'กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม' ค้านเปิดบ่อนกาสิโน หวั่นสังคมไทยล่มสลาย

แพทย์ พยาบาล ออกโรงคัดค้านบ่อนกาสิโนทำสังคมล่มสลาย ถาม รัฐบาลแค่คนติดยาไม่พอ ยังคิดสั้นสร้างปัญหาอาชญากรรม-คนติดพนัน

3 เมษายน 2568 - ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม จำนวน 156 คน อันประกอบด้วยสมาชิกหลากวิชาชีพด้านการแพทย์และสาธาธารณสุข ที่สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยมหิดลหรือเกี่ยวข้อง ได้แก่ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร ทันตแพทย์ นักสาธารณสุข นักวิทยาศาสตร์ ฯลฯ ได้ร่วมลงนามคัดค้านการจัดตั้งบ่อนคาสิโนอย่างถูกต้องในประเทศไทย

สำหรับแถลงการณ์มีใจความ ดังนี้ ตามที่รัฐบาลแพทองธารได้พยายามผลักดันให้มีการออกกฎหมาย เพื่อให้มีการจัดตั้งบ่อนคาสิโนอย่างถูกต้องในประเทศไทย โดยอ้างว่าเพื่อสร้างรายได้ไห้กับประเทศ และเพิ่มรายได้จากภาษีแก่รัฐ อย่างไรก็ดี หากพิเคราะห์ให้ลึกซึ้งจะพบว่าเรื่องนี้จะสร้างความเสียหายต่อสังคมไทยในระยะยาวมากกว่าผลดีที่ที่รัฐบาลกล่าวอ้าง

และจะนำมาซึ่งการล่มสลายของสังคมในที่สุด เพราะสุดท้ายประเทศไทยจะมีพลเมืองติดการพนันเต็มไปหมด เฉกเช่นเดียวกับปัญหาการติดยาเสพติด รวมถึงการใช้บ่อนเป็นแหล่งฟอกเงิน การสร้างความไม่เท่าเทียมกันของรายได้ ระหว่างนายทุนบ่อนเพียงไม่กี่รายกับพลเมืองคนทั่วไป แม้ว่ารัฐบาลจะกล่าวอ้างว่า จะได้มีการออกกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนชาวไทยเข้าถึงบ่อนนี้

"เช่นเดียวกับที่ทำกันที่ประเทศสิงคโปร์ แต่โดยข้อเท็จจริงแล้ว มาตรการทางกฎหมายของทั้งสองประเทศแตกต่างกันมาก ตั้งแต่ระดับค่าธรรมเนียมของการเข้าบ่อน (Enty Levy) ที่พลเมืองของประเทศต้องจ่ายเพื่อเข้าบ่อน ไปจนถึงการจัดตั้งหน่วยงานทำการควบคุมและป้องกันการติดพนันของพลเมืองโดยเฉพาะของสิงคโปร์ ขณะที่ประเทศไทยไม่มี”

สิ่งที่รัฐบาลแพทองธารมักกล่าวอ้างเสมอว่า คาสิโนคอมเพล็กซ์ที่จัดตั้งขึ้น อนุญาตให้ใช้พื้นที่ได้ไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ทั้งหมด ซึ่งเป็นตัวเลขลวงตา เพราะแท้จริงแล้ว สิ่งที่สำคัญสุดในการทำธุรกิจคือ เม็ดเงินที่ต้องลงทุนและใช้หมุนเวียน จำนวนเม็ดเงินที่ธุรกิจเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ต้องใช้จะอยู่ที่ตัวบ่อนมากที่สุด หาใช่กิจกรรมสวนสนุกบันเทิงอื่นๆ ไม่ และอาจเกินกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของเม็ดเงินทั้งหมด

สิ่งสำคัญที่สุด คือการบังคับใช้ข้อกฎหมายต่อให้รัฐบาลแพทองธาร จะออกกฎหมายควบคุมให้ดีเลิศสักเพียงใด เป็นที่รู้กันดีว่าประเทศไทยมีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย เพราะการทุจริตของเจ้าหน้าหน้าที่รัฐ และนำไปสู่ธุรกิจสีเทาในที่สุด ดังที่เกิดขึ้นในประเทศจีนหลังผนวกรวมมาเก๊าเป็นส่วนหนึ่งของจีน ดังนั้น หากมีบ่อนคาสิโนเกิดขึ้น คาคการณ์กันได้ว่า คงจะมีธุรกิจสีเทาเต็มบ้านเต็มเมือง อันจะนำไปสู่การฉ้อฉลและอาชญากรรมร้ายแรง มีพลเมืองไทยติดการพนันเต็มบ้านเต็มเมือง เฉกเช่นเดียวกับที่มีผู้เสพยาเสพติดอยู่ในขณะนี้ ลำพังเพียงปัญหายาเสพติดยังไม่พอ รัฐบาลยังคิดสั้นจะสร้างปัญหาอาชญากรรมและคนติดการพนันให้เพิ่มขึ้นอีกหรือ

โดยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ทางกลุ่มเพื่อนมหิดลเพื่อสังคม จึงขอคัดค้านการออกกฎหมายบ่อนคาสิโน ซึ่งจะทำลายอนาคตของลูกหลานไทยในภายภาคหน้าอย่างถึงที่สุด