'คปท.-กองทัพธรรม' บุกรัฐสภา จี้ยกเลิกร่าง พ.ร.บ.กาสิโน-นิรโทษกรรม เหมารวม คดีทุจริต- ม.112 เชื่อมีผลประโยชน์แค่คนบางกลุ่ม ขูหากสอดไส้ 'ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์' จะต่อต้านถึงที่สุด ยันหนุนนิรโทษคดีการเมืองทุกเสื้่อสี
9 ก.ค.2568 - ที่รัฐสภา กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) และกองทัพธรรม นำโดย นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท. เคลื่อนขบวนจากสะพานชมัยมรุเชฐมาที่รัฐสภา เพื่อยื่นหนังสือคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ เอนเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ และคัดค้านร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยมีนายคัมภีร์ ดิษฐากรณ์ โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร มารับหนังสือ
โดย นายพิชิต กล่าวว่า วันนี้มีเรื่องห่วงใยหลายเรื่อง โดยมีทั้งเรื่องร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร และ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมถึงแม้ว่าเมื่อวาน (8 ก.ค. 68) คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ถอดถอนร่างเอ็นเตอร์เทนเมนท์คอมเพล็กซ์ก็ตามก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ยังคงมีความเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ประกาศว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้ต้องจับตาดูว่าในอนาคตจะถอยทั้งหมดหรือไม่อย่างไร
นายพิชิต กล่าวว่า ส่วนเรื่องร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม ในวันนี้เป็นการยื่นเสนอเป็นยกแรก โดยมีการเสนอขึ้น 3-4 ร่าง ซึ่งก็เห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมให้กับผู้ชุมนุมทางการเมืองทุกสีเสื้อ ตนเอง และกลุ่มมวลชนก็ได้รับผลประโยชน์กับร่างนิรโทษกรรมเช่นกัน แต่สิ่งที่ทำให้เกิดความกังวลแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก คือความพยายามนำความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองมาแฝงเข้าไปในการนิรโทษกรรมครั้งนี้ โดยเฉพาะมาตรา112 และการทุจริตคอร์รัปชัน รวมถึงความผิดในทางอาญาที่มีผลต่อชีวิต หากมีการสอดไส้นิรโทษกรรมให้ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และนายทักษิณ ผู้ชุมนุมก็จะต่อต้านให้ถึงที่สุด
สำหรับบรรยากาศบริเวณหน้ารัฐสภา (ฝั่ง สส.) มีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยอำนวยความสะดวก ทั้งการดูแลจราจร และความปลอดภัยให้กับประชาชน
ทั้งนี้ นายพิชิต ไชยมงคล นายนัสเซอร์ ยีหมะ ตัวแทนเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) ดร.ใจเพชร กล้าจน ตัวแทนกองทัพธรรม และ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) ยื่นหนังสือ คัดค้านนิรโทษกรรมเหมารวม ถึง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกท่าน มีใจความว่า
ตามที่สภาผู้แทนได้บรรจุ ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม เข้ามาพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญ ชุดที่26 ปีที่ 3 ครั้งที่ 2 ซึ่งประกอบด้วย ร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรม จากหลากหลายคณะที่เสนอให้สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณา
โดยหลักการแล้ว การนิรโทษกรรมให้กับประชาชน ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองอันเนื่องมาจากความเห็นทางการเมืองที่แตกต่าง หรือการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง ตามสิทธิและเสรีภาพี่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ย่อมเป็นสิ่งที่สามารถดำเนินการเพื่อนิรโทษกรรมทางการเมืองได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎร
แต่สิ่งทำให้เกิดความกังวลแก่ประชาชนเป็นอย่างมาก คือความพยายามนำความผิดที่ไม่เกี่ยวข้องทางการเมืองมาแฝงเข้าไปในการนิรโทษกรรมครั้งนี้ อันจะนำมาสู่เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยเมื่อครั้งอดีต เมื่อสภาผู้แทนราษฎร แอบพิจารณานิรโทษกรรมแบบสุดซอย ในครั้งรัฐบาล นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนนำมาสู่การชุมนุมใหญ่ของประชาชนในที่สุด
เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท) กองทัพธรรม ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และประชาชน เห็นว่า การนิรโทษกรรมให้กับประชาชนในคดีการเมืองและการชุมนุมทางการเมืองนั้นเป็นสิ่งที่จะทำให้เกิดความสมานฉันท์ได้ แต่หากมีเจตนาอื่นแอบแฝงเฉพาะกลุ่ม เฉพาะตน อันอยู่นอกการเคลื่อนไหวทางการเมืองแล้วนั้น กลับจะทำให้เกิดความแตกแยกอย่างไม่จบสิ้นในสังคมมากกว่า
เพื่อให้เกิดแนวทางการนิรโทษกรรม อย่างชัดเจน เราจึงขอคัดค้านการนิรโทษกรรม ใน 3 ประเด็นดังนี้
1. ขอคัดค้านการนิรโทษกรรมให้กับคดีความผิดเกี่ยวกับการทุจริต คอร์รัปชัน ทุกรูปแบบ และฐานความผิดในการละเว้น หรือจงใจละเว้นในการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ อันนำมาสู่การทุจริต คอร์รัปชัน เนื่องจาก การทุจริต คอร์รัปชัน เป็นความผิดรุนแรงที่เป็นเจตนากระทำผิดในการทุจริตประชาชนทั้งประเทศ สร้างความเสียหายต่อประเทศชาติ และเป็นการทำลายประเทศโดยคำนึงเฉพาะผลประโยชน์ของตนเอง ฐานความผิดนี้ ไม่สมควรที่จะได้รับการ นิรโทษกรรม และไม่ควรได้รับการลดโทษด้วยซ้ำ
2. ขอคัดค้านที่การนิรโทษกรรม ฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ฐานความผิดดังกล่าว อยู่ในลักษณะ ๑ ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด ๑ ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นี่จึงไม่ใช่คดีทางการเมือง แต่ถูกนักการเมืองปั่นกระแส เพื่อหวังผลต่อคะแนน เมื่อมีผู้กระทำผิด ก็ออกชุดอธิบายว่า เป็นความเห็นต่างทางความคิด และโยงมาเป็นคดีการเมือง
นี่ไม่ใช่ความเห็นต่างทางการเมือง แต่เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร เป็นการละเมิดต่อสถาบันที่ทรงอยู่เหนือการเมืองโดยตรง จะมาเหมารวมเป็นนิรโทษกรรมทางการเมืองไม่ได้ เนื่องด้วยเป็นความผิดต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยตรง ผู้กระทำย่อมสามารถขออภัยโทษส่วนบุคคลได้ ซึ่งก็ต้องยอมรับผิด สำนึกผิด และขออภัยโทษ และจะไม่กระทำผิดอีกได้เป็นส่วนบุคคลหรือกลุ่มคณะ จะมาตั้งคณะกรรมการกลั่นกรองความผิด แล้วนิรโทษกรรมได้อย่างไร คณะกรรมการกลั่นกรองเป็นใคร ใช้อำนาจอะไรแทนสถาบันพระมหากษัตริย์ถึงจะยกโทษให้ใครก็ได้
3. ขอคัดค้านการนิรโทษกรรมให้กับฐานความผิดอาญาร้ายแรง ทั้งในหมวดความมั่นคงแห่งรัฐ และ หมวดความผิดอาญาที่เป็นฐานความผิดต่อชีวิต ที่แม้จะเกิดขึ้นจากการชุมนุมเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่เป็นการเคลื่อนไหวที่มีผลต่อชีวิตผู้อื่น ก็จำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด