ถก พ.ร.ก.ไซเบอร์-ทรัพย์สินดิจิทัล' 'จุลพงศ์' สงสัยด่วนอย่างไร ฝ่าย 'วิโรจน์' เห็นด้วย แต่ต้องเร่งเสริมศักยภาพ 'ศปอท.' 'รังสิมันต์' ทวงถาม จัดการ พล.ต.ต. ชื่อย่อ 'ต.' ถึงไหนแล้ว
28 พ.ค.2568 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้เข้าสู่วาระพิจารณาพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 และพระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ
โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 กำหนดการตรา พ.ร.ก. มาตรา 172 สามารถใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ได้ วรรค 1 ให้กระทำได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นว่า เป็นกรณีฉุกเฉินที่มีความจำเป็นเร่งด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ และเสนอต่อรัฐสภา พิจารณาอย่างไม่ชักช้า เพื่ออนุมัติ หรือไม่อนุมัติ พ.ร.ก.โดยเร็ว
ในโอกาสนี้ รัฐบาลจึงขอกราบเรียนสภาผู้แทนราษฎร ถึงหลักการและเหตุผล พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2568 แบบสรุปได้ ดังนี้ เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น แต่พบว่า ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ของกลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องเร่งด่วนแก้ไขปรับปรุงกฎหมายปัจจุบันให้ทันสมัยเหมาะสม และครอบคลุมกับสถานการณ์ในยุคดิจิทัล
เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จึงมีความจำเป็นเร่งด่วน ที่จะต้องแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือทางกฎหมาย เพื่อบังคับใช้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดการกวาดล้างอาชญกรรมทางเทคโนโลยี เพื่อติดตาม ควบคุม และบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ลดปัญหาสังคม และผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่ออุดช่องว่างที่เกิดขึ้น และลดความเสียหาย จากการถูกมิจฉาชีพออนไลน์หลอกลวงให้เกิดผลเป็นรูปธรรมต่อไป
สำหรับเหตุผลและความจำเป็นของ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ฉบับที่ 2 พ.ศ.2568 เนื่องจากปัจจุบันศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลนอกราชอาณาจักร ซึ่งอยู่ในราชอาณาจักรยังไม่มีการควบคุบ ตาม พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล พ.ศ.2561 ซึ่งมีการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ไปซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ผ่านศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลดังกล่าว ส่งผลต่อการบังคับใช้กฎหมาย
โดยเฉพาะการตรวจสอบ และการระงับการทำธุรกรรม รวมทั้งการติดตาม และการนำเงินคืนแก่ผู้เสียหายที่ทำได้ยาก สมควรให้ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลที่ประกอบธุรกิจอยู่นอกราชอาณาจักร ให้ต้องได้รับการอนุญาตตาม พ.ร.ก.นี้
ต่อมา นายจุลพงษ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายโดยตั้งคำถามถึงความจำเป็นเร่งด่วนของกฎหมายทั้ง 2 ฉบับข้างต้น ว่า แต่เดิมในปี 2561 ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนในขณะนั้น แต่กฎหมาย 2 ฉบับนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญจริงหรือไม่ ซึ่งตนพร้อมที่จะสนับสนุน แต่ขอให้ยกตัวอย่างได้หรือไม่ว่า ในแต่ละมาตรามีความจำเป็นและเร่งด่วนอย่างไร
