัดการไม่อย่างนั้นประเทศ อยู่ไม่ได้” นพ.วรงค์ กล่าว
อีกประเด็นที่คุยกันคือ ปัญหาการเสนอชื่อประธานคณะกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย (บอร์ดธปท.) ซึ่งจริงๆ ปัญหาหลายอย่างสอดคล้องกัน เพียงแต่เราเอาปัญหาต่างๆ มาเรียงเป็นข้อต่างๆ โดยมีคนเสนอว่า เราน่าจะให้มีคณะทำงาน อย่างเรื่อง MOU2544 ที่เครือข่ายพันธมิตรฯ ทำ แต่ใครไปช่วยได้ก็ไปช่วย ส่วนเรื่องการติดตามปัญหาการทุจริต การทุจริตต่อหน้าที่ ให้มีคณะทำงานอีกชุดหนึ่งทำ มีการโยนหินขึ้นมา ในภาพรวมคือ วันที่ 18 ธ.ค. นี้ น่าจะมีการทำกิจกรรมสักครั้งหนึ่งที่จะไปสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปรามปราบการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่หลังจากนี้คงต้องการประสานงาน เพื่อวางแผนการขับเคลื่อนทั้งหมด
นพ.วรงค์ ย้ำว่า การนัดรวมตัวกันดังกล่าว บทสรุปก็คือ เพื่อจะต่อสู้กับขบวนการทุจริตที่เกิดจากรัฐบาล เพราะเรามองว่า MOU เป็นเครือข่ายการทุจริตอย่างหนึ่ง
“ที่คุยกัน คำพูดที่น่าสนใจคือ การต่อสู้ครั้งนี้ เราต่อสู้กับระบอบทักษิณใหม่ ไม่ใช่แค่ระบอบทักษิณเฉยๆ แต่เป็นระบอบทักษิณใหม่ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ระบอบทักษิณ คงหนีไม่พ้นการทุจริตคอร์รัปชัน การแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม การใช้อำนาจโดยมิชอบ แต่คำพูดคำหนึ่งที่ทุกคนเห็นด้วยก็คือ ระบอบทักษิณใหม่พยายามอ้างอิงไปที่สถาบันเบื้องสูงอยู่เรื่อย เวลามีกิจกรรมก็ชอบจะใช้คำที่มีภาษาสูงที่เชื่อมโยงสถาบัน เช่นเป็นพระมหากรุณาธิคุณฯ อะไรแบบนี้ เพื่อให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าระบอบทักษิณ ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันเบื้องสูง นี่คือจุดอันตรายของระบอบทักษิณใหม่ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย” ประธานพรรคไทยภักดี ระบุ
นพ.วรงค์ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวในอนาคตของกลุ่มบุคคลที่คุยกันดังกล่าวว่า ทุกคนต่างบอกว่าไม่จำเป็นต้องไปนั่ง-นอนกัน 7 – 8 เดือน เหมือนสมัยก่อน เพราะสังคมยุคโซเชียลมีเดีย ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด เพียงแต่ว่าเพื่อจะนำไปสู่อะไร มันจะมีคำตอบตามมา คำตอบนี้ตนว่า เนื่องจากเราเพิ่งเจอกันแค่ครั้งเดียว แต่ด้วยเซนส์ตน เชื่อว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง และจะไม่เปลี่ยนเหมือนเดิม เชื่อว่าแบบนั้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
จับเบอร์พรรคมีโห่ไล่ ‘อนุทิน’37เด็ดตรงหนู
จับเบอร์ผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ พรรคเพื่อไทยโชคดีได้เลข 9 เบอร์เก่า
'ภท.-ปชน.' แตกหักปม112 'พท.' ตัวแปรรอร่วมรัฐบาล
การเลือกตั้งวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2569 กำลังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงโค้งสำคัญ พรรคการเมืองต่างเร่งนำเสนอนโยบาย แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และทีมรัฐมนตรี เพื่อขอโอกาสประชาชนเข้ามาบริหารประเทศในอีก 4 ปีข้างหน้า
เพื่อไทยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร คนรุ่นใหม่เพียบ ดึงคนใกล้ชิดมดดำ เสริมทีมเลือกตั้ง
เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครพรรคเพื่อไทย คนรุ่นใหม่เพี๊ยบ น้องชาย-คนสนิท มดดำ / มดเล็ก-รวีภัทร์ อดีต สส.กอล์ฟ กาญจนบุรี จั๋ง พงศ์ศรัณย์ อดีตรองเลขาธิการนายกฯ
'พท.' แฉน่านจ่ายหัวละ 300 เก็บบัตรปชช. ผวาซื้อเสียงระบาดหนัก
'หมอชลน่าน' แฉ พบจ่ายหัวละ 300 บาท ที่น่าน เริ่มเก็บสำเนาบัตรประชาชนแล้ว วัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน หวั่นซื้อเสียงระบาดหนัก
กังขา 'ปชน.' ไม่จับมือ 'กธ.' แต่จับมือ 'พท.' แม้ 'ทักษิณ-ประเสริฐ' แนบแน่น 'เบน สมิธ'
นายไทกร พลสุวรรณ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊กระบุว่า พรรคประชาชนไม่จับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เพราะ ธรรมนัส สนิทกับ เบนสมิธ
'จตุพร' ฟันธงเลือกตั้งวนลูปสับปลับ 'สงคราม-เงินเทา' ตัดสินชะตาบ้านเมือง
'จตุพร' ชี้เลือกตั้งแข่งกันสับปลับแล้วอ้างจำเป็นกอดคอตั้ง รบ. คาดพรรคใหญ่ปล่อยของซัดกันนัว ระบุ 3 ปัจจัยทั้งสงคราม เงินเทาสแกมเมอร์ และขุดดิจิทัลฟุตพริ้นท์ซ้ำเติมพูดแล้วลืมทำ ฟาดกันน่วม ชี้ ปชน.-พท.-ภท. กวาดเสียง แย่งชิงพรรคกลาง-เล็กตั้ง รบ.กลับกลอก

