‘สงครามไม่ใช่กีฬา’ นักวิชาการเตือนสื่อ หยุดปลุกกระแสชาตินิยมสุดโต่ง

อาจารย์ธรรมศาสตร์ ชี้สื่อมีพลังทั้งสร้างสันติและจุดชนวนความรุนแรง ต้องนำเสนอข่าวอย่างรอบด้าน ไม่ตกเป็นเครื่องมือของวาทกรรมชาตินิยม หลีกเลี่ยงการทำให้ข้อพิพาทชายแดนกลายเป็นฉากต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรม พร้อมเตือนว่า รัฐไม่เจ็บ ไม่ตาย แต่คนจริงๆ เสียชีวิตได้

8 มิถุนายน 2568 - ผศ. ดร.เอกพล เธียรถาวร อาจารย์ประจำคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และอนุกรรมการฝ่ายวิชาการ สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ เปิดเผยว่า ท่ามกลางบรรยากาศความตึงเครียดกรณีข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ข้อมูลข่าวสารจะเป็นได้ทั้งตัวจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้ง หรือเป็นส่วนสำคัญในการยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลายจนเกิดความรุนแรง ฉะนั้นสื่อมวลชนจะต้องนำเสนอข่าวอย่างรอบด้านครบทุกมิติ และต้องไม่ถูกชี้นำด้วยอารมณ์หรือวาทกรรมชาตินิยม ความรักหรือความเกลียด

ทั้งนี้ สิ่งที่สื่อมวลชนต้องตระหนักคือรูปแบบการนำเสนอจะต้องไม่นำไปสู่การสร้างอารมณ์และความรู้สึกของประชาชนในลักษณะที่ก่อให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นคล้ายกับการแข่งขันกีฬาเพราะสงครามไม่ใช่การแข่งกีฬา ต้องหลีกเลี่ยงการใช้วาทกรรมที่กระตุ้นความเกลียดชังหรือปลุกปั่นความเป็นชาตินิยมที่อาจจะลดทอนความซับซ้อนของความขัดแย้งให้เหลือเพียงแค่มิติขาวกับดำ หรือการต่อสู้ระหว่างฝ่ายธรรมะกับอธรรม ควรจะหลีกเลี่ยงการใช้ภาษาที่อาจจะนำไปสู่การปิดกั้นการเจรจา และต้องให้ความสำคัญกับหลักสิทธิมนุษยชน ผู้ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าฝ่ายใดก็ตาม

ผศ. ดร.เอกพล กล่าวว่า หลักการสำคัญในการนำเสนอข่าวท่ามกลางความอ่อนไหวเช่นนี้คือความจริงจะต้องอยู่เหนือผลประโยชน์ของรัฐ หากความจริงไม่ปรากฏประชาชนก็จะไม่สามารถตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ฉะนั้นหน้าที่ของสื่อมวลชนจึงไม่ใช่การสนับสนุนให้ประเทศตัวเองได้เปรียบ แต่คือการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงที่ผ่านการตรวจสอบแล้วว่าภายใต้ข้อพิพาทที่เกิดขึ้นนี้จะไม่มีใครถูกกดขี่ เพราะหากสื่อมวลชนบิดเบือนข้อมูลหรือนำเสนอข้อมูลอันเป็นเท็จ แม้ว่าประเทศเราจะได้รับผลประโยชน์และสามารถกดขี่หรือเอาเปรียบเขาได้ แต่ในระยะยาวจะเกิดหายนะเพราะสิ่งที่จะตามมาคือมรดกของความเกลียดชังที่ถูกกดทับไว้ ย้ำว่าสิ่งที่เราเรียกว่าชาติหรือรัฐนั้นเป็นนามธรรม ไม่เจ็บ ไม่ปวด ไม่ตาย แต่ชีวิตคนทุกคนนั้นเจ็บจริง ตายจริง ความสูญเสียคือสิ่งที่สื่อมวลชนต้องคำนึงถึงเป็นลำดับแรก

“อยากจะฝากไปถึงผู้ที่ทำงานในวิชาชีพสื่อมวลชนว่าให้คำนึงถึงผลประโยชน์สูงสุดและป้องกันการเกิดผลกระทบในทางเสียหายให้มากที่สุด ซึ่งคำว่าประโยชน์สูงสุดไม่ได้หมายถึงประโยชน์ของชาติหรือรัฐ แต่เป็นประโยชน์สูงสุดของประชาชน ของผู้คนที่มีเลือดมีเนื้อจริงๆ” ผศ.ดร.เอกพล กล่าว

นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวต่อไปว่า แนวปฏิบัติที่พึงกระทำในการนำเสนอข่าวสงคราม หรือความขัดแย้งระหว่างประเทสสำหรับสื่อมวลชน ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของสภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ โดยเน้นความถูกต้องของข้อมูล แยกแยะระหว่างข้อเท็จจริงกับความคิดเห็น และระมัดระวังข้อมูลที่ไม่มีการยืนยัน รวมไปถึงการให้พื้นที่กับเสียงของทุกฝ่าย อาจจะเป็นได้ทั้งนักวิชาการของไทยและนักวิชาการของกัมพูชา เป็นต้น หรือในกรณีที่ข้อมูลมีความผิดพลาดก็ให้เร่งแก้ไขโดยเร็ว

สำหรับประชาชนทั่วไป ก่อนที่จะส่งต่อข้อมูลอะไรออกไปจะต้องพยายามตรวจสอบข้อมูลให้ถี่ถ้วน ควรมีความรู้เท่าทันสื่อ ควรทราบว่าข้อมูลที่กำลังรับรู้อยู่นั้น อะไรเป็นข่าวลือ อะไรเป็นข้อเท็จจริง อะไรเป็นความคิดเห็น หรืออะไรเป็นข้อมูลที่ถูกส่งต่อมาโดยไม่มีที่ไปที่มาหรือไม่มีมูลความจริง.

 

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จีน-ไทย-เขมร' เปิดฉากไตรภาคี นานาชาติร่วมยินดีหยุดยิง

'จีน-ไทย- กัมพูชา' หารือไตรภาคี หลังหยุดยิง นานาชาติร่วมยินดีไทย กต. ยืนยันยังคงรวบรวมหลักฐานทุ่นระเบิด เสนอตามกรอบออตตาวา ในฐานะรัฐภาคีที่รับผิดชอบต่ออนุสัญญา

กองทัพยังไม่พบเหตุละเมิดหยุดยิง ยันห้ามเขมรกลับเข้า 'บ้านหนองจาน'

กองทัพยันยังไม่พบเหตุการณ์ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 72 ชม. ไทยยึดเคร่งครัด แจงชาวกัมพูชากลับเข้า 'บ้านหนองจาน' ในเขตฝ่ายไทยไม่ได้

'ทอ.' เช็กแล้ว! เที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' อย่ากังวลพร้อม 24 ชม.

'ทอ.' เช็กเที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' ยันถ้าเติมของและใช้กระทำฝ่ายไทย มีมาตรการตอบโต้-รับมือ ย้ำอย่าวิตกกังวล ชี้ช่วงนี้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ

ชาวบ้านกรวดเริ่มเปิดร้าน หาเงินเลี้ยงชีพ แม้ไม่มั่นใจเขมรหยุดยิงจริง

ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มกลับไปทำมาหากิน และเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระหนี้สินกันแล้ว