19 มิ.ย.2568 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิปพร้อมเนื้อหาบนเฟซบุ๊กในหัวข้อ “แนะทางออกการเมืองของประเทศ” ระบุว่า ผมเชื่อว่าหลังจากคนไทยทั้งประเทศ ได้ฟังคลิปที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีได้พูดคุยกับสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภาของประเทศกัมพูชาแล้ว ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ และกังวลใจ เคลือบแคลงสงสัยในภาวะผู้นำของประเทศ ที่คนไทยหลายๆคนตั้งข้อสงสัยว่า ความสัมพันธ์ระหว่างครอบครัวชินวัตรกับครอบครัวของสมเด็จฮุนเซน ที่สนิทสนมกัน ใกล้ชิดกัน เกี่ยวดองกัน มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรหรือไม่ มีความผูกพันสัมพันธ์กันในเชิงธุรกิจ โดยนำเอาผลประโยชน์ของชาติ เข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
เมื่อได้ฟังคลิปที่มีบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง ของนางสาวแพทองธารกับสมเด็จฮุนเซน ในฐานะลุงกับหลาน และพาดพิงไปยังกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยยอมรับไม่ได้ ที่พฤติกรรมของผู้นำประเทศ มีความสุ่มเสี่ยงต่อการสูญเสียอธิปไตยของชาติ
ผมขอนำเสนอแนวทางปฎิบัติไปยังนางสาวแพทองธาร ให้พิจารณาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นดังนี้
1.นางสาวแพทองธาร ต้องออกมายอมรับผิด และแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำ โดยการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เปิดโอกาสให้สภาผู้แทนราษฎร สรรหาผู้ที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่
2.นางสาวแพทองธาร ใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจเลือกพรรคการเมือง ที่ประชาชนไว้วางใจมาเป็นรัฐบาล และเลือกบุคคลที่เหมาะสมมาเป็นนายกรัฐมนตรี การคืนอำนาจให้กับประชาชน เป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตย ถึงแม้ว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่มีความผิด แต่รัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีก็สามารถยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชนได้
3.ถ้าหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก และไม่ประกาศยุบสภา เรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคร่วมรัฐบาลที่มาจากรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา คือพรรคภูมิใจไทย (ที่ประกาศถอนตัวแล้ว) พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทยพัฒนา จับมือกัน กดดัน ถอนตัวหรือยื่นคำขาดให้นายกรัฐมนตรีลาออก หรือให้ประกาศยุบสภา
4.ถ้าหากนายกรัฐมนตรีไม่ลาออก ไม่ยุบสภา พรรคร่วมรัฐบาลฝ่ายอนุรักษ์นิยมไม่ถอนตัว ไม่แสดงความรักชาติ ต้องเรียกร้องให้ประชาชน กดดันพรรคการเมืองเหล่านี้ให้ถอนตัว เพื่อป้องกันสถานการณ์ไม่ให้อำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซงได้
ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เหมือนกับกรณีวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ที่คณะนายทหารกลุ่มหนึ่ง เรียกประชุมพรรคการเมือง และยื่นคำขาดให้รัฐบาลในขณะนั้นลาออก และเมื่อรัฐบาลในขณะนั้นยืนกระต่ายขาเดียว ยืนกรานว่าจะไม่ลาออก คณะนายทหารจึงใช้อำนาจทำรัฐประหาร ไม่อยากให้บ้านเมืองเข้าสู่ทางตัน และอำนาจนอกระบบเข้ามาแทรกแซง การปกครองระบอบประชาธิปไตย อยากให้การเมืองไทยเป็นไปตามวิถีทางในระบอบประชาธิปไตยและตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ
จึงเรียกร้องให้ประชาชนคนไทยทุกคน จง รักษาและพิทักษ์ไว้ ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตย กดดันให้มีการลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ หรือถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล เพื่อทำให้รัฐบาลชุดนี้เดินหน้าบริหารประเทศไม่ได้
นี่คือความหวังดีและทางออกของบ้านเมืองในขณะนี้ครับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' เปิดพรรครับ 'กลุ่มรักสถาบัน' ให้กำลังใจ ปกป้องอธิปไตยไทย
'อนุทิน' เปิดพรรค รับดอกไม้-หนังสือ 'กลุ่มศปปส.' ให้กำลังใจปกป้องอธิปไตย ลั่นไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. วางนโยบายหาเสียง คัดผู้สมัครรอบสุดท้าย
'อนุทิน' หัวโต๊ะ ภท. ถกวางนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง คัดผู้สมัคร สส. รอบสุดท้าย '3 แคนดิเดตนายกฯ' พยายามให้ชัดวันนี้
'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี
เขมรสบายใจได้! บิ๊กเล็กยันไม่มีไล่ยิงถึงพนมเปญแค่สิ้นสุดการเป็นปรปักษ์เท่านั้น
รมว.กลาโหม พุ่งเป้า 'เรือไทย' ใช่ช่องโหว่ขนน้ำมัน สวมรอย 'ประเทศที่ 3 - ใช้น่านน้ำสากล' ลั่น 'กัมพูชา' ต้องสิ้นการเป็น 'ปฏิปักษ์' ชัดเจน ยัน 'ไทย' ไม่มีไล่ยิงถึงพนมเปญ
'เทพไท' ชำแหละสันดานนักการเมืองยุคนี้!
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช
ศรชล.ขู่เรือไทยแปลงสัญชาติขนน้ำมันเข้า 'กัมพูชา' เจอโทษหนัก!
'ศรชล.' ขู่ 'เรือไทย' แปลงสัญชาติ ขนน้ำมันเข้า 'กัมพูชา' ชี้สถิติลดลงหลังงัดมาตรการ เผยเรือ 2 ลำ ให้ความร่วมมือ เข้าแจงแล้ว

