
21 พ.ค. 2568 - นายกมล กมลตระกูล นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความ เรื่อง ไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษี มีเนื้อหาดังนี้
สงครามภาษีไม่ใช่สงครามระหว่างสหรัฐฯ กับจีน แต่เป็นสงครามต่อผู้บริโภค คนงาน โรงงาน และ ห่วงโซ่อุปทาน (Supply chains) ที่ถูกกระทบทั่วทั้งโลก ดังนั้น โลกจึงโล่งใจเมื่อผู้นำที่ทรงอำนาจที่สุดสองคนเห็นพ้องกันว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามภาษีหรือสงครามการค้า แม้ว่าข้อตกลงพักรบทางการค้าจะมีอายุเพียง 90 วันก็ตาม สี จิ้นผิง กล่าวกับคณะผู้นำประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกันว่า “มีเพียงความสามัคคีและความร่วมมือเท่านั้นที่ประเทศต่างๆ จะสามารถปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพของโลก และส่งเสริมการพัฒนาและความเจริญรุ่งเรืองทั่วโลกได้”
แต่ทรัมป์ต้องการลดหรือขจัดการขาดดุลการค้า ซึ่งผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จีนจะทำได้โดยสมบูรณ์ เพราะสหรัฐฯ ขาดดุลการค้ากับจีนด้วยมูลค่าประมาณ 295 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567
นักวิจารณ์จากสื่อบางคนแสดงความคิดเห็นว่า ความขัดแย้งนั้นชัดเจน เมื่อทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างอ้างชัยชนะหลังประกาศพักรบทางการค้าชั่วคราวเมื่อวันจันทร์ที่ (12 พฤษภาคม) ข้อตกลงนี้ลดภาษีสินค้าของแต่ละฝ่ายลงอย่างมากเป็นเวลา 90 วันเพื่อบรรเทาความตึงเครียดชั่วคราว
มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการอ้างชัยชนะของทรัมป์นั้นกลวงและไม่จริง. เพราะว่าหลังจากขึ้นภาษีอย่างรวดเร็วถึง 145 เปอร์เซ็นต์ เขาคาดหวังว่าปักกิ่งจะยอมจำนนก่อน แต่เขาประเมินกลยุทธ์ทางการเมืองของปักกิ่งต่ำเกินไป รวมถึงความพร้อมและความมุ่งมั่นของจีนที่จะอดทนต่อความยากลำบากทางเศรษฐกิจในระยะสั้น
ในการพลิกผันเชิงกลยุทธ์ ปักกิ่งได้นำกลยุทธ์ใช้ "แรงกดดันสูงสุด" ของทรัมป์มาใช้ตอกกลับอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวว่าพร้อม "ต่อสู้จนถึงที่สุด"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า จากมุมมองของจีน การเป็นประเทศแรกและประเทศเดียวที่ยืนหยัดต่อต้านกลยุทธ์การข่มขู่ของทรัมป์และได้รับชัยชนะ คือ ทรั๊มป์ ยอมหันมาเจรจรลดภาษีด้วย ทำให้จีนอยู่ในฐานะคู่เจรจาที่เท่าเทียมกับสหรัฐฯ อย่างไม่ต้องสงสัยในเกมช่วงชิงการเป็นมหาอำนาจ ซึ่งเป็นสถานะที่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีนเคยกล่าวไว้ว่าให้ "มองทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียมกัน" ชัยชนะครั้งนี้อาจเสริมสร้างสถานะและความสำคัญของจีนในสายตาของชาวโลก
อย่างไรก็ตาม เดโบราห์ เอล์มส์ หัวหน้าฝ่ายนโยบายการค้าของมูลนิธิฮินริช ซึ่งเป็นองค์กรการกุศล เชื่อว่าในขณะที่ทั้งสหรัฐฯ และจีนต่างก็เรียกสิ่งนี้ว่าเป็นชัยชนะในเงื่อนไขของตนเอง แต่ยังเร็วเกินไปที่จะบอกผลลัพธ์ที่แท้จริงของการเจรจา
ตามข้อตกลงพักรบด้านภาษี วอชิงตันจะลดภาษีนำเข้าจากจีนลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ จาก 145 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 90 วัน ในขณะที่ปักกิ่งจะลดภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ลงเหลือ 10 เปอร์เซ็นต์ จาก 125 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงเวลาเดียวกัน สหรัฐฯ จะยกเลิกภาษีเพิ่มเติมรวม 91 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสินค้าจีน และจีนก็จะลดภาษีตอบโต้เพิ่มเติม 91 เปอร์เซ็นต์ สำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ เช่นกัน สหรัฐฯ จะระงับ "ภาษีตอบโต้" 24 เปอร์เซ็นต์ และจีนก็จะระงับภาษีตอบโต้ 24 เปอร์เซ็นต์ เช่นกัน ตามข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ของจีนแถลง
นอกจากนี้ คณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งสภาแห่งรัฐของจีนประกาศเมื่อวันอังคารว่า ตั้งแต่วันพุธเป็นต้นไป จะลดภาษีเพิ่มเติมสำหรับสินค้าของสหรัฐอเมริกาที่ระบุไว้ในประกาศของคณะกรรมการภาษีศุลกากรแห่งสภาแห่งรัฐ ฉบับที่ 4 ปี 2568 จาก 34 เปอร์เซ็นต์ เป็น 10 เปอร์เซ็นต์ โดยระงับอัตราดังกล่าว 24 จุดเปอร์เซ็นต์ เป็นระยะเวลาเริ่มต้น 90 วัน
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าต้องการปรับสมดุลการค้า นั่นคือเป้าหมายสูงสุดของพวกเขา และสิ่งนั้นจะไม่มีวันเกิดขึ้น ดังนั้น สิ่งที่ตกลงกันไว้อาจถูกแก้ไขในไม่ช้า หากเป้าหมายไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ยิ่งไปกว่านั้น ระยะเวลา 90 วันอาจไม่เพียงพอที่จะบรรลุข้อตกลงที่ครอบคลุมในการแก้ไขอุปสรรคทางการค้าของทั้งสองฝ่าย ซึ่งรวมถึงประเด็นทรัพย์สินทางปัญญา บทบาทของรัฐวิสาหกิจของจีน และการควบคุมการส่งออกของสหรัฐฯ
แดน หวัง ผู้อำนวยการประจำประเทศจีนของ Eurasia Group ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมือง กล่าวว่า การลดภาษีเป็น "เรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมาก" และเป็นการเริ่มต้นที่ดีสำหรับทั้งสองประเทศ เธอกล่าวเสริมว่า จีนกำลังพยายามหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืดที่ยืดเยื้อและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจขัดขวางการลงทุนทางธุรกิจในระยะยาว
ในความเป็นจริง ตลาดแรงงานของจีนทรุดโทรมมานานกว่าหนึ่งปีแล้ว และความเจ็บปวดทางเศรษฐกิจนั้นเป็นปัจจัยหนึ่งในการเข้าสู่การเจรจากับสหรัฐฯ
หวังกล่าว แต่เธอเตือนว่า จีนจะยอมผ่อนปรนก็ต่อเมื่อเห็นว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อการได้รับผลประโยชน์ระยะยาว เช่น การมุ่งเน้นไปที่การขยายส่วนแบ่งตลาดในการผลิตระดับสูง
ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนมีลักษณะของการแข่งขันระยะยาว โดยทั้งสองฝ่ายไม่น่าจะยอมถอย "ผู้นำจีนมีมุมมองระยะยาวมากเกี่ยวกับการมีบทบาทที่แข็งแกร่งขึ้นบนเวทีโลก แต่ในสายตาของสหรัฐฯ นั่นคือภัยคุกคาม" หวัง กล่าว
สำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ การดำเนินธุรกิจเป็นอัมพาตจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากภาษี และบริษัทต่างๆ อาจยังคงลังเลที่จะเพิ่มคำสั่งซื้อ แม้ว่าภาษีสินค้าจีนจะลดลงเหลือ 30 เปอร์เซ็นต์ แต่นี่ก็ยังคงเป็นการเพิ่มขึ้นของภาษีที่เจ็บปวดสำหรับผู้บริโภคในสหรัฐฯ ซึ่งคงต้องลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เช่น การซื้อของขวัญวันคริสต์มาสที่ทำกันเป็นประเพณีมาทุกปี