เนื่องจากโดยหลักการแล้วสภาผู้แทนราษฎรควรจะพิจารณา พ.ร.บ. แต่ พ.ร.ก.เป็นการริดรอนอำนาจของฝ่ายสภาให้กับฝ่ายบริหาร จึงต้องเป็นข้อยกเว้นตามมาตรา 172 อย่างเคร่งครัด
นายจุลพงศ์ ยกตัวอย่าง คำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ระบุ ให้เป็นวินิจฉัยของ ครม. แต่เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนสมาชิก ช่วยอธิบายถึงปัญหาได้หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงต้องออกเป็น พ.ร.ก. เนื่องจากใน วรรค 5 ระบุไว้ว่า ถ้าสภาผู้แทนราษฎรหรือวุฒิสภา อนุมัติ พ.ร.ก. เดิมที่ขอแก้ไข ให้ พ.ร.ก.นั้น มีผลใช้บังคับเป็น พ.ร.บ.ต่อไป
ทั้งยังมีบางมาตราที่ดูแล้วจะเป็นเรื่องของการบริหาร และเพื่อความสะดวกในการบริหารงานหรือไม่ จึงนำมาใส่ไว้ใน พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยีนี้ ส่วน พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ก็สงสัยว่า จะสามารถบังคับใช้ได้จริงหรือไม่ เพราะหากถือว่าประกอบธุรกิจในราชอาณาจักร จะสามารถไปเก็บภาษีได้หรือไม่
ด้านนายรวี เล็กอุทัย สส.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า เห็นด้วยในหลักการของ พ.ร.ก.ฉบับนี้ โดยเฉพาะเรื่องการคืนเงินให้ผู้เสียหายอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีข้อกังวลว่า แม้จะมีการตรากฎหมายทั้ง 2 ฉบับแล้ว กลุ่มผู้เสียหาย และช่องทางการหลอกลวง ยังคงมีอยู่ อีกทั้งกระบวนการดำเนินคดี ยังไม่สามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงที
นายรวี จึงตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม เกี่ยวกับมาตรา 9 ซึ่งเพิ่มมาตรา 8/1 และ 8/2 ว่าควรกำหนดหลักเกณฑ์การคืนเงินให้ผู้เสียหายให้ชัดเจน เนื่องจากมีปัญหาที่พบบ่อยคือ บัญชีของผู้กระทำผิดไม่มีเงินเพียงพอในการชดใช้ จึงควรจัดลำดับความสำคัญของผู้เสียหาย และกำหนดหลักเกณฑ์ให้ชัด เพื่อไม่ให้เกิดข้อโต้แย้ง
นอกจากนี้ มาตรา 9 ที่เพิ่มมาตรา 8/5 ยังไม่มีการระบุอำนาจการสอบสวนคดีอาญาอย่างชัดเจนด้วย โดยเฉพาะเมื่อมีผู้เสียหายไปยื่นร้องเรียนที่ศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (สปอท.) ยังไม่มีการกำหนดว่า หน่วยงานใดมีอำนาจสอบสวน และควรอยู่ในระดับท้องที่หรือส่วนกลาง อีกทั้งต้องครอบคลุมความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีโดยตรง
สำหรับมาตรา 8/5 (2) ที่ว่าด้วยการระงับธุรกรรม ควรมีมาตรการระงับสิทธิการเปิดบัญชีใหม่กับทุกธนาคารเป็นการชั่วคราว จนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ โดยเฉพาะในกรณีที่มีการตรวจพบว่าผู้ต้องหา แม้ถูกอายัดบัญชีแล้ว ยังสามารถไปเปิดบัญชีใหม่ เพื่อกระทำความผิดซ้ำได้ หากสามารถระงับสิทธิ์ได้ ก็จะช่วยลดความเสียหายลงได้อย่างมาก