โจว หมี นักวิจัยอาวุโสจากสถาบันความร่วมมือด้านการค้าระหว่างประเทศและเศรษฐกิจแห่งประเทศจีน กล่าวเมื่อวันอังคารว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งสัญญาณสำคัญ ซึ่งเป็นการถอยออกจากมาตรการขึ้นภาษีรอบก่อนหน้านี้
การปรับเปลี่ยนนี้อาจสะท้อนถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากต้นทุนที่สูงขึ้นและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐฯ เขากล่าว พร้อมเสริมว่า พัฒนาการดังกล่าวสร้างความมั่นใจในระดับหนึ่งให้กับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการค้าทวิภาคี
นอกจากนี้ ยังมีปฏิกิริยาเชิงบวกจากทั่วโลก โฆษกของสหประชาชาติกล่าวถึงการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ และการตัดสินใจของทั้งสองฝ่ายที่จะลดภาษีร่วมกัน โดยระบุในสำเนาข่าวประชาสัมพันธ์ลงวันที่ 12 พฤษภาคมว่า "เรายินดีกับการเจรจาโดยตรงด้านการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาที่สวิตเซอร์แลนด์ นี่เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อเศรษฐกิจโลก และเราได้กล่าวเสมอว่าเราไม่ต้องการให้สงครามการค้ารุนแรงขึ้น"
"เราต้องการการเจรจา" โฆษกกล่าว "ผมคิดว่าเลขาธิการ [อันโตนิโอ กูเตอร์เรส] ได้กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าไม่มีใครชนะในสงครามการค้า และอย่างที่คุณทราบ ผมคิดว่าแนวคิดเรื่องการเป็นศัตรูเป็นสิ่งที่รบกวนจิตใจเขา และเขาได้หยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมากล่าวหลายครั้ง"
สหภาพยุโรปแสดงความยินดีกับการตัดสินใจของสหรัฐฯ และจีนที่จะลดสงครามภาษีที่ทั้งสองประเทศมีการเจรจาข้อตกลงกัน วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวันจันทร์ โดยอ้างคำกล่าวของโฆษกคณะกรรมาธิการยุโรป ว่า
"เรายินดีเป็นอย่างยิ่งที่สหรัฐฯ และจีนได้ประกาศว่า อย่างน้อยในระดับหนึ่ง พวกเขาจะระงับการเก็บภาษีเป็นเวลา 90 วัน" โอโลฟ กิลล์ โฆษกของคณะกรรมาธิการ กล่าวเมื่อวันจันทร์
เมื่อวันอังคาร เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ปรับเพิ่มการคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯว่า "การที่รัฐบาลเพิ่งลดหย่อนภาษีที่รุนแรงบางส่วนที่เก็บจากจีน เป็นการลดความเสี่ยงที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยในปีนี้" ไมเคิล เฟโรลี หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯ ของเจพีมอร์แกน กล่าวในหมายเหตุเมื่อวันอังคาร
ตามรายงานของบลูมเบิร์ก โกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และธนาคารใหญ่อื่นๆ ก็ปรับเพิ่มคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนเช่นกัน โดยอ้างถึงข้อตกลงลดภาษีชั่วคราวกับสหรัฐฯ เพื่อลดความขัดแย้งทางการค้า ตามรายงานของบลูมเบิร์ก
สำหรับอาเซียน บางประเทศ เช่น เวียดนามได้เริ่มการเจรจาทวิภาคีกับสหรัฐฯ ในระดับรัฐมนตรี ดังนั้น ผลลัพธ์ของการเจรจาทวิภาคีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอาเซียนจึงมีความสำคัญในการพิจารณาว่าประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในการต่อรองกับสหรัฐฯ หรือเสี่ยงที่จะถูกกีดกันในภูมิทัศน์การค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไป
ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้รับผลกระทบจากอัตราภาษีที่สูงที่สุดบางส่วนที่ 30-60% จะต้องระมัดระวังที่จะถูกกันออกจากวงเจรจากับสหรัฐฯ ด้วยอัตราภาษีที่ถูกเก็บสูงกว่าจีน ทั้งนี้เนื่องจากหากไม่มีการเจรจาทวิภาคี จะส่งผลเสียต่อความสามารถในการแข่งขันและแรงจูงใจในการลงทุนในอนาคตอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์กล่าวว่า เนื่องจากทรัมป์เป็นคนคาดเดาไม่ได้ จึงไม่มีการรับประกันว่าอัตราภาษีที่มีอยู่ในปัจจุบันจะคงอยู่ อาจลดลงได้ แต่ก็อาจกลับขึ้นไปอีกได้เช่นกัน
ดังนั้น การเตรียมความพร้อมในการแสวงหาตลาดใหม่ๆเพื่อเป็นทางเลือก รวมทั้งการสร้างตลาดผู้บริโภคภายในประเทศโดยรัฐเป็นผู้ลงทุนเพื่อให้เกิดการจ้างงาน และการสร้างงานใหม่ๆในด้านเมกะโปรเจ็ค การลงทุนด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ เพื่อพัฒนาศักยภาพ และประสิทธิภาพ ของภาคแรงงาน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของชาติ เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มาตรการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ของสหภาพยุโรปที่จะเริ่มบังคับใช้เดือนหน้าอาจทำให้อุตสาหกรรมเหล็กของไทยสูญเสียความสามารถในการแข่งขันได้ในเร็ว ๆ นี้
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 สหภาพยุโรปจะเริ่มจัดเก็บภาษีนำเข้าภายใต้มาตรการปรับราคาคาร์บอนข้ามพรมแดน (CBAM) ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของสินค้า ทั้งทางตรงและทางอ้อมจากกระบวนการผลิตของสินค้า[ EU [Source]] โดยในระยะแรกคาดว่า CBAM จะส่งผลกระทบต่อ 3.8% ของสินค้าส่งออกของไทยไปสหภาพยุโรปในปี 2569 คิดเป็นมูลค่าประมาณ 28,000 ล้านบาท
สหภาพยุโรปกำหนดมาตรการคว่ำบาตรหัวหน้ากองกำลัง RSF ในซูดาน
สหภาพยุโรปได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรผู้บัญชาการระดับสูงของกองกำลังสนับสนุน RSF ซึ่งเป็นกองกำลังกึ่งทหารในซูดานแล้ว
‘ไพศาล’ ชี้ ทั่วโลกตลึง ไทย-จีน สุดซึ้ง
ไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย ทนายความ นักวิจารณ์การเมือง โพสต์ข้อความว่า ทั่วโลกตลึง ไทย-จีนสุดซึ้ง
'เท้ง' ดึงสติ 'อนุทิน' อย่าโหนกระแสชาตินิยม ปมปัญหาชายแดน หวั่นทำไทยเสียเปรียบ
'เท้ง' ดึงสติ 'อนุทิน' อย่าเอาแต่คะแนนเสียง ปมบริหารจัดการปัญหาชายแดน หวั่นทำไทยเสียเปรียบ บอกโลกกำลังล้อมเขมร แทนที่จะปราบสแกมเมอร์ กลับฉีกสันติภาพ โหนกระแสชาตินิยม ไม่จัดการเรื่องนี้อย่างจริงจัง แนะต่อสายตรงผู้นำมาเลเซีย -ปธน.สหรัฐ
เพจดัง แนะไทยกระตุ้น 'ทรัมป์' รับผิดชอบ กดดันกัมพูชา คนไทยต้องมีสติ หาพวกมาจัดการคนบ้า
เพจเฟซบุ๊ก thaiarmedforce.com โพสต์ข้อความว่า ผลการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติมีนัยยะที่ชัดเจน โดยเฉพาะข้อสุดท้ายคือ อนุญาตให้กองทัพใช้กำลังได้ตามกฎการปะทะหรือ Rule of Engagement
เอาแล้ว! กลุ่มคนไทย บุกสถานทูตอเมริกา จี้ 'ทรัมป์' อย่าแทรกแซง ความขัดแย้งไทย-กัมพูชา
กลุ่มคนไทย บุกสถานทูตอเมริกา เรียกร้อง ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยุติการแทรกแซงกิจการภายในของไทย โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ลั่น ขอแก้ปัญหาแบบทวิภาคี ไม้ต้องการประเทศที่ 3 เข้ามายุ่งเกี่ยว