นายรวี กล่าวว่า หากมีข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนคดี และอัตราส่วนของคดีที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ระยะเวลาที่ใช้ในการสอบสวน รวมถึงภาระงานของพนักงานสอบสวน และอัยการต่อจำนวนคดี จะสามารถใช้ข้อมูลเหล่านี้ วางแนวทางแก้ปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญ ในการยกระดับกระบวนการสอบสวน และดำเนินคดี เพื่อให้สามารถช่วยเหลือผู้เสียหายได้อย่างแท้จริง
จากนั้น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ปัญหาคอลเซ็นเตอร์นี้ สร้างความเสียหายอย่างมหาศาล ใน 1 วัน คนไทยถูกหลอกเป็นจำนวนเงินกว่า 77 ล้านบาท ความเสียหายรวมกว่า 30,000 ล้านบาท มีคดีออนไลน์เฉลี่ยวันละ 700–800 คดี จนสร้างภาระแก่พนักงานสอบสวน ซึ่งแสดงให้เห็นว่าที่ผ่านมา เราไม่มีกฎหมายสกัดกั้นคอลเซ็นเตอร์เลย ปล่อยให้โจรออนไลน์เหิมเกริมหลอกประชาชนไปเรื่อยๆ จนทำให้กระบวนการสอบสวนของตำรวจ ซึ่งเป็นบันไดขั้นแรกของกระบวนการยุติธรรม เข้าสู่ภาวะล้มเหลว
นายวิโรจน์ เชื่อว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้เป็นการแก้ไขข้อมูลเพิ่มเติม และเชื่อว่าจะช่วยให้หน่วยงานที่กำกับดูแลการเงิน และโทรคมนาคม มีอำนาจในการจัดการปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และให้ความเป็นธรรมแก่ประชาชนที่ตกเป็นเหยื่อ โดยตนเห็นถึง มาตรา 8/10 ที่ระบุว่า ธนาคาร เครือข่ายมือถือ และผู้ให้บริการสื่อ ที่มีทั้งทุนและเทคโนโลยี ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ในการต่อสู้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ไม่ปล่อยให้ผู้เสียหายต้องรับผิดชอบเพียงลำพังเหมือนที่ผ่านมา
ดังนั้น สิ่งที่ต้องจับตาหลังจากนี้ คือ การดำเนินการหลังจาก พ.ร.ก. ฉบับดังกล่าวมีผลบังคับใช้ โดยเฉพาะการออกกฎหมายลูกของมาตรา 8/10 ที่จะต้องกำหนดให้ต้องร่วมรับผิดชอบในสัดส่วนอย่างไร มีระเบียบและแบบแผนการดำเนินการอย่างไร และกฎหมายลูกดังกล่าวจะแล้วเสร็จเมื่อใด เนื่องจาก พ.ร.ก.เพียงอย่างเดียวนั้น ยังไม่เพียงพอ และไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายวิโรจน์ เห็นด้วยกับ พ.ร.ก.ฉบับนี้ และขอให้นายประเสริฐเร่งเสริมศักยภาพให้กับศูนย์ปฏิบัติการเพื่อป้องกันอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ศปอท.) วางโครงสร้างบุคลากรให้เพียงพอ และพร้อมต่อการปฏิบัติงานโดยเร็วที่สุด เพราะทุกวันนี้ ประชาชนคนไทยต้องรับสายจากมิจฉาชีพวันละ 57,000 สาย และรับ SMS วันละประมาณ 160,000 ข้อความ มีคนไทยจำนวนมากที่พลาดท่าให้กับมิจฉาชีพ จนต้องสูญเสียทรัพย์สินแทบหมดตัว ซึ่งทำให้เราทุกคนต้องร่วมกันทำงานแข่งกับโจร
ขณะที่ นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ตนเองสนับสนุนร่าง พ.ร.ก.ฉบับนี้ และถือว่ามีความสำคัญ แต่ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร มีความคาดหวังต่อกฎหมายดังกล่าวมากกว่านี้
และยิ่งมีคาดหวังว่า จะมีการบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้อย่างประสิทธิภาพ ในการแก้ไขปัญหาแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์กว่าที่เป็นอยู่ โดยขอแบ่งเป็น 2 มิติ คือ 1.ทำลายโครงสร้างอาชกรรมนอกประเทศ เพราะต้องยอมรับว่า ยังไม่มีการปราบปรามอย่างเร่งด่วน ทำให้เกิดจีนเทาเริ่มกลับประกอบธุรกิจแบบเดิมแล้ว ทำให้แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดน ไม่ว่าเมียนมาหรือกัมพูชา จะกลับมาอีกอย่างแน่นอน
2.ต้องทำลายโครงสร้างอาชกรรมภายในประเทศ ไม่ว่าบัญชีม้า ซิมม้า คริปโตเคอเรนซี่ม้าที่มีอยู่ ซึ่งในวันนี้มาขอการรับรองจากรัฐสภา ทำให้แม้จะมีการบังคับใช้ไปแล้ว แต่แนวโน้มของคอลเซ็นเตอร์นั้น กลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งอาจสะท้อนให้เห็นว่า ขาดประสิทธิภาพในบางเรื่องอยู่
นายรังสิมันต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการที่การทลายแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ และมีการตั้งกรรมการสอบเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เช่น พล.ต.ต. ‘ต’ ว่าขณะนี้ดำเนินการถึงไหน ช่วยแสดงให้เห็นถึงมาตรการจัดการไทยเทา เจ้าหน้าที่รัฐเทา เพื่อให้ประชาชนเชื่อมั่น เพราะในวันนี้ออกมาตรการใดมาก็ตาม ประชาชนจะตั้งคำถามต่อว่า รัฐบาลมีแรงจูงใจปราบปรามแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งต้องพิสูจน์ให้เห็นตั้งแต่วันนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปชน. ค้านนัดโหวตแก้ รธน. วาระ 3 หลังปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ
"ณัฐวุติ" ย้ำโหวตแก้ รธน. วาระ 3 ต้องเสร็จก่อนปีใหม่ หวั่นกระทบไทม์ไลน์ทำประชามติ เสี่ยงผิด MOA เชื่อไม่มีเงื่อนไขให้ สว. ควํ่าวาระ 3 เผย หลังโหวตเสร็จ ปชน. เตรียมชง 2 คำถามประชามติให้สภาฯ เคาะทันที
'ไอติม' เลี่ยงยื่นซักฟอก ใช้กลไกอื่นตรวจสอบรัฐบาลแทน
'พริษฐ์' ปัดตอบยื่นซักฟอกรัฐบาล ขอใช้กลไกอื่นของสภาตรวจสอบเข้มข้นแทน เชื่อถกแก้ รธน. วาระ 2 จบภายใน 3 วัน นัดประชุมวิปฝ่ายค้านวางกรอบ 9 ธ.ค.
สส.ปชน. เรียกร้องรัฐบาลเยียวยาน้ำท่วมภาคกลางให้มีมาตรฐานเดียวกับภาคใต้
"เต้ ทวิวงศ์" จี้รัฐบาลอย่า 2 มาตรฐาน ช่วยน้ำท่วมใต้แล้ว หันมาช่วยน้ำท่วมภาคกลางด้วย บอก "ภราดร" ลองกลับมาถามคนอ่างทอง หากรอการเยียวยาเป็นลำดับถัดไปไหวหรือไม่ เหตุอยุธยาจมน้ำมา 4-5 เดือนแล้ว คนเสียชีวิตไปกว่า 20 ราย ชี้ ชาวบ้านต้องทำมาหากิน ควรมีมาตรการชดเชย-ช่วยเหลือเต็มรูปแบบเหมือนกัน
บก.ลายจุด อวยว่าที่นายกฯ ฝึกงานล้างบ้าน เก็บขยะ มีพัฒนาการที่ดี ลงท้ายแขวะ 'อภิสิทธิ์'
นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือบก.ลายจุด โพสต์ภาพนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน กำลังล้างบ้านน้ำท่วมที่หาดใหญ่ พร้อมข้อความระบุว่า ใครทนอ่านเรื่องส้มไม่ได้ให้ข้ามไปก่อน
อึ้ง! คลิปผู้ช่วยสส.พท. สร้างจากเอไอ ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่ เรียกร้อง ปชน.ตรวจสอบรัฐบาล
เพจเฟซบุ๊ก Cofact โคแฟค โพสต์ข้อความ เรื่อง เนื้อหาที่ตรวจสอบ : คลิปผู้ช่วย สส. ยืนแช่น้ำท่วมที่หาดใหญ่เรียกร้องพรรคประชาชนตรวจสอบรัฐบาลอนุทิน ระบุว่า
ตาสว่างกันได้หรือยัง ’รักชนก‘ ประจานเพื่อไทยโหนเสื้อแดงหากินไปวัน ๆ
นางสาวรักชนก ศรีนอก หรือ “ไอซ์” สส.กรุงเทพฯ พรรค ประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กว่า “ตาสว่างกันได้หรือยัง ว่าใครที่ตั้งใจอยากคืนความยุติธรรมให้คนเสื้อแดง ใครแค่


